๑๓ ตุลา ๒๕๖๔

รำลึกถึงวันที่พ่อจากไป…

“วิถีแห่งการให้ คือ หัวใจของการบำเพ็ญบารมี”

วันสำคัญ แห่งการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร  วันที่ ๑๓ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๙ ทรงจากไปแต่เพียงพระสรีระ  หากพระราชปฏิปทา และพระราชวิถีการใช้ชีวิตของพระองค์ท่าน  ล้นเกล้า รัชกาลที่ ๙  จักเป็นประวัติศาสตร์ของคนรุ่นเก่า  สืบเนื่องมาจนถึงคนรุ่นใหม่  ให้เห็นความสัมพันธ์ของ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการตามรอยธรรมพระองค์ท่าน จากการที่ทรงเป็นพุทธมามกะอย่างเข้มข้น  เพื่อรักษาแผ่นดินไทยให้ดำรงอยู่  นั้นลึกซึ้งเพียงใด 

วัฒนธรรม คือ ร่องรอยที่พระองค์ฝากไว้ให้กับพสกนิกรของพระองค์ทุกเชื้อชาติ ศาสนา และทุกเผ่าพันธุ์  ให้ดำรงชีวิตอย่างเป็นปกติสุขในแผ่นดินแห่งธรรมนี้  ด้วยการเชื่อมร้อยทุกส่วนไว้ในวิถีชีวิตอันมีพระพุทธศาสนายึดโยงไว้ตรงกลางระหว่างชาวบ้านกับพระมหากษัตริย์อันงดงาม ตั้งแต่ยามเช้า จนเข้านอน

คือตั้งแต่ ตื่นมา สวดมนต์ทำวัตรเช้า  ทำอาหาร และใส่บาตร ทำบุญ  วิถีชีวิตแห่งการให้  คือความยิ่งใหญ่ที่ทำให้เรารอดปลอดภัยมาจนถึงทุกวันนี้  ข้าวปลาอาหารที่ใส่บาตรพระสงฆ์  ทุกคำข้าว  คือ การร้อยดวงใจไทยให้เป็นหนึ่งเดียว  เพราะถ้าคนในชาติแตกกันเมื่อไร  ก็ไม่มีชาติ  ไม่มีพระพุทธศาสนา แล้วเราจะอยู่กันอย่างไร  

ดังที่เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถร) กล่าวไว้ในหนังสือ “เย็นหิมะในรอยธรรม” ตอนหนึ่งว่า ตอนนี้ พระบารมีของพระมหากษัตริย์ยังอยู่ จึงทำให้พระพุทธศาสนาในเมืองไทย เปลี่ยนแปลงช้ากว่าสิ่งอื่น แต่ต่อไปจะเปลี่ยนแปลงเร็ว

“ต่อไปสังคมจะหมุนเร็ว

พระศาสนาก็จะเปลี่ยนแปลงเร็วตามไปด้วย

ไม่ใช่อย่างทุกวันนี้แล้ว”

“ดังนั้น การรักษาสังฆมณฑล ก็คือการรักษาสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ “

…ในวิถีแห่งการให้ การแบ่งปัน การเสียสละ เพื่อให้เราทั้งหลายได้อยู่กันอย่างสันติสุข ในวิถีแห่งธรรม

๑๓ ตุลา ๒๕๖๔ : รำลึกถึงวันที่พ่อจากไป…”วิถีแห่งการให้ คือ หัวใจของการบำเพ็ญบารมี”

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here