ชรัง อนตีโต
เมื่อความชรามาเยือน
ผู้เขียน
ญาณวชิระ
(พระมหาเทอด ญาณวชิโร,วงศ์ชะอุ่ม)
อดีต พระราชกิจจาภรณ์
๕๕ ความเรียง
ว่าด้วยบทสนทนาของพระลูกชายกับโยมพ่อผู้ชรา
๑๙ “เรื่องของพ่อใหญ่เมืองปลูกบัวที่หนองหวาย”
ผู้เขียน ญาณวชิระ
(พระมหาเทอด ญาณวชิโร,วงศ์ชะอุ่ม)
อดีต พระราชกิจจาภรณ์
๕๕ ความเรียง
ว่าด้วยบทสนทนาของพระลูกชายกับโยมพ่อผู้ชรา
๑๙ “เรื่องของพ่อใหญ่เมืองปลูกบัวที่หนองหวาย”
ผู้เขียน ญาณวชิระ
(พระมหาเทอด ญาณวชิโร,วงศ์ชะอุ่ม)
อดีต พระราชกิจจาภรณ์
๑๙ เรื่องของพ่อใหญ่เมืองปลูกบัวที่หนองหวาย
ฟากบุ่งเป็นสถานที่เลี้ยงวัวเลี้ยงควายหาอยู่หากินของชาวบ้านปากน้ำและหมู่บ้านใกล้เคียง เป็นที่รู้กันว่าฟากบุ่งมีหนองน้ำหลายหนอง มีคูหลายคู เรียกว่า “คูมูล” แต่ละหนองแต่ละคูจะมีคนจับจองปลูกบัว ปลูกปอ ตามแต่จะคิดได้
พอหน้าแล้งน้ำแห้งขอดก็จะมีคนไปสักสุ่มหาปลา ขัวหอย ขุดมัน เอาผือ* (*ผือ คือ ต้นกก) เลี้ยงวัวเลี้ยงควาย ตัดไม้เผาถ่าน ใครทำมาหากินอยู่หนองไหน คูไหนก็จะเป็นอันรู้กัน บางทีก็เรียกชื่อหนอง ชื่อคู ตามชื่อคนจับจอง
พ่อใหญ่เมืองปลูกบัวอยู่หนองหวาย พอคนลงสักสุ่มหาปลาในหนองหวายก็จะเหยียบบัวพ่อใหญ่เมืองได้รับความเสียหาย พ่อใหญ่เมืองจึงต้องทะเลาะกับคนสักสุ่มหาปลา ไล่ให้ไปหาหนองอื่น
“ยังพอจำตอนพ่อให้พาน้องไปใส่เบ็ดอยู่หนองบัวพ่อใหญ่เมือง ฟากบุ่งได้บ่” พ่อตั้้งคำถามระหว่างการสนทนาในบ่ายวันหนึ่ง
พ่อตั้้งคำถามเหมือนหาเรื่องมาพูดคุยระหว่างการสนทนา แม้เรื่องที่พ่อถามจะเลือนลางเต็มทน จนแทบไม่หลงเหลือภาพจำแล้วก็ตาม แต่พ่อก็ยังจดจำรายละเอียดได้อย่างแจ่มชัด ราวกับเรื่องเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
พ่อเล่าว่า มีอยู่ปีหนึ่ง คนหาปลาที่หนองหวายได้มาก พ่อจึงบอกครูบากับน้องไปใส่เบ็ด ถูกพ่อใหญ่เมืองแบกปืนแก๊ปไล่จึงพากันวิ่งหนีมาขึ้นเรือ พอพ่อใหญ่เมืองเห็นว่าเป็นครูบากับน้องก็เรียกให้หยุดบอกว่า กลับมาเอากูข้ามไปด้วย แต่ครูบากับน้องก็ไม่รอ พายเรือหนีหน้าตาตื่นมา
อยู่ต่อมา พ่อชวนพ่อใหญ่เมืองมากินเหล้าที่บ้าน โดยที่ไม่รู้ว่า พ่อใหญ่เมืองกับพ่อฝ้ายทะเลาะกัน ด้วยเรื่องปลูกบัวที่หนองหวาย อยู่ก่อน พ่อจึงชวนพ่อฝ้าย คนบ้านนางิ้วมากินเหล้าด้วยอีกคนหนึ่ง พอเมาได้ที่ทั้งสองคนก็เถียงกันขึ้นจะชกกัน พ่อใหญ่เมืองจึงลุกหนีเพราะคิดว่าพ่อยังโกรธอยู่ที่แบกปืนแก๊ปไล่ลูกตอนไปใส่เบ็ดที่หนองหวาย จึงทำทีเป็นหลอกเรียกมากินเหล้าเพื่อให้พ่อฝ้ายตี
พ่อเล่าย้อนหลังเรื่องเก่าอย่างอารมณ์ดีว่า ปีนั้นพ่อใหญ่เมืองปลูกบัวอยู่หนองหวาย พ่อเห็นว่ามีคนไปหาปลาที่หนองหวายได้ปลามาก จึงบอกลูกไปใส่เบ็ดกับเขา ตอนนั้น ครูบากับน้องก็ยังเด็กอยู่มาก
ปกติพ่อใหญ่เมืองจะชอบแกล้งลูก ๆ วันนั้น พ่อคิดว่าพ่อใหญ่เมืองคงจะแกล้งเด็ก หรือไม่ก็คิดว่าเป็นพ่อฝ้ายจริง ๆ จึงแบกปืนแก๊ปวิ่งไล่ พวกเด็ก ๆ วิ่งหนีหน้าตาตื่นมาจนถึงบุ่ง พ่อใหญ่เมืองเห็นพวกเด็ก ๆ ขึ้นเรือจะข้ามไปท่าซาละวัน จึงร้องบอกว่า อย่าเพิ่งไป อย่าเพิ่งไป มาเอากูข้ามไปด้วย แต่พวกเด็ก ๆ ก็ไม่ฟัง
พ่อเล่าว่า เดิมทีพ่อใหญ่เมืองทะเลาะกันอยู่กับพ่อฝ้าย เรื่องปลูกบัวที่หนองหวาย คนหนึ่งว่าหนองกูปลูกบัว คนหนึ่งว่าหนองไม่มีใครเป็นเจ้าของ เอาไว้หาปลา ไม่ได้เอาไว้ปลูกบัว พ่อฝ้ายจึงสักสุ่ม หว่านแห เหยียบบัวพ่อใหญ่เมือง ทั้งสองคนจึงทะเลาะกัน
อยู่มาวันหนึ่ง มีงานบุญบ้าน พ่อชวนพ่อใหญ่เมืองและพ่อฝ้ายมากินเหล้าที่บ้านด้วยเพราะไม่รู้ว่าทั้งสองคนทะเลาะกัน พอเมาได้ที่พ่อใหญ่เมืองกับพ่อฝ้ายก็เถียงกัน ขึ้นมึงขึ้นกู
พ่อฝ้ายว่า “บักเมืองขาโต บักหวงหนองหวาย กูสิเตะมึง”
พ่อใหญ่เมืองเมาพอกึ่ม ๆ จึงลุกหนี บอกพ่อว่า “โตเอิ้นเฮามาให้บักฝ้ายตี โตยังเคียดว่าเฮาไล่ลูกโต มื้อก่อน ถ้าเฮาฮู้ว่าเป็นลูกโต เฮากะบ่ไล่มันดอก เฮานึกว่าแม่นบักฝ้าย พอเฮาฮู้ว่าเป็นลูกโต เฮากะแล่นนำเอิ้นมันอยู่ ให้มันพายเฮือมาเอาเฮาข้ามไปนำ เฮาฮู้จักอยู่ว่าลูกโต-มึงเรียกกูมาให้บักฝ้ายตี เพราะมึงยังโกรธว่ากูไล่ลูกมึง วันก่อน ถ้ากูรู้ว่าเป็นลูกมึง กูก็ไม่ไล่มันดอก กูนึกว่าเป็นบักฝ้าย พอกูรู้ว่าเป็นลูกมึง กูก็วิ่งตามเรียกมันอยู่ ให้พายเรือมารับกูข้ามไปด้วย”
นอกจากพ่อใหญ่เมืองจะปลูกบัวอยู่ที่หนองหวายแล้ว ตอนนั้นคนก็นิยมไปปลูกบัวที่หนองตามฟากบุ่งกันมากเพราะขายได้เงิน พ่อใหญ่ดีก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ปลูกบัวอยู่หนองหล่ม พ่อใหญ่ดีขายบัวได้เงินมาก อยู่มาปีหนึ่งแม่ใหญ่ทอง เมียพ่อใหญ่ดีเฝ้าสวนบัวอยู่คนเดียว พ่อใหญ่ดีไม่อยู่จึงถูกคนข้ามมูลมาปล้นเอาเงินขายบัวไปจนหมด
พ่อเล่าว่า ช่วงนั้น เดี๋ยวก็มีข่าวว่ามีขโมยขโจรข้ามมูลมาเที่ยวตระเวนลักไก่ ลักกา ลักวัว ลักควาย ปล้นจี้ตามเถียงนาอยู่บ่อย ตอนนั้น ชาวบ้านก็กลัวกันไม่เป็นอันทำมาหากิน
การหาปลาตามทุ่งนาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตในวัยเยาว์ของคนบ้านเรา พ่อเล่าถึงบรรยากาศการหาปลาของเด็ก ๆ เมื่อสี่สิบกว่าปีที่แล้วว่า ครูบายังเด็กเพิ่งผ่าตัดใหม่ ๆ หายป่วยได้ไม่นาน จึงให้นอนอยู่บ้าน ตอนนั้น พ่อซื้อสุ่มสักปลามาใหม่ ๆ ห้อยไว้ที่บ้าน ครูบาเคยหาอยู่หากิน นอนป่วยไม่สบายมาเป็นเวลานาน พอเห็นเพื่อน ๆ พี่ ๆ มาชวนก็คงนึกอยากไปกับเขาจึงเอาสุ่มใหม่พ่อไปหาปลาที่หนองผือ
วันนั้น พ่อใหญ่โจมไล่เด็กที่ไปหาปลาในนา ทั้งเหยียบต้นข้าวหัก ทั้งไปหาปลาในหนองสระจึงมาแจ้งผู้ใหญ่บ้าน พ่อผ่านไปเห็นสุ่มหาปลาวางอยู่ นึกสงสัยว่าเป็นสุ่มใหม่ของพ่อ จึงบอกพ่อใหญ่โจมว่า “มันคือสุ่มผมแท้” พ่อใหญ่โจมบอกว่า “คันแม่นสุ่มโตกะเอาเมือ เฮาฮู้จักโตอยู่ดอก หากินนำบุ่งนำมูลอยู่นำกัน โตมันบ่แม่นคนหากินนำท่งนำนา”
“กูสิเมี่ยนมัน บักลักนามสกุลนี่” พ่อใหญ่โจมพูดถึงหลานตัวเอง
พ่อบอกว่า การหาอยู่หากินแบบนี้ไม่มีอีกแล้ว ทุกวันนี้ ตามท่งตามนา ต่างคนก็ต่างทำรั้วปักเขตแยกแดนกันหมด ต่างก็หาอยู่หากินในที่ทางของตัวเอง
แม้เรื่องของพ่อใหญ่เมือง พ่อใหญ่โจมจะเกิดขึ้นมานานแล้ว จนพร่าเลือนไปจากความทรงจำในวัยเยาว์ของลูก ๆ แต่พ่อก็ยังจดจำ ยังเล่าเรื่องพ่อใหญ่เมือง พ่อใหญ่โจมอยู่บ่อยครั้ง เหมือนเป็นความทรงจำที่ดีงามของพ่อ
เมื่อความชรามาเยือน
๕๕ ความเรียงว่าด้วยบทสนทนาของพระลูกชายกับโยมพ่อผู้ชรา
ISBN : ๙๗๘ – ๖๑๖ – ๙๓๓๗๘ – ๖ – ๗
ผู้เขียน : ญาณวชิระ
(พระมหาเทอด ญาณวชิโร,วงศ์ชะอุ่ม)
อดีต พระราชกิจจาภรณ์
ปีที่พิมพ์ : ๒๕๖๗
จำนวนพิมพ์ : ๑,๐๐๐ เล่ม
จำนวนหน้า : ๓๐๔ หน้า
จัดพิมพ์ โดย : สถาบันพัฒนาพระวิทยากร
เลขที่ ๓๔๔ อาคารสันติวัคคีย์ แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบ กรุงเทพมหานคร ๑๐๑๐๐
พิมพ์ที่ : หจก.นิวไพศาลการพิมพ์
เลขที่ ๕๓ เจริญนคร ๔๖ บางลำพูล่าง เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร
๑๙ “เรื่องของพ่อใหญ่เมืองปลูกบัวที่หนองหวาย”
ผู้เขียน ญาณวชิระ
(พระมหาเทอด ญาณวชิโร,วงศ์ชะอุ่ม)
อดีต พระราชกิจจาภรณ์