วันนี้วันพระ วันอังคารที่ ๑๔ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๗

เรียนรู้ปฏิปทาพระเถระรูปหนึ่ง ผู้เกิดมาเพื่อต่อลมหายใจพระพุทธศาสนา กว่า ๔๐ ปีที่จาริกธรรมไปยังดินแดนตะวันตกท่ามกลางหิมะอันหนาวเหน็บ เพื่อปักธงธรรมจักร เผยแผ่พระธรรม สร้างพระธรรมทูตแและพระสงฆ์นานาชาติ ช่เพื่อวยเหลือผู้คนให้ดับทุกข์ทางใจได้จนถึงที่สุดแห่งทุกข์ในสังสารวัฏได้มากที่สุดในช่วงกึ่งพุทธกาล

สำหรับสองบทนี้ ผู้เขียนเล่าถึงการให้ฤกษ์ยามของสมเด็จพระสังฆราช (อยู่) เพื่อเรียกสติของผู้ที่ลาสิกขา ซึ่งพระองค์มีเหตุผลของการให้ฤกษ์ว่า สำหรับคนบวช ไม่จำเป็นต้องมีฤกษ์ บวชวันไหนก็ได้ เพราะการบวชมีศีลคอยขัดเกลานิสัยให้ดีขึ้น ส่วนการลาสิกขานั้น ต้องดูฤกษ์เพราะเขากำลังจะออกไปเป็นฆราวาส ไม่ได้รักษาศีลแบบพระ จะต้องดูวันเพื่อให้เขามีสติในการใช้ชีวิตหลังจากนี้

วิถีแห่งผู้นำ

: สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถร)

๓๘. ความอัศจรรย์ของฤกษ์

๓๙. ให้ฤกษ์ตายคนเป็น

เรียบเรียงโดย พระครูอมรโฆสิต (ปรีชา สาเส็ง)

๓๘. ความอัศจรรย์ของฤกษ์


สมเด็จพระสังฆราช (อยู่ ญาโณทยมหาเถร) ท่านเจริญกสิณเป็นกรรมฐานจึงมักมีเรื่องราวอันเกี่ยวกับอานุภาพแห่งกสิณฌานของพระองค์ท่านอยู่มาก หลวงพ่อสมเด็จฯ ได้ปรนนิบัติใกล้ชิดกับพระองค์ท่านมาเป็นเวลายาวนาน เล่าให้ฟังว่า


“…สมเด็จท่านมีอํานาจพลังจิตมาก โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับดินฟ้าอากาศนี้แน่นอน มีอยู่คราวหนึ่ง ได้มีการเตรียมงานจะเททองหล่อพระกัน สมเด็จพระสังฆราช ทรงให้ฤกษ์ เป็นการหล่อพระหน้าฝน ช่วงนั้นฝนก็ตกชุก ตกทุกวัน …วันนั้น…จัดงาน ก็เลยไม่สบายใจ กลัวว่าพอถึงเวลาเททอง ฝนจะตก เททองไม่ได้ จึงไปปรึกษาท่านว่า ถ้าถึงเวลาฝนตกไม่หยุด เททองไม่ได้ เลื่อนเวลาไปได้หรือไม่

“ท่านบอกว่า เทได้ ท่านพูดเพียงแค่นี้ ไม่มีการบอกว่าฝนจะหายหรือไม่อย่างไร
พอถึงกําหนดจริง ฝนก็ยังคงตกอยู่เป็นปกติเพราะเป็นฤดูของมัน แต่พอจะถึงเวลาฤกษ์เททอง สมเด็จฯ ท่านก็มาในพิธี มาก่อนเวลาหน่อยหนึ่ง พอท่านมาถึงเท่านั้น ความอัศจรรย์ก็เกิดขึ้น ฝนที่ตกอย่างฟ้ารั่วก็หยุดทันที ยังกับปิดก๊อกน้ำ ฝนหายไปจริงๆ แล้วก็สามารถเททองได้อย่างท่านว่าจริง ๆ ท่านพูดอะไรมักจะเป็นจริงดังที่ท่านพูดเสมอ”

สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่่ยว อุปเสโณ)

“และอีกครั้งหนึ่ง เล่ากันว่า ได้มีข้าราชการผู้ใหญ่ในวังมาแจ้งว่า ในหลวงจะเสด็จทรงประกอบพิธีเปิดเขื่อนภูมิพลบนสันเขื่อน แต่กรมอุตุฯ ออกข่าวว่าพายุลูกใหญ่จะเข้ามา ไม่ทราบว่าจะทำพิธีเปิดได้หรือไม่ ท่านก็ตอบเพียงว่า “เปิดได้” ก็เป็นที่อัศจรรย์เหมือนกัน หลังจากในหลวงทำพิธีเปิดแล้ว ก็ทรงเสด็จกลับ แต่เพียงไม่นานพายุลูกใหญ่ก็โหมเอาเต็นท์ในพิธีล้มระเนระนาด ข้าราชการผู้น้อยผู้ใหญ่ต่างวิ่งหาที่กำบังฝนกันยกใหญ่”

๓๙.
ให้ฤกษ์ตายคนเป็น


ในหนังสือ…บันทึกไว้ว่า พูดถึงอํานาจจิต หรือความพิเศษของท่านเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช (อยู่ ญาโณทยมหาเถระ) นั้นมีอยู่หลายประการ อีกประการหนึ่งก็คืออํานาจสมาธิที่ท่านใช้ในการให้ฤกษ์ยามแก่ญาติโยม ซึ่งหลวงพ่อสมเด็จฯ ท่านให้ข้อสังเกตว่า เท่าที่ได้พิจารณาดูแล้ว การให้ฤกษ์ยามของท่านเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ท่านไม่ได้อาศัยหลักวิชาทางโหราศาสตร์ หรือเวทคาถาอะไรใดๆ เลย


สิ่งที่ท่านใช้ในการให้ฤกษ์ยามส่วนใหญ่ตามที่สังเกต ท่านใช้อํานาจของกําลังจิตเป็นหลัก เคยมีประสบการณ์หลายอย่างในเรื่องทํานองนี้

อย่างเช่น มีผู้มาขอฤกษ์จากท่านไป เพื่อจะสึกจากความเป็นพระ ท่านก็ให้ฤกษ์ตามวิธีของท่านไป พระที่มาขอฤกษ์สึกจากท่าน ได้นําฤกษ์ไปปรึกษาพระหนุ่มอีกรูปหนึ่ง เป็นพระหัวสมัยใหม่ๆ พระรูปนั้นวิจารณ์ว่า ฤกษ์ที่ท่านสมเด็จให้มานั้นใช้ไม่ได้ ขืนสึกไปตามฤกษ์นั้นแล้วจะเดือดร้อน ทํามาค้าไม่ขึ้น อะไรต่างๆ อีกหลายประการ ล้วนแต่เป็นเรื่องไม่สู้ดีทั้งนั้น

บังเอิญพระที่จะสึกนั้น มีสมเด็จพระพุฒาจารย์เป็นพระพี่เลี้ยง เมื่อเกิดมีสองตําราขัดแย้งกันก็เกิดไม่แน่ใจ นํามาบอกเล่าแก่พระพี่เลี้ยงฟังว่า ฤกษ์สมเด็จที่ให้มานั้นเห็นที่จะใช้ไม่ได้ เพราะ ตําราโหราศาสตร์ท่านว่าไม่ดี สึกไม่ได้ ต้องหาฤกษ์ใหม่

สมเด็จพระพุฒาจารย์ได้ฟังอย่างนั้น ก็เกิดสงสัยเหมือนกัน จึงขอทราบฤกษ์ที่สมเด็จฯ ท่านให้ และฤกษ์ที่ได้มาใหม่ และเมื่อมีโอกาสก็กราบเรียนถามเรื่องนั้นกับท่านเจ้าพระคุณสมเด็จฯ
ท่านก็บอกว่า ฤกษ์ใหม่นะไม่ได้ ถ้าสึกออกไปชีวิตจะมีปัญหา จะมีอันตรายถึงแก่ชีวิต ท่านว่าไม่รู้หรือว่าคนๆ นี้นะตายแล้ว ที่ให้ฤกษ์ไปอย่างนี่นะ เพื่อไม่ให้เขาตาย ชะตาเขาขาดแล้ว เขาตายแล้วจึงให้ฤกษ์ตาย เพื่อให้ไม่ตาย

เมื่อสมเด็จฯ ท่านว่าอย่างนั้น สมเด็จพระพุฒาจารย์จึงคิดว่าจะบอกพระรูปนั้นดีหรือไม่ เพราะถ้าบอกตามที่สมเด็จฯ ท่านว่า เขาคงไม่ชอบใจแน่ เรื่องฤกษ์ตายให้คนตายนะ และที่สําคัญดูเขาจะเชื่อมั่นในฤกษ์ใหม่ที่ได้มามากกว่า เพราะเขาอธิบายเหตุชี้ผลอย่างน่าเชื่อถือ ในที่สุดก็เลยไม่ได้บอก


ต่อมาหลังจากพระรูปนั้นสึกไปได้ไม่นาน ก็ทราบข่าวว่า เขาถูกยิงตายเสียแล้ว ก็เลยนึกถึงเรื่องให้ฤกษ์ของท่านเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราชขึ้นมาได้ แต่ก็ไม่กล้าไปกราบเรียนให้ท่านทราบ รู้แต่ในใจว่าฤกษ์ของท่านแม่นยําจริงๆ และต้องไม่ใช่ฤกษ์ตามตําราแน่ ๆ เป็นฤกษ์ที่เกิดรู้มาแต่ในอํานาจจิตสมาธิ


เพราะถ้าเป็นฤกษ์ตามตําราที่เราว่าไว้ พระที่มีความรู้ทางโหราศาสตร์ ผู้ที่ให้ฤกษ์ใหม่ย่อมจะต้องรู้อย่างที่สมเด็จพระสังฆราชท่านรู้ เพราะตําราต้องบอกไว้ให้รู้เหมือนกัน แต่เขาก็ไม่รู้ สมเด็จฯ กลับไปรู้ถึงฤกษ์ที่เขาให้มาฝ่ายเดียว


เรื่องฤกษ์ผานาที ยังปรากฏเป็นที่อัศจรรย์ในวันยกพระพิฆเนศวรฯ ของบริษัทเวิร์คพอยท์ฯ หลวงพ่อสมเด็จฯ ให้พระสงฆ์ ๙ รูปจากวัดสระเกศฯ ไปเจริญพระพุทธมนต์ก่อน ส่วนท่านจะไปถึงตามเวลาฤกษ์ที่กำหนดไว้ วันนั้น ฝนตกลงมาอย่างหนัก ลมก็แรง พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์กลางสายฝน แต่เมื่อหลวงพ่อสมเด็จฯมาถึง บริเวณพิธีฝนก็หยุด แต่ฟ้ายังมือมิดอยู่ พอได้ฤกษ์ยกพระพิฆเนศวร์ขึ้นแท่นประดิษฐาน ปรากฏว่า ฟ้าเปิดส่องแสงลงมาเป็นลำเฉพาะตรงองค์พระพิฆเนศวร์

คนก็ลือกันว่า หลวงพ่อสมเด็จฯ ให้ฤกษ์ยามได้แม่นยำ เหมือนผู้เป็นถึงพระสังฆราชผู้เป็นพระอุปัชฌาย์

วิถีแห่งผู้นำ : สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถร) ๓๘.ความอัศจรรย์ของฤกษ์ ๓๙. ให้ฤกษ์ตายคนเป็น เรียบเรียงโดย พระครูอมรโฆสิต (ปรีชา สาเส็ง)

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here