จิรํ ติฏฺฐตุ พุทธสาสนํ ฯ
ขอพระพุทธศาสนาจงดำรงอยู่ตลอดกาลนาน
ญาณวชิระ

ทำไม…ลูกผู้ชายต้องบวช (ตอนที่ ๑๘ )
บรรพ์ที่ ๔
ขั้นตอนการบรรพชา และ อุปสมบท
การโกนผมนาค การแต่งตัวนาค
เล่าเรื่องนาค การทำประทักษิณ การโปรยทาน
ขั้นตอนการบรรพชา
อุปสมบทแบบอุกาสะ (แบบเดิม)
อนุศาสน์ ๘ อย่าง
การอธิษฐานจิตกรวดน้ำแผ่กุศล
คำขออุปสมบทแบบเอสาหัง (แบบใหม่)

๑. การโกนผมนาค การแต่งตัวนาค
การบรรพชาอุปสมบทที่ปฏิบัติกันในประเทศไทยสมัย
ปัจจุบันมีใช้อยู่ ๒ แบบ คือ “อุกาสะ” และ “เอสาหัง”
การบวชแบบ “อุกาสะ” และ “เอสาหัง” นั้นไม่ได้เป็นชื่อพิธีบวช และไม่มีความหมายพิเศษเฉพาะ เป็นแต่เพียงการเรียกตามคำขึ้นต้นของคำขอบวชเท่านั้น เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำและมีความแตกต่างระหว่างคำขอบวชทั้ง ๒ วิธี
“อุกาสะ” แปลว่า ขอโอกาส
“เอสาหัง” แปลว่า ข้าพเจ้านั้น
หากจะแยกกันออกให้ชัดเจนเฉพาะในประเทศไทย การอุปสมบทแบบอุกาสะใช้ในคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย เป็นการอุปสมบทแบบเดิมที่ท่านใช้มาแต่โบราณ มีหลักฐานว่าคณะสงฆ์รับสืบทอดกันมาจากกรุงศรีอยุธยาสู่กรุงรัตนโกสินทร์
ส่วนการอุปสมบทแบบเอสาหังใช้ในคณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกาย เป็นแบบที่คิดขึ้นใช้ใหม่ โดยการประยุกต์มาจากแบบอุกาสะเพื่อย่อขั้นตอนให้สั้นเข้า มีใช้มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยนำรูปแบบมาจากพระพม่ารามัญ การอุปสมบทแบบเอสาหัง มีที่แปลกจากแบบเดิมบางส่วน
ในที่นี้ จะขอแนะนำขั้นตอนการบวชแบบอุกาสะ เพื่อจะได้ทราบที่มาของการบวชแบบเดิมที่มีมาแต่โบราณไว้เป็นหลัก หากเข้าใจการบวชแบบอุกาสะ ก็จะทำความเข้าใจการบวชแบบเอสาหังได้ง่าย แม้การบวชในประเทศไทยจะมี ๒ แบบ แต่ก็ยึดหลักการบวชตามพุทธบัญญัติทุกประการ ต่างเพียงข้อปลีกย่อยบางประการเท่านั้น
ขั้นตอนการบวชแบบเอสาหัง จะนำมาแสดงเฉพาะบทขานนาคเท่านั้น


เรื่องของนาค
เรื่องราวของพญานาค ตามที่ปรากฏในพระไตรปิฎก ยืนยันถึงศรัทธาและความเพียรพยายามในการบำเพ็ญบารมีของพญานาค แม้บางครั้งอาจเป็นมิจฉาทิฏฐิ แต่เมื่อได้รับการฝึกหัดกล่อมเกลาจิตใจ ก็กลับกลายเป็นผู้ประเสริฐขึ้นมาอย่างฉับพลัน
ในอีกด้านหนึ่ง กุลบุตรผู้จะบวชเป็นพระภิกษุดำเนินชีวิตตามเส้นทางของพระอริยเจ้า ปฏิปทาของพระอริยเจ้าทั้งหลายเป็นปฏิปทาอันประเสริฐ เพราะเว้นเสียจากการทำบาปทั้งปวง ผู้จะดำเนินชีวิตตามปฏิปทาอันประเสริฐนั้นจึงถูกเรียกว่า “นาค” แปลว่า ผู้ประเสริฐ ตามไปด้วย

การโกนผมนาค
เมื่อได้เวลาตามที่กำหนดไว้ นาคและญาติพร้อมกัน ณ สถานที่ซึ่งกำหนดไว้ พ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ขลิบผมให้นาคเป็นปฐม จากนั้นพระสงฆ์ปลงผมให้นาค แต่งชุดนาค ตามธรรมเนียมที่ปฏิบัติโดยทั่วไป ผมที่โกนแล้วนิยมห่อด้วยใบบัวแล้วนำไปลอยน้ำที่แม่น้ำหรือวางไว้ใต้ร่มโพธิ์ เชื่อว่าจะทำให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข แต่หากไม่ยึดถือจะกวาดทิ้งเสียก็ได้ เพราะของที่ออกจากร่างกายถือว่าเป็นของเสีย การปลงผมจะปลงที่บ้านหรือที่วัดก็ได้แล้วแต่ความสะดวก แต่วิธีปฏิบัติโดยทั่วไปนิยมปลงผมที่วัด นอกจากญาติที่มาร่วมงานจะได้มีโอกาสร่วมพิธีตัดผมนาคแล้ว ยังเป็นการประหยัดเวลาของเจ้าภาพและแขกที่มาร่วมงานอีกด้วย เมื่อปลงผมเสร็จจะได้ทำประทักษิณเวียนรอบสีมา และเข้าโบสถ์ประกอบพิธีอุปสมบทต่อไป





อุปกรณ์ที่ใช้ในการปลงผมตามความนิยมมี ดังนี้
· กรรไกรตัดผม
· ด้ามมีดโกน พร้อมทั้งใบมีดโกน
· สบู่ หรือ ยาสระผม
· ใบบัวสำหรับรองผม หรือวัสดุอย่างอื่นที่ใช้แทนได้ เช่น ใบตอง
· ผ้าเช็ดตัว
โดยมากอุปกรณ์ที่ใช้ในการโกนผม เฉพาะด้ามมีดโกนและ ใบมีดโกน พระสงฆ์ที่ทำหน้าในการโกนผมจะเตรียมให้เอง
การแต่งตัวนาค
หลังจากปลงผมเสร็จแล้ว ประเพณีนิยมบางท้องถิ่นจะลูบไล้ด้วยของหอมทาด้วยขมิ้น โดยเชื่อว่าจะได้ดับกลิ่นฆราวาส แต่วิธีปฏิบัติโดยทั่วไปไม่นิยมเพราะจะทำให้ดูไม่เรียบร้อย หรือหากจะทาก็ไม่ควรให้แป้งหรือขมิ้นติดเกรอะกรังจนดูไม่สะอาด
สมัยโบราณการใช้ขมิ้นทาศีรษะหลังโกนผม มีสาเหตุมาจากมีดที่ใช้โกนผมเป็นมีดแบบเดียวกับมีดที่ลับด้วยมือ เวลาโกนจึงอาจทำให้เกิดบาดแผลบ้าง หลังโกนผมจึงต้องใช้ขมิ้นทาศีรษะ เพื่อห้ามเลือดและสมานแผล
ในสมัยปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่จึงทำให้ใบมีดมีความคมมากขึ้น และพระสงฆ์ที่โกนผมก็มีความชำนาญจนแทบไม่มีรอยบาดแผล จึงไม่มีความจำเป็นต้องทาแป้งหรือขมิ้นเหมือนสมัยก่อน
การแต่งตัวนาค ควรแต่งด้วยชุดขาวอันบ่งบอกถึงความสะอาดบริสุทธิ์ ในกรณีมีสีอย่างอื่นก็สามารถใช้ได้ ไม่จำเป็นต้องใช้สีขาวเสมอไป ให้ดูสิ่งที่จัดหาได้ง่ายตามความเหมาะสม และความนิยมของท้องถิ่นนั้นๆ ที่สำคัญคือต้องประหยัด การแต่งตัวนาค ไม่ควรมีเครื่องประดับประดามากจนเกินไป ขอแนะนำเครื่องแต่งตัวนาคตามประเพณีนิยม ดังนี้
เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว
ผ้านุ่งขาว
ผ้าสไบเฉียง คือ ผ้าห่มแบบอังสะพระสงฆ์แต่สีขาว
เข็มขัด หรือสายรัดสำหรับรัดผ้านุ่ง
เสื้อคลุมนาค (มีหรือไม่มีก็ได้)
หากมีสร้อยคอจะสวมให้นาคก็ได้ แต่ไม่ควรคล้องพวงมาลัย เพราะแทนที่จะเป็นนาคก็จะกลายเป็นนักร้องไป
เข็มขัดสำหรับรัดผ้านุ่งขาว นิยมใช้เข็มขัดนาค ในกรณีที่ไม่มีเข็มขัดนาคจะใช้เข็มขัดอย่างอื่นหรือสายรัดก็ได้ ไม่ใช่ข้อกำหนดตายตัว การใช้เข็มขัดนาคเป็นการปฏิบัติตามประเพณีนิยม เพื่อให้สอดคล้องกับคำว่า “นาค” ซึ่งเป็นชื่อเรียกกุลบุตรผู้จะบวชในพระพุทธศาสนาเท่านั้น ไม่ได้มีนัยที่มุ่งหมายเป็นอย่างอื่น



อธิบายภาพถ่าย : พิธีบรรพชาอุปสมบท พระนวกะโพธิ รุ่นที่ ๗ จำนวน ๖๕ รูป ณ ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ สาธารณรัฐอินเดีย โดยเริ่มพิธีขลิบผมที่วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพ โดย สำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ วัดสระเกศ ร่วมกับ คณะพระธรรมทูต สายประเทศอินเดีย- เนปาล วัดไทยพุทธคยา สาธารณะรัฐอินเดีย ได้จัดโครงการอุปสมบทหมู่ ด้วยเห็นความสำคัญของการสืบทอดอายุพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นหน้าที่ของพุทธศาสนิกชนชาวไทยทั้งหลายพึงกระทำร่วมกัน เพื่อความมั่นคงแห่งพระพุทธศาสนา อันจะนำมาซึ่งประโยชน์สุขแก่มหาชน จึงได้จัดการอุปสมบทหมู่ ณ ดินแดนพุทธภูมิ ในโอกาสสำคัญต่างๆ ที่เนื่องด้วยสถาบันหลักของชาติ

วัตถุประสงค์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช , เพื่อเฉลิมพระเกียรติ ถวายเป็นพระราชกุศล ถวายพระพรชัยมงคล แด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวราลกูร, เพื่อเทิดทูนไว้ซึ่งสถาบันชาติ พระพุทธศาสนา และพระมหากษัตริย์ อันเป็นที่เคารพอย่างสูงสุด ของประชาชนชาวไทย, เพื่อส่งเสริมให้กุลบุตร ได้มีโอกาสปฏิบัติธรรม ถวายเป็นพุทธบูชา ดินแดนถิ่นกำเนิดพระพุทธศาสนา และได้ทดแทนพระคุณบิดา มารดา ตลอดจนผู้มีพระคุณทั้งหลาย



โครงการอุปสมบทหมู่นวกะโพธิ รุ่น ๗ “รวมใจภักดิ์รักแผ่นดิน” มีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการจำนวน ๖๕ ท่าน ระยะเวลาดำเนินโครงการ ตั้งแต่วันที่ ๒๕ มีนาคม – ๒ เมษายน ๒๕๖๐ โดยวันที่ ๒๕ มีนาคม เวลา ๑๕.๐๐ น. ได้จัดพิธีขลิบผมนาค และมอบผ้าไตร ณ ลานโพธิ์ลังกา วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร และ วันอาทิตย์ ที่ ๒๗ มีนาคม ประกอบพิธีบรรพชาสามเณร ณ มณฑลพิธีใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ พุทธคยา และพิธีอุปสมบท ณ วัดไทยพุทธคยา สาธารณรัฐอินเดีย

โดยมีคณะพระธรรมทูตสายประเทศ อินเดีย- เนปาล และพระวิทยากรกลุ่มใต้ร่มพุทธธรรม สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคง แห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นพระวิทยากรดูแลรับผิดชอบ ให้การฝึกอบรม นำพระภิกษุนวกะ ปฏิบัติธรรม ถวายเป็นพุทธบูชา ณ สังเวชนียสถาน ทั้ง ๔ แห่งจนจบโครงการ
ขอขอบคุณ ภพาถ่ายโดย พระมหาปฐมพงษ์ ญาณวํโส จริยธรรมแชนแนล สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ

ญาณวชิระ เป็นนามปากกาของ ท่านอาจารย์เจ้าคุณพระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) ในขณะนั้น ท่านเขียนหนังสือธรรมะมากมาย แต่ละเล่มล้วนเต็มไปด้วยสารัตถะแห่งธรรมที่เข้าใจง่าย และนำมาปฏิบัติแก้ทุกข์ได้ในชีวิตประจำวัน อาทิ หนังสือทำวัตรสวดมนต์แปล ฉบับ คณะสงฆ์วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร , หลักแห่งการทำบุญและปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน , พุทธานุภาพ อานุภาพของพระพุทธองค์ , มหาสมัยสูตร ,การ์ตูนแอนนิเมชั่น เรื่อง ปาฏิหาริย์พระบรมสารีริกธาตุ ,ทฤษฎีเบื้องต้นแห่งปรัชญาไทย, ประทีปแห่งแม่น้ำมูล , ทศชาติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง ,ตำนานภูเขาทอง , ลูกผู้ชายต้องบวช , สมาธิเบื้องต้นสำหรับชาวบ้าน ,หนึ่งหน้าประวัติศาสตร์แห่งการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ,บามิยัน ดินแดนแห่งประวัติศาสตร์อันรุ่งเรือง และมืดมนยาวนานแห่งพระพุทธศาสนา, สุวรรณบรรพต สยามพุทธศิลป์ , พุทธชยันตี ๒,๖๐๐ ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า และ ความเป็นมาของพระอภิธรรม เป็นต้น

หนังสือ “ลูกผู้ชายต้องบวช” โดย ญาณวชิระ จัดพิมพ์เป็นธรรมทานโดย สถาบันพัฒนาพระวิทยากร วัดสระเกศ / ที่ปรึกษา : พระเทพรัตนมุนี , พระครูอมรโฆสิต (ปรีชา สาเส็ง) และพระมหาธีระศักดิ์ ธีรปญฺโญ /บรรณาธิการ โดย พระมหาขวัญชัย กิตติเมธี และ มนสิกุล โอวาทเภสัชช์ / ภาพถ่ายโดย พระมหาปฐมพงษ์ ญาณวํโส ภาพวาดประกอบโดย หมอนไม้ / แบบปก – รูปเล่ม โดย พระมหาเดชา ปญฺญาคโม และ พระมหาสมบัติ ภูริปญฺโญ / ภาพปกโดย ศิลปิน พีร์ ขุนจิตกร/ ผู้อุปถัมภ์การจัดพิมพ์ บริษัท โตโยต้าบัสส์ จำกัด / ขอรับหนังสือได้ฟรีที่ศาลาหลวงพ่อดวงดี วัดสระเกศ จนกว่าหนังสือจะหมด