เรื่องเล่าจากพระธรรมทูตในสหรัฐอเมริกา
ระหว่างการปฏิบัติศาสนกิจในชีวิตประจำวัน
กับความไม่รู้ที่แปรเปลี่ยนเป็นปัญญา …
จาริกธรรมในอเมริกา ตอนที่๔ /๑
“เรื่องอะไรที่ฉันไม่รู้”
โดย พระครูสมุห์สุพัฒน์ อนาลโย
การทำงานคือ
การเรียนรู้ตนเองและผู้อื่น
ขนาดเดียวกันก็ได้ผลงานที่ออกมาสวยงาม
มีกัลยาณมิตรที่ดีให้ความรู้ประสบการณ์ใหม่
เข้ามาในชีวิต
สิ่งที่ไม่เคยได้จับได้ทำได้เรียนที่นี่คือประสบการณ์ชีวิตจริงล้วนๆ ไม่ทำไม่รู้
ถ้าลงมือทำรู้ว่าเป็นและไม่เป็น
เป็นก็ทำได้ไม่เป็นถามก่อนเรียนรู้ก่อนค่อยเป็นค่อยไป
ประโยชน์ที่ได้ทำที่เห็นชัดเจนคือ
๑. ป้ายวัดพุทธเมตตามหาบารมี
๒ โต๊ะนั่งเล่นอเนกประสงค์
แลได้ทำงานร่วมกับคณะสงฆ์วัดพุทธเมตตามหาบารมี ๕ รูป…
วันหนึ่งผู้เขียนทำความสะอาดภายในกุฏิ ปัดกวาดเสร็จเรียบร้อยเดินออกมานอกกุฏิแล้วเหลียวแลไปเห็นกล่องจดหมายที่ทางเข้าของวัดจะมีเหล็กเล็กตั้งขึ้น… ผู้เขียนเห็นเดินเข้าไปใกล้ เพื่อจะดูว่ามีอะไรในกล่องจดหมาย…เปิดฝาออกมีจดหมายหนึ่งฉบับ จึงหยิบมาวางไว้ที่เก้าอี้ในกุฏิ… สักครู่ใหญ่ผ่านไปเจ้าอาวาสกลับมาจากการทำธุระนอกวัดพอดี
ส่วนผู้เขียนก็ได้พูดกับท่านเจ้าอาวาสว่า
“พระอาจารย์ครับ… นั่นจดหมายที่ผมไปเอามาเก็บไว้ในกุฎินี้ครับ”
“ไหนขอดูหน่อยครับ… อ้าว ท่านมันจดหมายที่ผมจะไปให้เขานะครับ…”
“อ้าวเอ่อ… ขอโทษครับ…ก็ผมเห็นเขายกท่อนเหล็กสีแดงตั้งขึ้นไว้ที่กล่องจดหมายผมก็นึกว่าเขามาส่งจดหมายนะครับ”
เจ้าอาวาสกล่าวว่า
“ มันไม่ใช่อย่างนั้น… ครับ ที่กล่องจดหมายที่มีเหล็กสีแดงตั้งขึ้นนั้นหมายถึง… เราเป็นคนส่งจดหมาย ถ้ามีเหล็กสีแดงนอนลงนั้นหมายถึง… เขามารับจดหมายของเราแล้ว”
ผู้เขียนว่า “ขอบคุณครับที่คอยชี้แนะ…”
แบบนี้ล่ะ คนเราจะรู้หมดทุกเรื่องตั้งแต่เกิดก็เป็นไปได้ยาก คนทุกคนจะสมบูรณ์แบบทุกอย่างอย่าไปหาเลย จงเรียนรู้กับสิ่งที่ผิดพลาดมาเป็นบทเรียนชีวิตสิ่งนั้นจะกลายมาเป็นประสบการณ์ของชีวิต เพื่อที่จะก้าวหน้าไปอย่างมั่นใจและมั่นคง
หลายท่านคงเคยได้ยินคำที่ว่า “โง่ก่อนฉลาด”
เราจะเสียรู้ครั้งแรก ครั้งต่อไปจะฉลาดในเรื่องที่เคยพลาดพลั้งไป
และ “ฉลาดก่อนโง่” ฉลาดนั้นมันดี แต่ฉลาดแกมโกงนั้นมันดีชั่วระยะหนึ่ง เพราะผลของกรรมยังไม่ให้ผลของการกระทำที่ไม่ดี สำหรับคนโกงจะได้รับผลของการกระทำของตนเองจะเดือดร้อนใจในภายหลัง คิดมากนอนไม่หลับระแวงไปหมด
เรื่องที่หนึ่งจบลงด้วยประการฉะนี้