พระราชพิธีบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ ๑๐ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณฯ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในวันที่ ๔ พฤษภาคม ปี พ.ศ. ๒๕๖๒
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ ๑๐ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณฯ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในวันที่ ๔ พฤษภาคม ปี พ.ศ. ๒๕๖๒

“ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ แต่เดิมมาข้าพเจ้าได้มีจิตศรัทธาเลื่อมใส และได้ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ด้วยวิธีนั้นๆ อยู่แล้ว

“ฉะนั้น บัดนี้ ข้าพเจ้าได้ เถลิงถวัลยราชสมบัติบรมราชาภิเษกเเล้ว จึงขอมอบตัวแด่พระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า จะได้รับการจัดการให้ความคุ้มครอง รักษาพระพุทธศาสนาโดยชอบธรรมตลอดไป

“ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ขอพระสงฆ์จงจำไว้ด้วยดีว่า ข้าพเจ้าเป็นพุทธศาสนูปถัมภกเถิด”

พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐ ประกาศพระองค์เป็นพุทธศาสนูปถัมภก ท่ามกลางสังฆสมาคม ภายในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม วันเสาร์ ที่ ๔ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒

 "รำลึกวันวาน..."วชิราลงฺกรโณ" รัชกาลที่ ๑๐ แห่งราชวงศ์จักรี ทรงผนวช จากคอลัมน์ รายงานพิเศษ นิตยสาร เนชั่นสุดสัปดาห์ ปีที่ ๒๕ ฉบับที่ ๑๒๘๐ วันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๙
“รำลึกวันวาน…”วชิราลงฺกรโณ ภิกขุ” รัชกาลที่ ๑๐ แห่งราชวงศ์จักรี ทรงผนวช จากคอลัมน์ รายงานพิเศษ นิตยสาร เนชั่นสุดสัปดาห์ ปีที่ ๒๕ ฉบับที่ ๑๒๘๐ วันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๙

ทีฆายุโก โหตุ มหาราชา

๒๘ กรกฎา ๒๕๖๓

วันเฉลิมพระชนมพรรษา

พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

ขอพระองค์ทรงเจริญยิ่งยืนนาน

รำลึกช่วงเวลามหามงคล

“วชิราลงฺกรโณ ภิกขุ”

ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐

แห่งราชวงศ์จักรี ทรงผนวช

ขอขอบคุณ ภาพจาก วัดบวรนิเวศวิหาร
ขอขอบคุณ ภาพจาก วัดบวรนิเวศวิหาร

นับจากวันที่สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน) ได้ทรงปฏิบัติหน้าที่พระอภิบาลของภิกษุพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร  รัชกาลที่ ๙ ตลอดเวลาที่ทรงผนวช เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม – ๕ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๙๙ นั้น ถัดมาอีกยี่สิบปีเศษ เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ก็ได้ทรงทำหน้าที่สำคัญคล้ายคลึงกันนี้อีกวาระหนึ่ง

เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐ ครั้งดำรงพระอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอสราธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงมีพระราชศรัทธาที่จะทรงผนวชในบวรพระพุทธศาสนา พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร  รัชกาลที่ ๙ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดพระราชพิธีทรงผนวชสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ณ พัทธสีมา พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๒๑

โดยสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (วาสน์ วาสโน) เป็นพระอุปัชฌาย์ สมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑฺฒโน) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และสมเด็จพระธีรญาณมุนี (ธีร์ ปุณฺณโก) ถวายอนุสาสน์ ได้รับถวายพระสมณนามว่า ‘วชิราลงฺกรโณ’

ในครั้งนั้น สมเด็จพระญาณสังวร ได้ทรงทำหน้าที่ เป็นพระอาจารย์ถวายพระธรรมวินัยตลอดเวลาที่ทรงผนวช (จากหนังสือ บวรธรรมบพิตร : พระประวัติ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก)

ขอขอบคุณ ภาพจาก วัดบวรนิเวศวิหาร
ขอขอบคุณ ภาพจาก วัดบวรนิเวศวิหาร

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๒๑ เป็นวันพระราชพิธีทรงผนวช ณ พัทธสีมา พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในหนังสือ “ตำนานวัดบวรนิเวศวิหาร พระนิพนธ์โดย สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส และพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ” มีรายละเอียดหมายกำหนดการของสำนักพระราชวัง เมื่อครั้งทรงออกผนวช ตอนหนึ่งว่า… 

เมื่อเวลา ๑๓.๒๕ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จากพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต ไปยังพระบรมมหาราชวัง เสด็จฯ เข้าพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทรงจุดเทียนทองเทียนเงิน ถวายสักการะพระสยามเทวาธิราช แล้วเสด็จฯ ไปยังหอพระธาตุมณเฑียร ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของพระที่นั่งไพศาลทักษิณ มีมุขกระสันเชื่อมต่อกับองค์พระที่นั่ง เป็นที่ประดิษฐานพระบรมอัฐิสมเด็จพระบรมราชบุรพการี โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑-๒-๓ ทรงถวายสักการะพระบรมอัฐิ จากนั้น ประทับรถยนต์พระที่นั่งที่หน้าประตูสนามราชกิจ เสด็จฯ ไปยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เทียบรถยนต์พระที่นั่งที่ประตูเกย หลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม 

ณ ที่นั้น มีประชาชนคอยเฝ้าฯ รับเสด็จ จำนวนมาก

เวลา ๑๓.๕๐ น. เสด็จฯ ขึ้นสู่ระเบียงชานพระอุโบสถทางบันไดด้านข้าง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เสด็จฯ เข้าในพระฉาก ทรงเปลี่ยนฉลองพระองค์เพื่อเจริญพระเกศา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ เข้าสู่พระอุโบสถทางบันไดด้านหลัง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนท้ายที่นั่ง บูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระสัมพุทธพรรณี พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระพุทธเลิศหล้านภาลัย 

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงกราบที่เครื่องนมัสการบูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ ออกจากหลังพระอุโบสถ เชิญเสด็จสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่เสด็จฯ มารออยู่แล้วเข้าในพระฉากที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ประทับรอเฝ้าฯ อยู่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงขลิบพระเกศาด้วยพระแสงกรรไกรไทย แล้วสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงขลิบพระเกศาด้วยพระแสงกรรไกรไทยตามลำดับ 

ขอขอบคุณ ภาพจาก วัดบวรนิเวศวิหาร
ขอขอบคุณ ภาพจาก วัดบวรนิเวศวิหาร

เสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชีนีนาถ เสด็จออกจากพระฉากไปประทับ ณ ที่ซึ่งจัดถวายไว้ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เสด็จออกจากพระฉาก แล้วเสด็จฯ เข้าสู่พระอุโบสถทางบันไดหลัง ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร แล้วเสด็จฯ ไปประทับพระราชอาสน์ข้างนอก เจ้าพนักงานภูษามาลาถวายการเจริญพระเกศาจนเสร็จ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สรงเสร็จและทรงเครื่องตามแบบที่จะทรงผนวชตามพระราชประเพณีแล้ว เลขาธิการพระราชวังนำเสด็จฯ ไปยังที่ประทับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เพื่อทูลเกล้าถวายดอกไม้ธูปเทียนแพ กราบถวายบังคมลาออกผนวช 

ขอขอบคุณ ภาพจาก วัดบวรนิเวศวิหาร
ขอขอบคุณ ภาพจาก วัดบวรนิเวศวิหาร

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานน้ำพระมหาสังข์ และทรงเจิม… แล้วทรงรับพระราชทานผ้าไตรที่ทรงผนวชจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปยังที่ชุมนุมสงฆ์ทรงรับพานดอกไม้สดและเทียนสลักจากเจ้าพนักงานถวายสมเด็จพระสังฆราช ทรงอุ้มผ้าไตรประณมพระหัตถ์ แล้วเปล่งพระวาจาขอบรรพชา 

สมเด็จพระสังฆราชถวายปัญจกัมมัฏฐาน จบแล้ว ทรงคล้องอังสะถวายที่พระหัตถ์ สมเด็จพระบรมโอราสธิราชฯ ทรงสวมอังสะด้วยพระองค์เอง แล้วทรงรับผ้าไตรคืนจากสมเด็จพระสังฆราช ทรงอุ้มประณมพระหัตถ์เสด็จฯ ไปครองกาสาวพัสตร์ที่ในพระฉาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เข้าไปในพระฉากเพื่อช่วยครองกาสาวพัสตร์พระราชทานแด่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เสร็จแล้วเสด็จฯ ไปประทับพระราชอาสน์ที่เดิม สมเด็จพระบรมโอรสาธิราขฯ เสด็จฯ ไปยังท่ามกลางสังฆมณฑลที่เดิม ทรงลาดผ้ากราบถวายเครื่องสักการะแด่สมเด็จพระสังฆราช ทรงกราบ แล้วทรงกล่าวขอ สรณะและทศศีล สำหรับบรรพชากิจเป็นสามเณรแล้ว ทรงขอนิสสัย สมเด็จพระสังฆราชเป็นพระราชอุปัธยาจารย์ ถวายพระสมณนามว่า ‘วชิราลงฺกรโณ’ ทรงขออุปสมบท พระสงฆ์ถวายการอุปสมบทโดยมีสมเด็จพระสังฆราช เป็นพระราชอุปัธยาจารย์ สมเด็จพระญาณสังวร วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นพระราชกรรมวาจาจารย์ 

เมื่อทรงรับอุปสมบทเสร็จ เป็นอันทรงดำรงภิกขุภาวะโดยสมบูรณ์แล้ว สมเด็จพระธีรญาณมุนี วัดจักรวรรดิราชาวาส ถวายอนุศาสน์เสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปถวายเครื่องบริขารแด่พระภิกษุสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ พระภิกษุสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงลาดผ้าที่ใช้กราบ เพื่อสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชีนีนาถ ถวายผ้าไตรและดอกไม้ธูปเทียน เสร็จแล้ว ประธานองคมนตรี นายกรัฐมนตรี ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ประธานศาลฎีกา 

ขอขอบคุณ ภาพจาก วัดบวรนิเวศวิหาร
ขอขอบคุณ ภาพจาก วัดบวรนิเวศวิหาร

ในครั้งนั้น เติ้ง เสี่ยวผิง รองนายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งอยู่ในระหว่างการเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยเป็นแขกรับเชิญของรัฐบาลไทย จึงได้รับพระบรมราชานุญาตให้เข้าร่วมในพิธีทรงผนวช เฝ้าฯ ถวายของ

ขอขอบคุณ ภาพจาก วัดบวรนิเวศวิหาร
ขอขอบคุณ ภาพจาก วัดบวรนิเวศวิหาร

เมื่อเสร็จพิธีในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามแล้วได้เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระพุทธรัตนสถาน ทรงประกอบพิธีตามพระราชประเพณี มีพระเถระฝ่ายธรรมยุตนั่งหัตถบาส เมื่อเสร็จพิธีอุปสมบทกรรมแล้ว เสด็จฯ ไปยังวัดบวรนิเวศวิหาร มีพิธีสงฆ์ และเจริญพระพุทธมนต์ในยามค่ำ โดยพระราชาคณะ ๗ รูป ณ พระตำหนักปั้นหย่า จบแล้ว พระสงฆ์กลับ สมเด็จพระญาณสังวร และพระพี่เลี้ยง นำเสด็จฯ ไปประทับพัก ณ พระตำหนักทรงพรต

ขอขอบคุณ ภาพจาก วัดบวรนิเวศวิหาร
ขอขอบคุณ ภาพจาก วัดบวรนิเวศวิหาร

ในระหว่างทรงผนวช วชิราลงฺกรโณ ภิกขุ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐  ได้ทรงศึกษาพระธรรมวินัย ในส่วนวัดบวรนิเวศวิหารนั้น กรรมการวัดก็ได้ประชุมพิจารณากำหนดหน้าที่ที่จะพึงปฏิบัติและหลักสูตรการศึกษาพระธรรมวินัย สำหรับถวายแด่วชิราลงฺกรโณ ภิกขุ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐ ระหว่างทรงผนวช ดังนี้

ขอขอบคุณ ภาพจาก วัดบวรนิเวศวิหาร
ขอขอบคุณ ภาพจาก วัดบวรนิเวศวิหาร

สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกพระองค์ที่ ๑๙ เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ ที่ สมเด็จพระญาณสังวร เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร กำหนดให้พระปัญญาภิมณฑ์มุนี (บุญเรือน ปุณฺณโก) ปฏิบัติหน้าที่พระอภิบาล (พระพี่เลี้ยง) ของพระวชิราลงฺกรโณ

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่ครั้งดำรงอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในขณะนั้น และกำหนดให้ พระครูปริยัติสารโสภณ (อภิพล อภิพโล) กับพระครูปลัดสัมพิพัฑฒญาณาจารย์ (บุญช่วย สุชวโน) เป็นพระพี่เลี้ยงของพระสหจรผู้บวชโดยเสด็จอีก ๕ รูป และกำหนดให้พระราชาคณะผู้ใหญ่วัดบวรนิเวศวิหารปฏิบัติหน้าที่ถวายพระธรรมวินัย ในระหว่างที่ทรงผนวช ตลอดถึงถวายวินัยกถาและธรรมกถาเพื่อทรงสดับในเวลาเสด็จทรงทำวัตรเช้า-เย็น เป็นประจำทุกวัน ตลอดระยะเวลาที่ทรงผนวช

ขอขอบคุณ ภาพจาก วัดบวรนิเวศวิหาร
ขอขอบคุณ ภาพจาก วัดบวรนิเวศวิหาร

และในขณะที่ทรงผนวช ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงบูชาปูชนียสถานสำคัญในภูมิภาคต่างๆ คือ พระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก พระธาตุเชิงชุม วัดพระธาตุเชิงชุม จ.สกลนคร พระบรมธาตุ วัดพระมหาธาตุ จังหวัดพระนครศรีธรรมราช พระปฐมเจดีย์ วัดพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม

จนกระทั่งถึงวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๑ เป็นวันทรงลาผนวช ทรงผนวชเป็นเวลาทั้งหมด ๑๕ วัน

หลังจากทรงลาผนวชแล้ว ในวันนั้น เวลา ๑๓.๔๕ น. เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังกองบัญชาการกองทัพอากาศดอนเมือง เพื่อประทับเครื่องบินพระที่นั่งเสด็จฯ ไปยังพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จ.สกลนคร เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ถวายพระราชกุศล แล้วเสด็จฯ กลับสู่กรุงเทพมหานครในวันเดียวกัน เสด็จพระราชดำเนินถึงพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เมื่อเวลา ๒๐.๓๕ น.

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเคารพคุ้นเคยกับเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวรฯ มาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ เพราะเมื่อยังทรงพระเยาว์ ตลอดจนถึงทรงพระดรุณนั้น พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เสด็จฯ มานมัสการและรับถวายศาสโนวาท (คำสอนทางพระพุทธศาสนา) จากเจ้าพระคุณสมเด็จฯ บ่อยครั้ง ทั้งได้เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ มาทรงสนทนากับเจ้าพระคุณสมเด็จฯ บ่อยครั้งเช่นกัน

ขอขอบคุณ ภาพจาก วัดบวรนิเวศวิหาร
ขอขอบคุณ ภาพจาก วัดบวรนิเวศวิหาร

…วันวานแห่งประวัติศาสตร์ เมื่อครั้งทรงออกผนวชตามรอยธรรมพระราชบิดา และได้ทรงศึกษาพระพุทธศาสนากับสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก พระองค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และพระสุปฏิปันโนอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นหนึ่งในฐานรากสำคัญในการปกครองแผ่นดินโดยธรรม ตามรอยพระราชปณิธานแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐ ทรงมีพระปฐมบรมราชโองการ เมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ พระราชทานอารักขาแก่ประชาชนชาวไทย ความว่า

เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด

และครองแผ่นดินโดยธรรม

เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป”

ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาท

ข้าพระพุทธเจ้า Manasikul.com

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here