โลกชะงักจากโควิด แต่ชีวิตต้องไปต่อ “เพราะเราคือกระจกเงา และสะพานเชื่อมจากอดีต สู่อนาคต”

เขียนโดย ณัฏฐ์

ทศวรรษที่ผ่านมานี้  เกิดอะไรมากมายขึ้นบนโลก  แต่คนเรามองเห็นได้เด่น  จำได้ชัด  ก็เห็นจะเป็นเรื่องภายในประเทศของตนเอง  เรื่องใกล้ๆ ตัว  เราได้ก้าวผ่านวิกฤตการณ์หลากหลายรูปแบบ  ทั้งสังคม  การเมือง  เศรษฐกิจ และรัฐบาลเปลี่ยนถ่ายกันมา  เกิดเหตุแบ่งแยก  หลากหลายมุมความคิด  คิดต่าง  รวมทั้งเกิดการชุมนุมทางการเมืองยืดเยื้อ  ชนิดที่จะกลัดกันไม่ติดอีกต่อไป  นี่แค่ ๗ ปี ทนอีกหน่อยก็ครบทศวรรษแล้ว

ตลอดทศวรรษเป็นเวลาที่ไม่น้อย  เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาของวิวัฒนาการของโลก   ก้าวหน้าก็เยอะ ล้มหายตายจาก  ล้มเหลวก็มาก ยิ่งเมื่อเทียบกับเวลาเป็นทศวรรษ

โรคระบาด Covid – 19 ที่นำมาซึ่งการหยุดกิจการ  พักธุรกิจ และปิดร้านค้ามากที่สุดในรอบหลายทศวรรษ  ผู้คนตกงานชักหน้าไม่ถึงหลัง  ขายทรัพย์สินยังไม่พอยังชีพก็เกิดขึ้น  ยังหาทางแก้วิกฤตกันไม่ได้จนถึงเดี๋ยวนี้  ทั้งๆ ที่ทางออกมากมายมีอยู่  แต่ต้องกลับทำตามคำสั่งผู้นำเพียงอย่างเดียว  ไม่เปิดโอกาสให้นำเสนอทางเลือกที่จะแก้ไขเศรษฐกิจ  ในช่วงเวลาที่โควิดระบาด  โดยการพลิกวิกฤติเป็นโอกาส  ทำให้เกิดธุรกิจจำนำรับเงินเป็นล่ำเป็นสัน (แปลกแต่จริง)

เมื่อเราขาดผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ในการสนทนาและหาทางออกจากคนเล็กๆ  ที่มีความสามารถมากมาย ในการพยุงตัวอยู่ได้ในยุคนี้  ไม่สนับสนุนความคิดสร้างสรรค์  เอาแต่สกัดกั้น ไม่ให้คิด ไม่ให้ทำ  ต้องทำตามผู้นำอย่างเดียว   เป็นอย่างนี้กี่ปีกี่ชาติ ก็ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตหลังโรคระบาดดีขึ้นเป็นแน่ 

ดูง่ายๆ ออกจากนอกบ้านไป  บางครอบครัวไปกันหลายคน พอถึงร้านต้องนั่งแยกโต๊ะ ไม่มีเหตุผล  ห้องน้ำสาธารณะในห้างสรรพสินค้า  เปิดห้องเว้นห้อง  ไม่เข้าใจ  แทนที่จะเปิดทุกห้อง  ให้ระบายอากาศ  เวลาคนหนึ่งเข้าไปแล้วออกมา ก็ไม่ต้องต่อคิวเข้าเลย เพราะห้องน้ำทุกห้องเปิด

สมุนไพรไทยดีมากมาย ก็ไม่สนับสนุนนำมาเป็นยาหลักในการช่วยรักษาโควิด และสนับสนุนให้กินอาหารเป็นยาอย่างในบรรพบุรุษเราที่ผ่านมา

พระพุทธศาสนามีพระพุทธมนต์ดีหลาย ช่วยให้จิตใจสงบ เยียวยาจิตใจ รักษากายให้สมดุล ก็ไม่สามารถบอกต่อ หรือนำมาเป็นยุทธศาสตร์ชาติได้ อะไรๆ ก็ต้องทำตามแต่ผู้นำจะสั่ง

ในอนาคต เราจะเห็นเด็กเรียนในกล่อง เติบโตมาเป็นมนุษย์สี่เหลี่ยม คิดตามสื่อนำ สุดโต่งไปซ้ายขวา ขาวดำและเทาไม่แยกแยะ แล้วดื้อกับพ่อแม่ในครอบครัว แต่กลับไปสนิทกับเพื่อนออนไลน์ที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน แสวงหาความรักที่ไม่มีอยู่จริง แล้วเด็กสมัยนี้ กับสมัยหน้า ก็จะกลัวความผิดหวัง จิตใจเปราะบาง อ่อนไหวเกินกว่าเหตุ จะว่าไป เด็กในอนาคตน่าเป็นห่วงมากพอๆ กับคนแก่ยุคนี้ที่ทำหน้าที่เป็นผู้นำที่กำลังจะจากไป บางคนกลับไม่รู้จักตัวเองว่าเกิดมาทำไม อย่างนี้ต้องให้ไปอ่านหนังสือ “คู่มือมนุษย์” ของท่านอาจารย์พุทธทาสสักสิบรอบ และบริหารตัวเองให้เสร็จก่อนค่อยมาบริหารคนอื่น

ณ เวลานี้ ขอผู้นำโปรดใช้ใบหูของท่าน เป็นดั่งหูพระโพธิสัตว์ ที่สดับฟังเสียงร้องอันโหยหวนอย่างทุกข์ทรมานให้ได้ยิน…และช่วยเหลือทุกคนด้วยใจที่ไร้อคติ ท่านก็จะเป็นผู้นำที่จะลงบันไดอย่างสง่างามในวันหนึ่ง

ปัจจุบันเล่า หันมามองร้านอาหารบ้าง

ธุรกิจร้านอาหารรายย่อยหนักที่สุด  อาหารสดค้างคืนวันเดียวก็เสียแล้ว  แทนที่จะเปิดให้ตามปกติ  รีบกิน รีบไป  อะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่ให้ซื้อกลับอย่างเดียว  ทำให้ร้านสะดวกซื้อกลายเป็นร้านจำเป็นของคนที่ยังพอมีกำลังซื้อ  ไม่ใช่คนเล็กๆ ทำอะไร ไม่ถูกกับคำสั่งในช่วงเวลานี้ ก็ปรับและจับเป็นว่าเล่น  คนตายจากความเครียดอาจจะมากกว่าโควิดนะจะบอกให้ แต่ไม่ได้อยู่ในสถิติรายวัน …

ยังมีอื่นๆ อีกมากมายทางออก  ที่ผู้นำควรฟัง ฟัง และฟัง ไม่ใช่สั่งให้ทำตามอย่างเดียว ฯลฯ

คนทำงานจำนวนมาก ทนพิษเศรษฐกิจในเมืองไม่ไหว ไปต่อไม่ได้ ได้ย้ายกลับภูมิลำเนาไม่น้อย  เกิดแนวคิดทำเศรษฐกิจพอเพียง ทำเกษตรปลูกอยู่ ปลูกกิน ปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก ก็พออยู่ได้ หลายรายประสบความสำเร็จ ทำให้มีคนย้ายกลับในช่วงโรคโควิด 19 ระบาดนี้จำนวนมาก  แต่การเริ่มต้นก็ไม่ใช่ง่าย ต้องอดทน  ประหยัด  มีทุนรอน และรอได้…

เมื่อวิถีชีวิตเปลี่ยน จากอนาล็อก –ดิจิทัล สู่ออนไลน์

ห้วงเวลาที่เกิดความเปลี่ยนแปลงจาก อนาล็อก สู่ดิจิทัล เกิดการหยุดชะงัก  (disruption) ธุรกิจหลายอย่างไม่มีทางจะกลับมาได้เหมือนเดิม การท่องเที่ยวที่หยุดคนทั้งโลกให้อยู่กับที่ตั้งของตนเอง

การบินหลายแสนลำ จอดสนิทอยู่กับลานบิน ไม่มีผู้โดยสารจอแจอย่างเช่นอดีต ที่ยังมองอนาคตกันไม่ออก

ห้องเรียนออนไลน์ผ่านระบบ Zoom หรือ Microsoft Team ได้เป็นช่องทางการเรียนการสอนรูปแบบใหม่ของนักเรียน นั่งเรียนและส่งงานจากบ้านผ่านมือถือ แทปเลต

Work from Home การทำงานโดยไม่เข้าออฟฟิศ มิติใหม่แห่งการบริหารงานผ่านโปรแกรม  คือความไว้วางใจต่อพนักงาน  หลายต่อหลายบริษัทได้เลือกใช้วิธีนี้ และประสบความสำเร็จได้ดีมาก

Traffic jam ปัญหารถติดในกรุงเทพ ที่ลดลงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในระยะเวลาหลายสิบปี

อาชีพเกิดใหม่ขายของไม่ต้องมีหน้าร้านผ่านแอพพลิเคชั่น  ผ่านไลฟ์สด  เกิดพิมรี่พาย มากมายในโลกออนไลน์  ดาราหน้ากล้อง ผันตัวเองเป็น Net Idol ตามธรรมชาติ  ตามความสามารถของแต่ละคน  ดาราเกิดเองอย่างชนิดที่ไม่ต้องเสียเงินไปหาแมวมองแต่อย่างใด ตามมาด้วย Delivery by Lineman LaLamove ที่รับส่งสินค้าถึงบ้านเพียงแค่ไม่กี่สิบนาทีเท่านั้น   

ทุกอย่างมาเพื่อตอบสนองชีวิต Work from Home  กับตลาดออนไลน์ที่โตวันโตคืนอย่างชนิดที่ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน  แต่ด้วยระบบความปลอดภัยระดับหนึ่ง และความรับผิดชอบของผู้ผลิต และผู้ขายสินค้า ที่ต้องอยู่บนโลกใบจริงอีกยาวนาน  การตอบสนองความมั่นใจบนโลกเสมือนจึงเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและสามารถรักษาฐานลูกค้าประจำได้สำเร็จ ตลอดจนสามารถสร้างฐานลูกค้าใหม่ๆ ได้  ด้วยความซื่อสัตย์

นี่เป็นสิ่งยืนยันว่า โลกของ ดิจิทัล ดิสรัปชัน (Digital Disruption) อันหมายถึง การปฏิรูป หรือเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการใช้เทคโนโลยีและโมเดลธุรกิจแบบใหม่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิต การทำงาน ธุรกิจแทบทุกชนิด รวมไปถึงงานบริการ งานศิลปะทุกด้าน อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ได้เข้ามามีบทบาทรวดเร็ว แก่สิ่งที่ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว คาดไม่ถึง  ใครจะคิดว่า วันหนึ่งมีสามฤดู หนาว ร้อน และฝนตก ก็มีแล้ว ในยุคนี้ มันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ บนโลกสีน้ำเงินใบนี้ที่เราอาศัยอยู่ชั่วคราว 

ห้วงเวลาที่ผ่านมาของเราๆ ท่านๆ เป็นความรู้ เป็นประสบการณ์ รู้จักขีดความสามารถของตนเอง รู้ฐานะที่แท้จริงของตนเอง และแก้ไขตนเอง รองรับการพัฒนาได้ทันความรวดเร็วของการเปลี่ยนชนิดที่เรียกว่า ๕ จี ถ้าหากใครมัวแต่ใช้ ๒ จี ก็มีโอกาสถูกดิสรัป ออกจากระบบ ทิ้งไว้เบื้องหลัง จนโผล่ขึ้นมาอีกทีกลายเป็นงุนงง ว่า โลกเป็นไปอย่างไร ไปถึงไหนกันแล้ว ค่อยถึงบ้างอ้อว่า นี่ ระบบสัมผัสกันแล้ว ไม่ใช่เป็นฟีเจอร์แบบ ปุ่มๆ ไม่ใช่แค่ ๕ ปุ่ม ๑๐ ปุ่มแล้ว

ยอมรับการเปลี่ยนแปลง แล้วไปต่อ…       

การเปลี่ยนแปลง คือเปลี่ยนตัวเองให้รับกับสภาพความเปลี่ยนแปลง เรียนรู้ให้ทันสภาพการณ์ปัจจุบัน รองรับวันข้างหน้า คืออนาคต ที่ไม่รู้ว่า Covid จะสิ้นสุดลงอย่างไร Covid ยังรู้จักพัฒนาสายพันธุ์  หากคนเราไม่พัฒนา และระบบไม่เอื้อต่อการพัฒนาคน มีแต่วันจะถูกดิสรัปชัน ถ้าจะเรียกให้สวยหน่อยก็คือ “การปฏิรูปโลกใหม่” ออกจากกระแสที่เปลี่ยนอัตโนมัติ

แต่ทั้งหมดทั้งมวล  สุดท้ายเราจะพัฒนาตัวเองเพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลง  นี่เป็นโจทย์ใหญ่ที่หลายคนต้องกลับมาทบทวนบทเรียน  ว่าจะเอาตัวเอง  และประเทศชาติที่เรารัก ให้รอดพ้นจากวิกฤตที่เคยเป็นในอดีตด้วยสติและปัญญาของพวกเราทุกคนได้อย่างไร

โลกชะงักจากโควิด แต่ชีวิตต้องไปต่อ … “เพราะเราคือกระจกเงา และสะพานเชื่อมจากอดีต สู่อนาคต” : เขียนโดย ณัฏฐ์

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here