ชรัง อนตีโต
เมื่อความชรามาเยือน
๕๕ ความเรียง
ว่าด้วยบทสนทนาของพระลูกชายกับโยมพ่อผู้ชรา
ผู้เขียน
ญาณวชิระ
(พระมหาเทอด ญาณวชิโร,วงศ์ชะอุ่ม)
อดีต พระราชกิจจาภรณ์
ชรัง อนตีโต : เมื่อความชรามาเยือน ๔๑. “ ฟื้นความหลัง ฟังพ่อเล่าเรื่องตระกูลของพ่อ ” ผู้เขียน ญาณวชิระ (พระมหาเทอด ญาณวชิโร,วงศ์ชะอุ่ม) อดีต พระราชกิจจาภรณ์
แด่
ความชราอันเงียบงันของโยมพ่อและโยมแม่
นายคำเกิน นางหนูเพชร วงศ์ชะอุ่ม
๔๑. ฟื้นความหลัง ฟังพ่อเล่าเรื่องตระกูลของพ่อ
การเรียงลำดับพี่น้องปู่ลูจากคำบอกเล่าของพ่อ ดูยังมีความสับสน กระท่อนกระแท่น เนื่องจากพ่อเล่าจากความทรงจำอันพร่าเลือน ในวัยที่สังขารเริ่มโรยรา
ด้วยเหตุที่พ่อสืบเชื้อสายมาทางปู่ลู วงศ์ชะอุ่มซึ่งวิ่งตำกันตายตั้งแต่อายุยังน้อย ข้อมูลบางช่วงบางตอนเกี่ยวกับพ่อใหญ่ทองลายที่จะได้จากปู่ลู ผ่านมาทางพ่อใหญ่โทน วงศ์ชะอุ่ม แล้วส่งต่อมายังพ่อจึงขาดหายไปในระหว่าง ผู้ที่รู้เรื่องเก่าเรื่องหลังก็เริ่มล้มหายตายจากกันไปทีละคน จนแทบไม่หลงเหลือใครให้สอบถามแล้ว
เมื่อถามว่า คนที่วิ่งตำกับพ่อใหญ่ลูชื่ออะไร พ่อบอกว่า จำไม่ได้ คนที่พอจะจำได้คือแม่ขอด (พ่อหนูแดง) เมื่อสอบถามแม่ขอดก็ได้ความว่า คนที่วิ่งตำกับพ่อใหญ่ลูชื่อพ่อใหญ่ไพ เป็นญาติกับแม่ขอด เป็นพี่น้องพ่อใหญ่ซู ตอนหลังไปเอาเมียอยู่บ้านโนนย่านาง เมืองเดช เป็นคนตัวใหญ่ วันนั้นลมฝนแรง ต่างคนต่างวิ่งหนีฝน จึงมาตำกันอยู่กลางบ้าน ตอนแรก พ่อใหญ่ลูไม่เป็นไร บอกให้ไปดูพ่อใหญ่ไพ แต่ผ่านไปได้ไม่กี่วันพ่อใหญ่ลูกลับมีอาการหนักลงแล้วก็ตาย ส่วนพ่อใหญ่ไพตัวใหญ่กว่าแต่สลบ หมดเลือดเป็ดสามตัวจึงฟื้น ต่อมา กลายเป็นคนอายุยืน มีลูกมีหลานมาก อยู่บ้านโนนย่านาง เมืองเดช
พ่อกับพ่อหนูแดงเป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกัน เกิดปีเดียวกัน ตอนเกิดเรื่องพ่ออายุยังน้อยเลยจำอะไรไม่ได้ ส่วนแม่ขอดอายุมากกว่า จึงพอจำเรื่่องได้ ด้วยเหตุนี้ พ่อจึงไม่ค่อยมั่นใจพ่อจึงไม่ค่อยมั่นใจ เมื่อต้องพูดถึงลำดับพี่น้องของปู่ลู
“ผู้เฒ่าผู้แก่ฮู้เรื่องเก่าเรื่องหลังกะตายไปเบิ่ดแล้ว กะบ่ฮู้สิไปถามนำไผ” พ่อพูดเชิงปรารภ
หากนับผู้เฒ่าวงศ์ชะอุ่มในเวลานี้ ก็มีแค่พ่อกับพ่อฝั้นเท่านั้น ข้อมูลส่วนใหญ่เกี่ยวกับตระกูล จึงได้มาจากคำบอกเล่าของพ่อฝั้น ซึ่งฟังมาจากพ่อใหญ่กว้าง วงศ์ชะอุ่มเป็นหลัก
พ่อบอกว่า พี่น้องของปู่ลูจะเรียงพี่เรียงน้องกันอย่างไรนั้น พ่อก็ยังสับสนอยู่
“ฮู้ว่าเป็นพี่น้องกัน แต่เรียงพี่เรียงน้องกันจังใด๋ พ่อกะจำบ่ได้ท่อใด๋แล้ว”
พ่อใหญ่สี สุทธิกรณ์กับผู้ใหญ่บ้านนำ แสงสว่าง จะเรียกพ่อใหญ่โทน วงศ์ชะอุ่มว่า “พ่อลุงโทน” ก็คงเพราะพ่อใหญ่โทนเป็นลูกผู้พี่ ส่วนพ่อใหญ่สี สุทธิกรณ์ กับผู้ใหญ่บ้านนำ แสงสว่าง เป็นลูกผู้น้อง แต่ระหว่างแม่ผู้ใหญ่บ้านนำกับแม่พ่อใหญ่สี ใครเป็นพี่เป็นน้อง พ่อก็ไม่แน่ใจ พอมาถึงพ่อก็เป็นรุ่นหลานแล้ว จะให้ชัดมันก็ไม่ชัด ต้องถามพ่อใหญ่สี หรือไม่ก็พ่อฝั้น จะรู้เรื่องกว่าพ่อ
“ผู้ใหญ่บ้านนำกับพ่อใหญ่สีเพิ่นกะว่าเป็นพี่เป็นน้องกัน มาแต่ผัดใด๋ เพิ่นเอิ้นอีพ่อว่า “พ่อลุง” เซื้อสายมันกะสิโยงกันมาจังซั้น เพิ่นจังเอิ้นอีพ่อว่าพ่อลุงโทน แต่ว่าแม่พ่อใหญ่สีกับแม่ผู้ใหญ่บ้านนำจักไผเป็นเอื้อยเป็นน้อง พ่อมันกะคราวหลานแล้ว กะจำบ่ได้ท่อใด๋ บักฝั้นมันคือสิจำได้อยู่ พ่อมันเว้าให้ฟัง มันจำดีกว่าโต” พ่อใหญ่กว้าง วงศ์ชะอุ่มที่พ่อพูดถึง เคยได้ยินเล่ากันมาว่า ตอนตายเผาอย่างไรก็ไม่ไหม้ หลวงพ่อต้องมาทำพิธีแก้วิชาจึงเผาไหม้ คงได้วิชาดีมาจากพ่อใหญ่ทองลาย วงศ์ชะอุ่ม ผู้เป็นพ่อ
นอกจากนั้น ระหว่างแม่ใหญ่แดงกับพ่อใหญ่กว้าง พ่อก็ไม่แน่ใจว่า ใครเป็นพี่เป็นน้อง หากจะนับตามศักดิ์ที่เรียกกัน พวกลูกหลานแม่ใหญ่มี (พ่อใหญ่มา-เข่ง) ซึ่งเป็นลูกแม่ใหญ่แดง (วงศ์ชะอุ่ม) ก็เรียกพ่อว่า “พ่อลุง” เนื่องจากแม่ใหญ่มีเป็นลูกผู้น้อง ส่วนสาวจันที สาวเจน และอ้ายสงค์ ลูกพ่อใหญ่เคน (หงอน) จะเรียกพ่อว่า “พ่ออาว” เพราะพ่อใหญ่เคน(หงอน) เป็นพี่คนโต ส่วนพ่อใหญ่ลูเป็นน้องคนรอง พ่อเป็นลูกผู้น้องจึงถูกเรียกตามศักดิ์ว่าพ่ออาว
“ได้ยินอีแม่เพิ่นเว้าให้ฟัง แต่กี้พ่อใหญ่เคน(หงอน) เลาฮักอีพ่อคือหยังนิ อีแม่เพิ่นว่า อีพ่อเป็นหลานผู้ซาย พ่อใหญ่เคน(หงอน) เป็นลุง เลากะสิฮักหลานของเลา“
“สาวจันทีเพิ่นกะเอิ้นพ่อว่า “พ่ออาว” มาแต่ผัดใด๋ ตอนอีพ่อพาไปถ้าเอาเงินค่างัวนำจ่าคำ เพิ่นกะเอิ้นว่า พ่ออาวมากินข้าว”
“พ่อใหญ่เคน(หงอน)เอากับแม่ใหญ่นก ได้สาวเจน สาวจันที กับอ้ายสงค์ อยู่ต่อมาพ่อใหญ่เคน(หงอน)มาป่วยตาย แม่ใหญ่นกกะเลยมาเอากับพ่อใหญ่โทน(คด) ได้ลูกคนหนึ่ง คือ สาวเนียง(วัน)แล้วพ่อใหญ่โทนกะหนีไปบวช จักขึ้นภูขึ้นผาไปอยู่ทางใด๋ จนเฒ่าจังต่าวคืนมาอยู่วัดป่า”
“ตอนหลวงปู่โทนตายปีนั้น เผาอยู่วัดป่า อ้ายสงค์กะได้มาเผา พ่อยังได้เอิ้นให้ครูบามาหาพ่อใหญ่เพิ่นอยู่ ตอนนั้น อ้ายสงค์เลากะเริ่มพิการลุกไปมายากแล้วล่ะ แข้งขาบ่มีเฮื่อบ่มีแฮง ก่อสิเอิ้นนั้น อ้ายสงค์เลาอยากฮู้จัก เลาว่าลูกเลาเห็นเขาลงข่าวทางเฟซบุ๊กว่า นามสกุลวงศ์ชะอุ่มได้เจ้าคุณ
อ้ายสงค์กะเลยถามพ่อว่า เป็นลูกใผ พ่อกะบอกว่า “ลูกข้อยนั่นตี้” เลาว่า ได้ยินเด็กน้อยมันเว้าว่า นามสกุลวงศ์ชะอุ่มได้เป็นเจ้าคุณ จักแม่นใผ กะเลยถามหา ว่าอยากให้ลูกเต้าฮู้จักกันไว้แน่ ดนไปมันสิลืมกันไปเบิ่ด”
“อ้ายสงค์เลาไปเอาเมียอยู่บ้านป่าก่อ ป่าแก่ วารินฯ ตอนนี้ตายแล้วล่ะ แต่ลูกเต้ายังอยู่ คนหนึ่งเป็นแพทย์อนามัย ส่วนผู้น้องชายนั้นเป็นตำรวจ ได้ยินข่าวว่าลาออกแล้วหรือจังใด๋ อ้ายสงค์บอกว่า สิให้อีนางมาหา ให้ลูกฮู้จักมักแก่นกันไว้ มื้อหน้าสิได้ฮู้จักพี่ฮู้จักน้อง”
“เว้ากันตั้งแต่ปีเผาปู่โทนอยู่วัดป่าพิฆเณศวร์พู้นล่ะ แต่กะบ่เห็นพามาหา จนได้ข่าวว่าอ้ายสงค์เลาตาย”
“สาวเจนไปได้ลูกได้ผัวอยู่บ้านนาหว้า ใกล้บ้านหนองโพธิ์ ทางบ้านป้าผัน ส่วนสาวจันทีไปได้ลูกได้ผัวอยู่บ้านดงเจริญ ตอนอีพ่อพาไปนำเอาเงินค่างัวกับจ่าคำ เพิ่นกะพาไปนั่งถ้านั่งคอยอยู่เฮือนสาวจันทีนี้ล่ะ เพิ่นกะเอิ้นพ่ออาวมากินข้าว ๆ อยู่จังซั้น ตอนนี้ ตายไปเบิ่ดทุกคนแล้ว”
“เว้านำนามสกุลวงศ์ชะอุ่ม เดียวนี้ พ่อมันกะเฒ่าแก่เป็นรุ่นปู่ไปแล้ว รุ่นเฒ่านำกันกะยังแต่เจ้าของกับบักฝั้นท่อนั้น รุ่นน้อยลงมาแน่ กะแม่นบักเวิน บักจ่อย พวกเกิดใหม่ใหญ่ลุน พ่อกะบ่ฮู้จักเขาแล้ว จักแม่นลูกผู้ใด๋ หาลางเทื่อลูกหลานกะหลายแตกเข้ามา จักแม่นลูกใผเป็นลูกใผ คนนั่นกะว่าลูกว่าหลาน โตกะบ่ค่อยฮู้จักเขาพอปานใด๋ คันแม่นรุ่นพ่อรุ่นแม่มันกะพอฮู้จักอยู่”
“มีแต่อีบรรณท่อนั่นละ มันมาร่ำเรือเครือต่ออยู่ทุกมื้อนี้ เป็นการเป็นงานหยังมันกะมาเอิ้นเอาพ่อใหญ่กับแม่ใหญ่ไป “บ่มีใผแล้ว” มันว่าจังซั้น มีหยังมันกะซื้อให้กินให้อยากดีอยู่ ว่าแต่เห็นมันกะว่า พ่อใหญ่กินหยัง ๆ มันกะซื้อให้กินให้อยาก ว่าแต่มีงานมันกะพ้อว้อ พ้อว้อ มาโลด เบิ่งฮั่นมันเอาลูกเขย มันกะมาหา พ่อบอกมันว่า มึงมาหากูเฮ็ดหยัง ไปหาบักฝั้นพู้นติ พวกผู้เฒ่าวงศ์ชะอุ่ม มันกะบ่ไป บอกว่า พ่อฝั้นกะเลิง ๆ เลง ๆ เอาพ่อใหญ่นี้ละ กะเลยต้องไปให้มัน”
พ่อเล่าถึงบรรยากาศลูกหลานวงศ์ชะอุ่ม ในหมู่บ้าน หลังพ่อใหญ่พวง วงศ์ชะอุ่มซึ่งเป็นผู้เฒ่าของตระกูลจากไปเมื่อหลายปีก่อน
พ่อบอกว่า วงศ์ชะอุ่มรุ่นพ่อก็หมดไปมากแล้ว ตอนนี้ที่แก่เฒ่าก็เหลือพ่อกับพ่อฝั้น เกิดปีเดียวกัน อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน หากพ่อกับพ่อฝั้นตายก็หมดรุ่นพ่อ ถัดมาก็น้าเวินกับผู้ใหญ่บ้านจ่อยแค่นั้น พอรุ่นรองลงมาก็จะเป็นรุ่นลูกบักฝั้น บักหน่อย บักม่วง แล้วก็เป็นบักเผิ้ง ต่อมาจึงเป็นรุ่นบักฟ้าลูกบักหน่อย
ส่วนคนไปมีครอบมีครัวอยู่ที่อื่น ไม่ได้ติดต่อหน่อเนืองกัน ก็คงห่างกันไป จนไม่รู้จักกัน เรื่องเก่าคราวหลัง ถ้าไม่จำกันเอาไว้บ้าง ก็คงจะลบเลือนไป จนไม่มีใครรู้จักพี่รู้จักน้อง