I am home ฉันอยู่บ้าน

ข้อความสั้นๆ ที่งดงาม ลึกซึ้ง อบอุ่น ปลอดภัย

พระพุทธรูปหินที่ตั้งอยู่ด้านหน้าข้อความ I am home ลายมือพู่กันของหลวงปู่ ติช นัท ฮันห์ในช่วงแรกๆ ที่ท่านเริ่มเขียนภาพลายพู่กัน นั่งหลับตาด้วยอาการนิ่งสงบ ก้มศีรษะมาทางด้านหน้าเล็กน้อย รูปจมูกค่อนข้างแบน ห่มจีวรตามความเชื่อในแบบมหายาน และวัชรยาน ที่เปิดบริเวณส่วนหน้าอกและมีจุดดำๆ เล็กที่เกิดจากคราบตะไคร่น้ำอยู่ทั่วบริเวณองค์พระ เพราะท่านเคยถูกนำไปตั้งไว้ที่สวนหย่อม เพื่อเป็นสิ่งประดับเป็นเวลานาน บัดนี้พระภิกษุชาวอเมริกันนำท่านมาตั้งบนแท่นเคารพบูชา แม้ท่าน(พระภิกษุ) พยายามขัดทำความสะอาดพระพุทธรูปหินองค์นี้แล้ว แต่ยังคงมีจุดด่างดำให้เห็นอยู่ทั่วไป

เมื่อดูโดยรวมในสายตาของบางคน อาจมองว่าพระพุทธรูปองค์นี้ไม่เหมาะมาตั้งบนแท่นบูชา กราบไหว้ เคารพ เพราะเคยตั้งอยู่(ประทับ)ในสวนหย่อม ตั้งไว้ในที่ต่ำเพื่อใช้เป็นสิ่งประดับขาดซึ่งความขลังศักดิ์สิทธิ์คนเคยเดินผ่านข้ามหัว(พระเศียร)ไปมา จมูก(พระนาสิก)แบน หน้า(พระพักตร์)ก้มมาด้านหน้า เปิดหน้าอก(พระอุระ)ดูไม่งาม มีจุดด่างดำเต็มไปหมด เมื่อเพ่งพินิจมองแล้วไม่ชวนให้เกิดความเลื่อมใส ศรัทธา สงบเย็น

I am home ฉันอยู่บ้าน โดย พระพิทยา ฐานิสสโร
I am home ฉันอยู่บ้าน โดย พระพิทยา ฐานิสสโร

ความไม่พอใจ โกรธ เกลียด สาเหตุเกิดจากบุคคลอื่นจริงหรือ?

           สิ่งที่ยืนยันได้อย่างแน่ชัดว่า พระพุทธรูปหินองค์นี้ ไม่เคยโกรธ โมโห หรือ เกลียดชัง ไม่พอใจ พูด คิด กระทำร้ายกลับ แก้ต่าง อธิบายว่าทำไมต้องปรากฏเช่นนี้กับบุคคลที่อาจไม่พอใจ ทุกข์ ตำหนิ ติเตียน วิพากษ์วิจารณ์ ไม่เลื่อมใสศรัทธาหรืออาจถึงขั้นอยากทำลายและสร้างขึ้นมาใหม่ เพราะการปรากฏของท่านในรูปลักษณ์เช่นนี้

           อีกทั้งไม่ว่าใครจะย้ายท่านไปอยู่ ณ ที่ใดๆ ท่านก็ยังคงนั่งนิ่งสงบในท่าเดิม ไม่เคยยินดี หลงภูมิใจ เสียใจ ทุกข์ใจ เดือดร้อนใจที่นำท่านไปวางให้คนเดินข้ามหัวไป ข้ามหัวมา หรือนำท่านมาวางบนแท่นเคารพบูชา

รูปลักษณ์ของพระพุทธรูปองค์นี้ในวันนี้ก็เปลี่ยนไปแตกต่างจากวันแรกมากมาย จากการถูกกัดกร่อนที่เกิดกระทบสัมผัสจากฝน ลม หิมะ ความร้อน อากาศธาตุ ผิวที่อาจเคยเรียบเนียน ขาว กลับกลายเป็นกระดำกระด่างแต่ท่านก็ยังคงหลับตานั่งอย่างนิ่งสงบเหมือนวันแรกที่มาถึง

ผู้คนเดินข้ามหัวไปมาหรือมากราบไหว้ บูชา คิด กล่าวชื่นชม สรรเสริญ ตำหนิติเตียน วิพากษ์วิจารณ์หรืออาจมาทำลายจนไม่เหลือรูปที่ถูกสมมติว่าเป็นพระพุทธรูป เพราะไม่เข้าใจในความเป็นเช่นนี้ของท่าน แต่ท่านไม่เคยเหนื่อย ทุกข์ใจ เดือดร้อนใจกับความคิด คำพูด และการกระทำเหล่านั้น ท่านกลับเต็มเปี่ยมด้วยเมตตา ปรารถนาให้เขาเหล่านั้นพบสุขจากความคิด คำพูด การกระทำที่ดี โดยไม่หลงตกเป็นเหยื่อ ติดกับ ยึดติดในสิ่งสมมติ สร้างกระทำในสิ่งไม่ดีจากสิ่งที่เห็น จากสิ่งที่รับรู้สัมผัส ท่านเต็มพร้อมด้วยความกรุณาอย่างเหลือล้นที่ปรารถนาให้เขาเหล่านั้นพ้นจากความทุกข์ที่เกิดจากการปรุงแต่ง ติดยึดกับสิ่งที่รับรู้และไม่สามารถปล่อยวางได้  ปรุงแต่งจนเกิดความเศร้าหมองที่เรียกสมมติว่าบาป เพิ่มความทุกข์จากสิ่งที่รับรู้ สัมผัส อีกทั้งท่านยังส่งมอบมุทิตาจิตให้กับทุกสรรพสิ่ง สรรพชีวิตอย่างไร้การแบ่งแยกในลัทธิ ศาสนา ความเชื่อ ยินดีกับการรับผลแห่งความดีจากการกระทำของเขาแม้เขาเหล่านั้นอาจกำลังตำหนิ โกรธ เกลียดชัง ทำร้ายท่านอยู่ก็ตาม

I am home ฉันอยู่บ้าน โดย พระพิทยา ฐานิสสโร
I am home ฉันอยู่บ้าน โดย พระพิทยา ฐานิสสโร

เมตตากรุณาที่ขาดการวางใจเป็นกลาง ทุกข์ไม่จบสิ้น        

ในที่สุดแล้วท่านสงบวางใจเป็นกลางไม่ว่าโลกนี้ บุคคล สรรพสิ่งในโลกนี้จะเป็นเช่นไร เพราะทุกอย่างล้วนเป็นไปตามเหตุปัจจัยที่กระทำสร้างกันมา ย่อมรับผลไปตามการกระทำนั้นๆ เมื่อท่านได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุด ด้วยการส่งมอบความเมตตา กรุณา มุทิตาให้กับโลก ไม่ได้หมายความว่า โลกจะรับรู้ เข้าใจ สัมผัสในสิ่งที่ท่านส่งมอบเสมอไป แต่ท่านยังคงทำหน้าที่นั้นอย่างมั่นคงเสมอไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปกับความไม่ดี ความโหดร้ายของโลก

           ดังนั้นการปรากฏของท่านที่เปี่ยมด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เป็นการปรากฏที่ยิ่งใหญ่เพราะไร้ซึ่ง อคติ พุทธะที่ท่านกำลังส่งมอบนั้นยิ่งใหญ่ไม่เคยเปลี่ยน เมื่อน้อมนำมาใส่ตัว รู้ได้เฉพาะตนโดยไม่จำกัดกาล

อคติ ๔ (ฐานะอันไม่พึงถึง, ทางความประพฤติที่ผิด, ความไม่เที่ยงธรรม, ความลำเอียง – wrong course of behavior; prejudice) คือ

๑. ฉันทาคติ (ลำเอียงเพราะชอบ – prejudice caused by love or desire; partiality)

๒. โทสาคติ (ลำเอียงเพราะชัง – prejudice caused by hatred or enmity)
๓. โมหาคติ (ลำเอียงเพราะหลง, พลาดผิดเพราะเขลา – prejudice caused by delusion or stupidity)

๔. ภยาคติ (ลำเอียงเพราะกลัว – prejudice caused by fear)

การอยู่อย่างนิ่งสงบ ไม่หวั่นไหวกับการกระทบใดๆ ของโลก ที่หลายชีวิตอาจมองว่าไร้ประโยชน์ ไม่พัฒนา ขาดซึ่งคุณค่า และที่สำคัญ ไม่มีใครมองเห็น ไร้ตัวตน อาจเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่กำลังถูกมองข้าม หลงลืมและเป็นการยากที่จะเข้าใจ  โดยเฉพาะในสังคมโลกที่ให้ความสำคัญ ให้คุณค่ากับการมีซึ่งตัวตนและของๆ ตน

           พระพุทธรูปหินองค์นี้กำลังเตือนพวกเราว่า I am home ฉันอยู่บ้าน ไม่ว่าโลกนี้จะดีหรือร้าย ฉันจะปลอดภัย เพราะจิตฉันอยู่บ้าน ไม่ส่งออกไปกับโลกที่สมมติว่าดีหรือร้าย ฉันเป็นบ้าน บ้านกับฉันเป็นสิ่งเดียวกัน ไม่ว่าบ้านจะเปลี่ยนไปเช่นไรฉันก็เป็นเช่นนั้น ฉันจึงไม่เคยทุกข์ใจ เดือดร้อนใจกับการเปลี่ยนไปของบ้าน ฉันคือบ้าน  บ้านคือฉัน ฉันไม่จำเป็นไปหาบ้านที่ไหนอีกต่อไป เพราะทุกๆ ที่ที่ฉันอยู่ คือบ้านของฉัน

I am home ฉันอยู่บ้าน โดย พระพิทยา ฐานิสสโร
I am home ฉันอยู่บ้าน โดย พระพิทยา ฐานิสสโร

จิตฝึกดีแล้ว…ย่อมไม่หวั่นไหวกับการเปลี่ยนไปของโลก

เมื่อจิตยังต้องมีที่อยู่แห่งรูปสมมติ แต่ไม่ยึดติดในรูปสมมตินั้นๆ จิตจะเป็นอิสระจากรูปสมมติ แต่ยังคงทำหน้าที่อย่างมั่นคง สงบนิ่งไม่หวั่นไหวกับการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งภายในและภายนอก เพราะเข้าถึงสัจธรรมแห่งการเปลี่ยนแปลงแห่งสิ่งสมมติที่ไม่มีรูปตัวตน เราเขาแห่งสมมติที่เที่ยงแท้แน่นอน ยั่งยืน ทุกสรรพสิ่งล้วนเปลี่ยนไปตามเหตุตามปัจจัยแห่งห้วงกาลเวลา

I am home ฉันอยู่บ้าน โดย พระพิทยา ฐานิสสโร
I am home ฉันอยู่บ้าน โดย พระพิทยา ฐานิสสโร

อะไรคือ อิสรภาพ

เราสร้างเงื่อนไขมากๆ เพื่อพบกับความอิสระแล้วเราจะมีอิสระได้อย่างไร

เราสมมติสิ่งต่างๆ ขึ้นมาเพื่อเป็นที่พึ่ง แรงบันดาลใจให้กระทำถึงเป้าหมายแห่งอิสรภาพ แต่เรากลับไปยึดสิ่งสมมติต่างๆ เหล่านั้น แล้วอิสรภาพจะมีจริงหรือ

แต่ถ้าเราน้อมนำสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจมาเป็นพลังขับเคลื่อนกลับมามองเห็นความหลง ความอยาก ความโกรธในตัวเรา ยอมรับสิ่งที่มี ที่เป็นอยู่อย่างซื่อสัตย์ แม้อาจไม่สมบรูณ์พร้อม และเราไม่จำเป็นต้องสมบรูณ์พร้อม แต่เราจะเต็มเปี่ยมด้วยความตระหนักรู้ ปล่อยวางทุกครั้งที่เกิดการกระทบไม่ว่าจะสมมติว่าดี หรือ ร้าย การกระทบต่างๆ เหล่านั้นจะไม่สามารถทำให้เราเศร้าหมองได้เลย โดยเฉพาะเมื่อเราไม่หลงดี ติดดี ยึดดี เราจะไม่กลัวว่าสิ่งร้ายๆ ใดๆ จะเกิดขึ้น เพราะทุกอย่างเป็นเพียงการปรากฎตามเหตุ ตามปัจจัย

เมื่อจิตสงบกับเหตุปัจจัยที่เกิดขึ้น แม้รูปสมมติที่เราศรัทธาอาจไม่เหมือนเดิม สิ่งภายนอกอาจเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่ดีหรือดีขึ้นก็ตาม ด้วยที่เราไม่นำจิตไปคลุกกับอารมณ์ต่างๆ ที่ปรากฎกับการมา ไปอย่างไม่รู้จบ พุทธจิตจะปรากฎทันที ไม่จำเป็นว่าเราจะอยู่ ณ สถานที่ใดๆ ของโลกใบนี้ แม้ในสถานที่ที่ ไม่มีการสมมติว่าเป็น พุทธ ก็ตาม

พุทธะปรากฏในทุกที่ ทั้งในสิ่งที่มีชีวิตและปราศจากซึ่งชีวิต

ทุกความทุกข์ที่ปรากฏ ไม่ใช่ เพราะโลก

จิตยึดสิ่งใด ย่อมทุกข์จากสิ่งนั้น

ไร้ซึ่งฉัน ไม่ต้องการบ้านอีกต่อไป No Me,No Home

I am home ฉันอยู่บ้าน โดย พระพิทยา ฐานิสสโร

จากคอลัมน์ บาตรเดียวท่องโลก (หน้าธรรมวิจัย นสพ.คมชัดลึก วันอังคารที่ ๕ พฤศจิกายน  พ.ศ.๒๕๖๒)

"โลกไม่รอด เราจะรอดได้อย่างไร" โดย พระพิทยา ฐานิสสโร
I am home โดย พระพิทยา ฐานิสสโร

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here