ความองอาจ ความสง่างาม ความมีน้ำใจ และความเสียสละของท่านทั้งหลาย จะเป็นปราการอันแข็งแกร่งให้กับพระพุทธศาสนา และจะเป็นทิฏฐานุคติให้พระสงฆ์รุ่นหลังได้ดำเนินตาม หากเราทั้งหลายยังเชื่อมั่นในวิถีทางของพระพุทธองค์ ยืนหยัดการทำงานด้วยความเด็ดเดี่ยว กล้าแกร่ง และปฏิบัติร่วมกันอยู่เช่นนี้ พระศาสนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ชื่อว่าจะยังดำรงอยู่เป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่ชาวโลก”

พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) เลขานุการสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ ในครั้งนั้น กล่าวไว้ตอนหนึ่งใน คัมภีร์พระวิทยากร หลักสูตรพระวิทยากรกระบวนธรรม

คราวที่แล้วเล่าถึง บทบาทการพัฒนาศักยภาพพระวิทยากรรุ่นใหม่ หนึ่งในการทำงานหลายภาคส่วนของสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ ประจำปี พ.ศ.๒๕๕๙ เกิดขึ้นโดยการปรารภของเจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) ในปี พ.ศ.๒๕๕๒ เพื่อเป็นสำนักงานที่รองรับการทำงานด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของคณะสงฆ์ทั่วประเทศ 

สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ

กับ งานเผยแผ่พระพุทธศาสนา เพื่อความสุขสงบของสังคมเป็นหลัก

โดย พระมหาขวัญชัย กิตฺติเมธี ป.ธ.๙,ดร.

ต่อมาได้มีมติมหาเถรสมาคม ที่ ๔๑๒/๒๕๕๖ เห็นชอบให้สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ฯ วัดสระเกศ กรุงเทพมหานคร เป็นหน่วยงานของคณะสงฆ์ในการสนับสนุน  การดำเนินภารกิจด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเชิงรุก  โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณการทำงานจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จากนั้นงานขับเคลื่อนงานสร้างเด็กและเยาวชนให้มีคุณธรรมจริยธรรมตั้งแต่วัยเยาว์ก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงการอบรมพระวิทยากรเพื่อสานต่องานเผยแผ่พระพุทธศาสนาทั้งหกด้าน จนถึงการสงเคราะห์ผู้ป่วยผู้ยากไร้ที่ไร้คนดูแล ตลอดจนช่วยเหลือสังคมในช่วงที่เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติมาอย่างต่อเนื่อง โดยการสร้างพระวิทยากรเพื่อตอบโจทย์ปัญหาของทุกข์ของชีวิตของผู้คนตั้งแต่เกิดจนตาย ซึ่งต้องอาศัยความเสียสละของพระสงฆ์เป็นอย่างมาก อาทิเช่น งาน การเผยแผ่และอบรมคุณธรรม จริยธรรม ซึ่งเป็นโครงการการเผยแผ่เชิงรุกที่ดำเนินการโดยพระวิทยากร  เน้นการสร้างศีลธรรม คุณธรรมและจริยธรรมแก่เยาวชนและประชาชน

ดังที่ท่านอาจารย์เจ้าคุณพระราชกิจจาภรณ์ เลขานุการสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ในครั้งนั้น กล่าวให้กำลังใจการทำงานของพระสงฆ์ไว้ในคัมภีร์พระวิทยากร ของสถาบันพระวิทยากร ตอนหนึ่งว่า

 “ความองอาจ ความสง่างาม ความมีน้ำใจ และความเสียสละของท่านทั้งหลาย จะเป็นปราการอันแข็งแกร่งให้กับพระพุทธศาสนา และจะเป็นทิฏฐานุคติให้พระสงฆ์รุ่นหลังได้ดำเนินตาม หากเราทั้งหลายยังเชื่อมั่นในวิถีทางของพระพุทธองค์ ยืนหยัดการทำงานด้วยความเด็ดเดี่ยว กล้าแกร่ง และปฏิบัติร่วมกันอยู่เช่นนี้ พระศาสนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ชื่อว่าจะยังดำรงอยู่เป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่ชาวโลก”

ดังนี้     

ก. โครงการค่ายคุณธรรม จริยธรรม เพื่อให้เยาวชนได้เข้าใจหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา เพื่อประยุกต์ใช้ในการพัฒนาชีวิตตัวเองและสังคม  ด้วยกระบวนการตามหลักไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา  และพัฒนาชีวิตให้มีคุณธรรม เรียนรู้ตลอดชีวิต มีทักษะและการดำรงชีวิตอย่างเหมาะสมในแต่ละช่วงวัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล เป็นทั้งคนเก่ง คนดี และมีความสุข เป็นการจัดเข้าค่าย ๓ วัน ๒ คืน โดยมีผู้ผ่านการอบรมในนามสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ โดยประมาณการไว้เกือบ ๗,๐๐๐ กว่าคน จากโรงเรียนทั้งหมด ๕๐ กว่าโรงเรียนทั่วประเทศ

ข. โครงการบรรยาย  ผ่านโครงการสถาบันแห่งคนดี เรียนดี มีความสุข โดยเน้นสถาบันการศึกษาเป็นหลัก และโครงการคนดี องค์กรดี เพื่อชีวิตดีงาม เน้นองค์กรและหน่วยงานราชการ เอกชนเพื่อให้ผู้ผ่านการอบรมมีทัศนคติที่เป็นบวกในการทำงานและการดำเนินชีวิต สามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้อย่างเป็นสุข ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และบริหารจัดการชีวิตได้อย่างสมดุล  มีความรู้ ความเข้าใจในหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตให้พบกับความสุข ความเข้าใจ และก้าวผ่านปัญหาหรือความทุกข์ไปได้  และรู้จักหลักวิธีในการคิด การพูด การฟัง การสื่อสาร  และการลงมือทำอย่างถูกต้อง สร้างสรรค์ และมีพลัง ทั้งในเรื่องการทำงานและในทุก ๆ ด้านของชีวิต

โดยมีผู้ผ่านการอบรมในนามสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ โดยประมาณการไว้เกือบ ๕,๐๐๐ กว่าคน จากหน่วยงานทั้งสิ้นกว่า ๕๐ องค์กร

ค. โครงการเยี่ยมพระพบปะโยม ๕ จังหวัดชายแดนใต้  เป็นโครงการต่อเนื่องที่พระธรรมทูตอาสาในพื้นที่ ๕ จังหวัดชายแดนใต้ได้ลงไปเยี่ยมเยียนพระและโยมในพื้นที่ หรือหากพื้นที่ใดเดือดร้อนจากภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม เป็นต้น

ง. โครงการธรรมะคืนถิ่น คืนกำไรชีวิต คืนความดีให้ชุมชน เป็นการโครงการการเยี่ยมเยียนชาวพุทธและชาวเขาในพื้นที่ภาคเหนือ มีการแจกข้าวของและมอบธรรมะ เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับคนในพื้นที่ ระหว่างวันที่ ๑๕-๑๖ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๙

จ. โครงการ นิทรรศการภาพ พระราชกรณียกิจ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงมีต่อพระพุทธศาสนา โดยมีกิจกรรมร้อยดวงใจบูชาพระบารมี และกิจกรรมน้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ และน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จัดที่วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร โดยรอบบรมบรรพต (ภูเขาทอง) กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ ๗ – ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๙

๓. โครงการประเมินและวิจัย เป็นการโครงที่สรุป ประเมินและวิจัยโครงการทั้งหมดเพื่อทราบถึงผลสัมฤทธิ์แต่ละโครงการซึ่งจากการประเมินโครงการพัฒนาศักยภาพพระวิทยากรนั้น แบบประเมินได้ชี้ชัดว่า พระวิทยากรมีความพึงพอใจในการอบรมอย่างมาก แต่มีข้อควรปรับปรุงคือเรื่องเวลาให้กระชับยิ่งขึ้น และสถานที่ที่อาจเปลี่ยนแปลงให้เหมาะแก่การอบรมมากขึ้น และโครงการพัฒนาศักยภาพพระวิทยากรที่สร้างการเปลี่ยนแปลงทางความคิดและความเชื่อมากที่สุด ก็คือ “โครงการพระวิทยากรกระบวนธรรม”  เพราะเป็นโครงการที่ทำให้เกิดทั้งอุดมการณ์และสร้างวิธีการในการทำงานไปพร้อมกัน ดังที่พระผู้เข้าอบรมท่านหนึ่งได้บอกความรู้สึกหลังจากผ่านการอบรมว่า

 “ตั้งแต่ผมอบรมมา การอบรมแบบนี้มีประโยชน์ในการทำงานเผยแผ่ได้มากที่สุด และประทับใจในความเป็นกัลยาณมิตรของทุกรูปที่มาจากทุกจังหวัดทั่วประเทศ ทำให้ได้พบเจอและเข้าใจการทำงานของแต่ละพื้นที่ เป็นการสร้างความเป็นหมู่ เป็นสงฆ์อย่างแท้จริง”

ส่วนการประเมินการเผยแผ่กับประชาชนและเยาวชนนั้น ผลประเมินทำให้เห็นมิติ ๔ ด้านคือ  ๑. ความรู้ ความเข้าใจของผู้เข้าอบรม ๒. ความพึงพอใจ  ทัศนคติที่มีต่อโครงการฝึกอบรมคุณธรรม จริยธรรมและบรรยายธรรม ๓. การนำความรู้ในหลักธรรมไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน  ๔. การสืบสานพระพุทธศาสนาเผยแพร่ธรรม  และผลสรุปว่าผู้ผ่านการอบรมแล้วมีความพึงพอใจในระดับมากในทุกด้าน  

และโครงการเผยแผ่ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงทางความคิดและความเชื่อมากที่สุดของประชาชนและเยาวชน ก็คือ โครงการเยี่ยมพระพบปะโยมที่ทำในพื้นที่ภาคใต้  เพราะถือเป็นรูปแบบของการเผยแผ่เชิงรุก โดยมีโยมท่านหนึ่งกล่าวกับพระวิทยากรที่ลงไปเยี่ยมโยมตอนเหตุการณ์น้ำท่วมกล่าวว่า “โยมดีใจมาก เพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นพระมาเยี่ยมและนำของมาให้ เพราะปกติจะอยู่ที่วัด ถ้ามาก็จะมาแค่บิณฑบาตเท่านั้น แต่นี่โยมเดือดร้อน พระมาเยี่ยม โยมไม่เคยเห็น”

การทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาจำเป็นต้องอาศัยความเสียสละของพระวิทยากร  โดยท่านได้ทุ่มเทกำลังกายและกำลังใจอย่างไม่คิดเห็นแก่ประโยชน์สุขส่วนตัว  แต่เห็นประโยชน์ของผู้อื่น และความสุขสงบของสังคมเป็นหลัก อันถือเป็นแนวทางที่เราควรช่วยส่งเสริมและสนับสนุนกัน เพื่อให้ความดีเคียงคู่กับความสุขให้มีตลอดปีที่ผ่านมาและในปีต่อๆ ไปด้วยเทอญ

พระมหาขวัญชัย กิตฺติเมธี ป.ธ.๙,ดร. ผู้เขียน
ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาพระวิทยากร วัดสระเกศฯ
คอลัมน์ ท่องเที่ยวโลกกะธรรม โดย พระมหาขวัญชัย กิตติเมธี ปธ.๙ ดร.
หน้าพระไตรสรณคมน์ สนพ.คมชัดลึก วันพฤหัสบดีที่ ๑๓ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๒

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here