ผู้เขียนเดินทางมาถึงวัดพุทธารามเกาหลีได้ ๔ วัน พระอาจารย์จิระศักดิ์ เกตุเมโธ ประธานสงฆ์วัดพุทธารามเกาหลี ก็ชวนไปปฏิบัติธรรมในโปรแกรม Temple Stay ณ ศูนย์ฝึกสมาธินานาชาติ (Lotus Lantern International Meditation Center) ซึ่งอยู่ในเกาะเล็กๆ ห่างจากเกาหลีเหนือไม่ไกล เมื่อแรกไปถึงเจ้าหน้าที่พาไปกราบพระในวิหารเป็นเหมือนกับมารายงานตัวว่า มาถึงวัดแล้ว ถ้าบ้านเราก็เข้าไปกราบพระในพระอุโบสถทำนองนั้น

จาริกบ้าน จารึกธรรม

โดย พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท 

วัดพุทธารามเกาหลี  เมืองอันซัน ประเทศเกาหลีใต้

 ๒ วัน ๑ คืน กับการปฏิบัติธรรม

ณ ศูนย์ฝึกสมาธินานาชาติ LOTUS LANTERN

วิหารเป็นสิ่งก่อสร้างเดียวที่บ่งบอกว่า ที่นี่เป็นวัด อาคารที่เหลือก็เหมือนกับอาคารทั่วๆ ไป บริเวณวัดมีห้องประชุม มีสำนักงาน มีอาคารที่พัก โรงครัว และก็มีสวนผักซึ่งปลูกผักหลายชนิดมากๆ โดยหลวงพ่อเจ้าอาวาสปลูกเอง ดูแลเอง ว่างจากสอนสมาธิท่านก็ลงสวนผัก วันสุดท้ายท่านพาเดินจงกรม พอเดินเสร็จท่านก็เข้าสวนถอนหญ้าในสวนผักสบายๆ ใครเดินผ่านไปมาถ้าไม่รู้จักท่านมาก่อน คงไม่รู้ว่าเป็นเจ้าอาวาส

พระอาจารย์จิระศักดิ์ ท่านว่า วัดเกาหลีใต้ส่วนใหญ่จะอยู่ติดภูเขาหรืออยู่บนภูเขา บางที่อยู่ห่างไกลชุมชนพอสมควร เพราะภัยจากสงคราม ในสมัยก่อนพระสงฆ์ส่วนใหญ่หนีไปอยู่ตามป่าเขา เลยสร้างวัดติดภูเขาหรือบนภูเขา มองดูแล้วก็เป็นผลดีของวัดในปัจจุบัน ทำให้วัดมีความสงบ อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ป่าเขาลำเนาไพร เมื่อความเจริญเกิดขึ้น ชุมชนก็กระจ่ายไปอยู่ใกล้ๆ วัดต่างๆ

วันแรกของการปฏิบัติธรรม ทำพิธีเปิดด้วยการสวดมนต์ หลังจากนั้นท่านทูตของเอลซัลวาดอร์ เป็นตัวแทนผู้เข้าอบรมจาก ๑๖ ประเทศได้กล่าวเปิด และพระอาจารย์จิระศักดิ์ตัวแทนผู้เข้าอบรมฝ่ายพระสงฆ์ได้กล่าวเปิด หลังจากนั้นหลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดเกาหลีกล่าวให้โอวาท

           กิจกรรมแรก (The Heart Sutra Moktak Practice) เริ่มด้วยการสอนการตีหมกถัก

หมก แปลว่า ไม้ ใช้ปลาเป็นลักษณ์ หมกถักไม้ปลา สาเหตุที่ใช้ปลาเป็นสัญลักณ์เพราะว่า ปลาลืมตา ว่ายน้ำตลอด สื่อถึงสัญลักษณ์ของความเพียร เป็นผู้ตื่นอยู่ด้วยความเพียร

วิธีการตี ให้แขนแนบชิดลำตัว หัวไหล่ไม่เคลื่อนไหว เคลื่อนไหวเฉพาะข้อมือ แรงเบา เสียงสูงต่ำตามจังหวะของการสวดมนต์ ซึ่งเป็นการยากสำหรับผู้ที่ไม่มีความเพียรจะทำได้

หลังจากนั้นก็ทำวัตรเย็นร่วมกัน เป็นครั้งแรกที่ผู้เขียนได้ทำวัตรร่วมกันกับพระสงฆ์เกาหลีใต้ เดี๋ยวก็ลุกเดี๋ยวก็นั่ง ยืนสวดจะนานกว่านั่งสวด ไม่มีสิทธิ์จะง่วงนอนมีเสียงเคาะหมกถักประกอบตลอดการสวดมนต์ ใช้เวลาประมาณ ๓๐ นาที เวลารวดเร็วมาก

กิจกรรมในช่วงกลางคืนเป็นการสอนสมาธิ (International Meditation ) ชอบเทคนิคในการสอนมาก ท่านให้ผู้เข้ารับการอบรมตั้งสติให้มั่นแล้วนับเสียงหมกถัก ซึ่งอาจารย์ผู้สอนเคาะไปเรื่อยๆ ใช้เวลานานพอสมควร เสียงก็ดังระดับเดียว จิตต้องจดจ่ออยู่กับเสียงอย่างมั่นคง ไม่มีสติก็นับไม่ทัน เสร็จแล้วก็ถามผู้เข้ารับการอบรมว่า นับได้เท่าไหร่ พาทำอยู่สองสามรอบ แล้วก็ถามผู้เข้ารับการอบรมว่า นับได้เท่าไหร่ หลายคนตอบไม่เท่ากัน

แล้วท้ายที่สุดอาจารย์ผู้สอนก็บอกว่า ไม่มีการเฉลย เพราะในการทำสมาธิฝึกสติ จะไม่มีผู้แพ้ ผู้ชนะ จะไม่มีว่า ฉันเป็นคนมีสติดีกว่า ฉันนับได้ถูกต้อง ฉันยอดเยี่ยม ฉันสุดยอดกว่า เธอไม่ได้เรื่อง เธอไม่มีสติ จะไม่มีการข่มซึ่งกันและกัน เป้าหมายของการฝึกสติ ก็คือทำให้มีสติสมาธิมากขึ้น

ในการฝึกรอบต่อไปคือ การกำหนดลมหายใจเข้าออก อาจารย์ผู้สอนใช้วิธีให้เอาน้ำมาทาที่ใต้จมูก เหนือริมผีปาก เวลาหายใจเข้าออก ให้เอาสติความรู้สึกตัวมาจดจ่ออยู่ที่ปลายจมูก เวลาหายใจเข้าออก ลมหายใจจะสัมผัสกับน้ำทำให้รู้สึกเย็น สติจะได้ไม่หลุดลอยไปสู่ที่อื่น เวลาที่เราหายใจเข้าออก ลมมากระทบกับน้ำ ทำให้สติกลับมาอยู่กับลมหายใจ เป็นเทคนิคง่ายๆ แต่ก็เห็นผลดีเกินคาด

           ก่อนที่จะให้ไปพักผ่อน จำวัดก็เป็นเวลาทำความรู้จักกัน เป็นเวลาสำหรับมิตรภาพ นั่งล้อมเป็นวงกลม แจกขนม แจกน้ำดื่ม (ดูแล้วทุกคนจะมีความสุขกับการได้กินพอสมควร พระสงฆ์จะเสียเปรียบนิดหนึ่ง ฉันได้แต่น้ำ) ในการแนะนำตัวเอง ให้แนะนำว่า เราเป็นใคร มาจากไหน ในชีวิตเรามีเป้าหมายจะทำอะไร กิจกรรมวันแรกจบในเวลา ๒๒.๐๐ น.

วันที่สองของการอบรม ทุกคนดูแลตัวเองตื่นในเวลาตีสามครึ่ง ตีสี่พร้อมกันทำวัตรเช้าที่วิหาร ก่อนทำวัตรเช้ามีเสียงสัญญาณ ๔ อย่าง เป็นการปลุกให้ตื่น บอกให้มนุษย์ เทวดา สรรพสัตว์น้อยใหญ่มาร่วมอนุโมทนา ตอนนี้พระสงฆ์จะทำวัตรให้มาร่วมกันอนุโมทนาบุญ จะเริ่มด้วยการตีกลอง ระฆัง หมกถัก และฆ้อง แต่ละอย่างจะตีอย่างละประมาณ ๕ นาที  

๑. เสียงกลอง ดังไปบนบก เป็นการปลุกให้มนุษย์ สัตว์เดรัจฉานที่อยู่บนบกมาฟังธรรม

๒. เสียงระฆัง ดังลงใต้ดิน ให้สัตว์นรกทั้งหลาย ได้มาอนุโมทนาบุญ

๓. เสียงหมกถัก ดังลงไปในน้ำ มหาสมุทร ห้วย หนอง คลอง บึง ให้สัตว์ที่อยู่ในน้ำทั้งหลาย ได้อนุโมทนา

๔. เสียงฆ้อง ดังในอากาศ ให้สัตว์ปีก เทวดา ทั้งในเทวโลก พรหมโลก ได้มาอนุโมทนา

           การสวดมนต์ในช่วงเช้า มีจังหวะของการลุกนั่งกราบ เคาะหมกถักตลอด และสวดเร็วพอสมควร ดูแล้วไม่มีใครง่วงเลย จนทำวัตรเสร็จ ใช้เวลาประมาณ ๔๐ นาที

หลังจากนั้นก็ต่อด้วยกิจกรรมกราบ ๑๐๘ (๑๐๘ Prostrations) ที่แรกคิดว่าจะสบาย คงกราบไปเรื่อยๆ ที่ไหนได้กราบพร้อมกัน ฟังความหมายของการกราบแต่ละครั้งแล้วก็ให้กราบ ใช้เวลาในการกราบประมาณ ๒๕ นาที แม้จะไม่เหมือนการกราบอัษฎางคประดิษฐ์ของทิเบตร้อยเปอร์เซนต์ ลักษณะการกราบคล้ายๆ กัน ต่างแต่กราบแบบทิเบตยืนขึ้นแล้วน้อมตัวลงนอนราบไปข้างหน้าแนบตัวลงกับพื้นเหยียดตัวให้สุด ยกมือไหว้ขึ้นไหว้เหนือศีรษะ ลุกขึ้นกราบขยับไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงสถานที่เป้าหมาย แต่กราบแบบเกาหลีจะกราบอยู่กับที่ ลุกขึ้นยืนแล้วนั่งลงน้อมตัวไปข้างหน้า ในท่านั่งเหมือนการกราบเบญจางคประดิษฐ์ ต่างแต่กราบลงแล้ว ยกมือขึ้นแนบศีรษะทั้งสองข้าง เท้าไม่เหยียดออก ให้พักเท้าทับส้นเหมือนท่าเทพธิดา เสร็จแล้วก็ลุกขึ้นยืน น้อมตัวกราบลง ทำอยู่อย่างนี้จนครบจำนวน ๑๐๘ ครั้ง

พระอาจารยจิระศักดิ์ท่านเล่าให้ฟังว่า ในการกราบแต่ละครั้งนั้นความหมายดีมาก แรกๆก็ ฉันขอกราบละลึกถึงคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุณของพ่อแม่ สรรพสัตว์ คนที่ฉันเคยดูถูก คนที่ฉันเคยแกล้ง สัตว์ที่ฉันแกล้งให้ตาย หลายคนกราบแล้วก็ร้องไห้ไปด้วยความซาบซึ้ง สำหรับผู้เขียนพอกราบเสร็จปวดต้นขา ขาสั่นไปหมด ก้าวขาขึ้นบันไดแทบไม่ไหว

           พระอาจารย์ท่านเล่าให้ฟังเพิ่มเติมว่า หลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดเกาหลี เดิมทีท่านกราบวันละ ๓,๐๐๐ ครั้ง ทุกวันนี้ท่านไม่ค่อยมีเวลา แต่ก็ยังกราบวันละ ๑,๐๐๐ ครั้ง ท่านใช้เวลาในการกราบ ๑๐๘ ครั้งแค่ ๗ นาที การกราบ ๑,๐๐๐ ครั้งท่านใช้เวลาแค่ ๑ ชั่วโมง อดีตเจ้าอาวาสองค์ก่อน เวลาที่มีใครจะมาขอพบท่าน ท่านจะให้กราบ ๓,๐๐๐ ครั้งก่อน ถึงจะได้เข้าพบ ถ้าใครไม่มีศรัทธาจริงๆ ก็ไม่ได้เข้าพบ เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะกราบได้ครบ ๓,๐๐๐ ครั้ง

หลังจากนั้นก็ได้เวลาฉันเช้า อาหารทุกอย่างเป็นเจทั้งหมด ดูแล้วก็พืชผักทุกอย่างมาจากสวนของหลวงพ่อเจ้าอาวาสทั้งนั้นเลย ตามความเชื่อของคนเกาหลี วัดเป็นสถานที่บริสุทธิ์จะไม่มีการนำเนื้อสัตว์ต่างๆ มาปรุงอาหาร จึงเป็นเหตุให้พระสงฆ์เกาหลีต้องฉันเจ แต่ท่านก็อยู่ได้ ผู้เขียนอาจจะไม่คุ้นกับอาหารเจฉันเวลา ๗ โมงเช้า เวลา ๙ โมงเช้าก็เริ่มหิวแล้ว ฮ่าๆ

หลังจากฉันเช้า มีการเดินจงกรม( Walking Meditation) ที่แรกคิดว่าจะเดินเป็นแถว กำหนดการเดิน ที่ไหนได้สบายมาก เหมือนเดินป่าเลย ระหว่างที่เดินท่านให้กอดต้นไม้ แผ่ความรัก แผ่ความเมตตา ให้กับต้นไม้ ดูเหมือนทุกคนมีความสุขมาก เก็บภาพด้วยความประทับใจ ระหว่างทางมีทุ่งนาเขียวขจี ดูแล้วสบายตา ทุกคนเดินไปด้วยความสุข เจอผลไม้ริมทางก็เก็บกินกัน

กิจกรรมต่อจากการเดินจงกรม คือ การคัดลอกคัมภีร์ (Copy Sutra/Calligraphy) อันนี้ต้องใช้สมาธิอย่างสูง พู่กันไม่เป็นดังใจเรา ไม่รู้จะลากเส้นไหนก่อน แต่ก็สนุกดี ทำให้ทุกคนประทับใจ พอเขียนเสร็จเขาให้เป็นที่ระลึกกลับบ้าน

กิจกรรมสุดท้าย ก่อนจะไหว้พระปิดโครงการ (Tea Talk with Monk) เป็นการสนทนาที่สบายๆ ใครมีคำถามอะไรก็ถามได้ มีมันของวัดให้กินด้วย หลวงพ่อเจ้าอาวาสบอกว่า Potato Temple กิจกรรมต่างๆ ในระหว่างการปฏิบัติธรรม จะสอนหลักการปฏิบัติธรรมเบื้องต้นให้นำไปต่อยอด มีการสอดแทรกวัฒนธรรมเกาหลีให้ได้เรียนรู้ ตลอดการปฏิบัติธรรมมีการแจกของขบเคี้ยวตลอด ทำให้ผู้เข้าปฏิบัติธรรมมีความรู้สึกเหมือนได้มาพักผ่อน ได้กิน ได้เที่ยว ทุกคนดูมีความสุขมาก เป็นการประยุกต์คอร์สปฏิบัติธรรมที่มีความลงตัว สร้างความประทับใจให้กับทุกคน

ติดตามเรื่องการทำกิจกรรมต่างๆ ของวัดพุทธารามเกาหลี การเผยแผ่พระพุทธศาสนา และการเชื่อมศาสนสัมพันธ์ในประเทศเกาหลีในตอนต่อไป 

คอลัมน์ จาริกบ้าน จารึกธรรม (หน้าพระไตรสรณคมน์ นสพ.คมชัดลึก วันพฤหัสบดีที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๒) โดย พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท  วัดพุทธารามเกาหลี  เมืองอันซัน ประเทศเกาหลีใต้

พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท  วัดพุทธารามเกาหลี  เมืองอันซัน ประเทศเกาหลีใต้  พระธรรมทูต  สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศฯ
พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท วัดพุทธารามเกาหลี เมืองอันซัน ประเทศเกาหลีใต้
พระธรรมทูต สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคง
แห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศฯ

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here