จาริกธรรมสกอตแลนด์ตอนที่ ๑๑ เพื่อน้อมรำลึก ๖ ปี มรณกาล สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถระ ป.ธ.๙), อดีตประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช, อดีตประธานกรรมการมหาเถรสมาคม, อดีตเจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก, อดีตประธานสำนักงานกำกับดูและพระธรรมทูตไปต่างประเทศ รูปแรก และอดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร วันที่ ๑๐ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ ในฐานะที่เจ้าประคุณสมเด็จฯ เป็นผู้วางรากฐานการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในประเทศไทย และเป็นคณะสงฆ์ไทยคณะแรกที่ได้จาริกธรรมมาในดินแดนยุโรปอย่างเป็นทางการ จนส่งผลให้การทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาทั้งในและต่างประเทศมีความมั่นคงเป็นปึกแผ่นมาจนถึงทุกวันนี้อย่างที่คณะสงฆ์ไทยปฏิเสธไม่ได้เลย

สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถระ ป.ธ.๙)
ในวันเปิดสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ
พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศฯ

จาริกธรรมสกอตแลนด์ ตอนที่ ๑๑

“สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ)

กับสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ฯ

จิตวิญญาณความมั่นคงแห่งพระพุทธศาสนา คือสันติธรรมของโลก

โดย พระใบฏีกาคทาวุธ คเวสกธมฺโม

           จากสมุดบันทึกการเดินทางของอาตมา เมื่อเดินทางมาถึงสกอตแลนด์ช่วงแรก ๆ อาตมามีโอกาสได้ไปช่วยงานปฏิบัติธรรมประจำปีของวัดพุทธาราม ลีดส์ เมืองลีดส์ ประเทศอังกฤษ ซึ่งพระเดชพระคุณพระราชกิจจาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ, เลขานุการสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ฯ ในขณะนั้น ได้เล่าให้อาตมาฟังว่า วัดนี้ถูกสร้างขึ้นโดยดำริของพระเดชพระคุณพระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศ, กรรมการมหาเถรสมาคม, ประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ และประธานคณะกรรมการโครงการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ วัดสระเกศ ในขณะนั้น

           เพื่อเป็นอนุสรณ์ของท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ครูบาอาจารย์ที่ทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาและมาถึงรุ่นลูกศิษย์คือพระเดชพระคุณพระพรหมสิทธิในฐานะลูกศิษย์ก้นกุฏิของท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ที่ได้เดินตามรอยเท้าและอุดมการณ์ของครูบาอาจารย์ตลอดจนตามรอยพระธรรมวินัยแห่งพระพุทธองค์  จึงมุ่งหวังให้วัดแห่งนี้เป็นสำนักงานศูนย์กลางของการประสานงานการทำงานเผยแผ่พระพุทธ ศาสนาทั้งในและนอกประเทศให้มีความเชื่อมโยงและให้งานเผยแผ่ของคณะสงฆ์ไทยมีความเป็นเอกภาพตามมติของมหาเถรสมาคม ซึ่งในโอกาสตอนต่อไปอาตมาถึงจะได้เล่ารายละเอียดของเรื่องนี้

           เพราะก่อนจะเล่าถึงเรื่องของวัดพุทธาราม ลีดส์ นั้นเพื่อให้ทุกท่านเห็นภาพและความเชื่อมโยงของการทำงานเผยแผ่ระหว่างสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ฯ, สำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ, วัดพุทธราราม ลีดส์ จึงอยากจะเล่าถึงความเป็นมาระหว่างท่านเจ้าประคุณกับสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ เสียก่อน และหากท่านพอมีเวลาอยากให้ไปย้อนอ่านจาริกธรรมสกอตแลนด์ตอนที่ ๑ ถึง ตอนที่ ๓ ท่านจะเห็นภาพและเข้าใจมากยิ่งขึ้นว่าสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ ทำอะไร เป็นมาอย่างไร และเห็นต้นเหตุหลาย ๆ อย่างที่อาตมาจะกล่าวถึงในตอนนี้

            อาตมาจะได้เล่าถึงความเป็นมาของสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ฯ กับท่านเจ้าประคุณ ซึ่งครั้งหนึ่งพระเดชพระคุณพระราชกิจจาภรณ์ ในขณะนั้นได้ให้โอวาทแก่คณะพระวิทยากร ตอนนั้นอาตมาเป็นหัวหน้าฝ่ายเลขานุการของกลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม โดยท่านเล่าว่า

           “สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ ก่อกำเนิดขึ้นเมื่อปี พุทธศักราช ๒๕๕๑ ในเดือน ธันวาคม อันเป็นเดือนมหามงคล วันเฉลิมพระชนพรรษา ของในหลวงรัชกาลที่ ๙ เพื่อมุ่งหวังให้เป็นศูนย์กลางการทำงานเผยแผ่ของคณะสงฆ์ไทย ในยุคช่วงแรก ๆ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ลำบากมาก ต้องหางบประมาณมาเองโดยไม่มีงบจากหน่วยงานของรัฐเข้ามาสนับสนุนเลย ซึ่งครั้งนั้นท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ เป็นผู้ลงนามก่อตั้ง ในฐานะประธานคณะผู้ปฎิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช และในเวลาต่อมามหาเถรสมาคมได้มีมติเห็นชอบให้สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ เป็นหน่วยงานเผยแผ่เชิงรุกของคณะสงฆ์ไทย และได้รับงบประมาณจากรัฐเพื่อดำเนินงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาในทุก ๆ ด้าน ”

จะเห็นว่า เมื่อปี ๒๕๕๑ ได้มีคำสั่งจัดตั้งโครงการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ เพื่อให้เป็นหน่วยงานของคณะสงฆ์ในการทำหน้าที่เผยแผ่พระพุทธศาสนา โดยมีคณะกรรมการดำเนินงาน ประกาศคำสั่ง เมื่อวันที่ ๑ เดือน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ลงนามโดยเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชในขณะนั้น

           ทั้งนี้ การให้มีคำสั่งจัดตั้งโครงการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ เป็นการ “ออกคำสั่ง” เพื่อตั้งคณะกรรม การดำเนินงานการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ตามความในมาตรา ๑๕ ตรี (๓) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕  มาตรา ๑๕ ตรี  มหาเถรสมาคมมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้

           (๑) ปกครองคณะสงฆ์ให้เป็นไปโดยเรียบร้อยดีงาม

           (๒) ปกครองและกำหนดการบรรพชาสามเณร           

           (๓) ควบคุมและส่งเสริมการศาสนศึกษา การศึกษา สงเคราะห์ การเผยแผ่ การสาธารณูปการ และการสาธารณสงเคราะห์ของคณะสงฆ์

           (๔) รักษาหลักพระธรรมวินัยของพระพุทธศาสนา

           (๕) ปฏิบัติหน้าที่อื่นๆ ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่น    

           เพื่อการนี้  ให้มหาเถรสมาคมมีอำนาจตรากฎมหาเถรสมาคมออกข้อบังคับ วางระเบียบ ออกคำสั่ง มีมติหรือออกประกาศ  โดยไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมายและพระธรรมวินัย ใชับังคับได้ และจะมอบให้พระภิกษุรูปใดหรือคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการตามมาตรา ๑๙ เป็นผู้ใช้อำนาจหน้าที่ตามวรรคหนึ่งก็ได้

           อนึ่ง ผู้ลงนามคือ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นการปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชมีอำนาจลงนามในพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชได้ พร้อมทั้งปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประธานกรรมการมหาเถรสมาคม ตาม มาตรา ๘ “สมเด็จพระสังฆราชทรงดำรงตำแหน่งสกลมหาสังฆปริณายก ทรงบัญชาการคณะสงฆ์ และทรงตราพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช โดยไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมาย พระธรรมวินัย และกฎมหาเถรสมาคม” และมาตรา ๑๒  “มหาเถรสมาคมประกอบด้วยสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งทรงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการโดยตำแหน่ง…”

การออกคำสั่งจัดตั้งโครงการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ จึงเป็นการออกคำสั่งโดยอำนาจหน้าที่ของมหาเถรสมาคม ตามความในมาตรา ๑๕ ตรี (๓) และวรรคสอง ประกอบกับมาตรา ๘ และมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕

และในเวลาต่อมาเป็นการยืนยันในทางนิตินัยอย่างเห็นได้ชัดเจนว่าสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ คือศูนย์กลางงานเผยแผ่ของคณะสงฆ์ไทย เพราะมหาเถรสมาคมได้มีมติเห็นชอบให้สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ เป็นหน่วยงานของคณะสงฆ์ในการสนับสนุนในการดำเนินภารกิจด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเชิงรุก ตามมติมหาเถรสมาคม ที่ ๔๑๒/๒๕๕๖ ในคราวประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๒๐/๒๕๕๖

สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ จึงเป็นหน่วยงานของคณะสงฆ์ที่ดำเนินภารกิจด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในทุก ๆ ด้านของคณะสงฆ์ไทย ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. พ.ศ. ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ และมีความชอบด้วยกฎหมายที่สามารถรับงบอุดหนุนจากรัฐเพื่อมาดำเนินงานตามภารกิจดังกล่าว แม้ว่าในยุคแรก ๆ ไม่มีงบอุดหนุนจากภาครัฐเข้ามาสนับสนุนก็ตาม ด้วยท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ เห็นว่า เพราะพระเณรจะเป็นผู้รักษาพระศาสนา ท่านจึงเน้นให้ทำงานช่วยกันปลูกจิตสำนึกด้านคุณธรรม จริยธรรม  และศีลธรรมให้กับเยาวชนและประชาชนในชาติ  ซึ่งหนทางนี้เท่านั้น จะช่วยให้เกิดความมั่นคงแก่พระพุทธศาสนา  จึงเป็นจุดเริ่มต้นการจัดตั้ง “สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคง แห่งสถาบันชาติ พระศาสนา และพระมหากษัตริย์ “ขึ้นมาตั้งแต่ปีพ.ศ.๒๕๕๑ จนถึงปัจจุบัน

ขอขอบคุณ ภาพจาก สำนักงานส่งเสริมตุณธรรม จริยธรรม
และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร

ดังนั้นจะเห็นว่าท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ก่อตั้งสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ เพื่อให้การทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาในประเทศไทยเป็นระบบ มีเครือข่ายเป็นสังฆะพุทธบริษัทตามที่พระพุทธเจ้าวางไว้ ทำงานเป็นทีมในลักษณะของพี่น้องทางธรรมเกื้อกูลกันตามธรรม มีความเป็นเอกภาพ และเพื่อเป็นการสนับสนุน ส่งเสริม ให้กำลังใจ พระหนุ่ม เณรน้อย หรือพระสงฆ์ที่ทำงานด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ในการทำหน้าที่ปลูกฝังด้านคุณธรรม จริยธรรม และศีลธรรมให้กับคนในชาติ อย่างเป็นรูปธรรม โดยการประยุกต์ธรรมเพื่อรับใช้สังคมตามรอยพระพุทธองค์ที่ได้เปิดทางไว้ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาทุกประการ

           อย่างไรก็ตาม สังคมไทยปัจจุบันนี้มีความมุ่งหวังให้คนในชาติ มีคุณธรรม จริยธรรม และศีลธรรม สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ จึงเป็นหน่วยงานที่ตอบโจทย์ตรงนี้ให้กับสังคมได้ เพราะมีภารกิจหลักเพื่อปลูกฝั่งคุณธรรม จริยธรรม และศีลธรรมให้กับสังคมโดยตรง จึงถือว่ากิจกรรมต่าง ๆ ที่สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ ดำเนินการนั้นเป็นการบริการสาธารณะเพราะภารกิจหลักเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะเท่านั้น

           ภารกิจหลักของสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ ยังเป็นการช่วยเกื้อหนุนให้ภารกิจหน่วยงานของภาครัฐ (หน่วยงานทางมหาชน) ไม่ว่าจะเป็นกระทรวง ทบวง กรมหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานเหล่านี้นอกจากจะมีหน้าที่ในการจัดทำบริการสาธารณะแล้ว ยังต้องมีหน้าที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือต้องดำเนินการให้เกิดผลดีแก่ประชาชนในชาติทั้งในด้านคุณธรรม จริยธรรม ศีลธรรม หรือทางสติปัญญาอีกด้วย

           ฉะนั้นแล้ว จะเห็นว่าสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ จึงมีส่วนขับเคลื่อนในการพัฒนาประเทศชาติ แม้จะเป็นหน่วยงานเล็ก ๆ เหมือนทรายเม็ดหนึ่ง แต่มันคือเม็ดทรายที่อุ้มน้ำไว้เพื่อหล่อเลี้ยงให้ต้นไม้เติบโตได้ ประดุจสายน้ำอันฉ่ำเย็นที่คลายความร้อนของผู้คนในยามทุกข์ทนขาดที่พึ่ง เฉกเช่นเหมือนสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ กำลังปลูกต้นไม้คุณธรรมให้กับคนในสังคมเพื่อเติบโตมาเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพนำพาประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรือง ซึ่งอาตมามีความเชื่อว่าการพัฒนาประเทศชาติที่แท้จริง และทำให้ประเทศชาติเกิดความมั่นคงทั้งทางด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ต้องเป็นการพัฒนาทั้งทางด้านวัตถุและจิตใจควบคู่กันไป

           แล้วท่านล่ะคิดอย่างไร !!  เห็นว่าเราควรพัฒนาแต่วัตถุ โดยไม่สนใจว่าจิตใจของคนในสังคมจะเป็นเช่นใด หรือมุ่งแต่พัฒนาจิตใจ โดยไม่สนใจชาวโลกว่าเขาไปถึงไหน หรือท่านเห็นด้วยกับอาตมาที่ว่าควรพัฒนาทั้งสองควบคู่กันไปดังที่กล่าวไปนั้น

เขียนธรรมสื่อถึงโลก

หน้าธรรมวิจัย นสพ.คมชัดลึก วันอังคารที่ ๑๓ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๒

โดย พระใบฏีกาคทาวุธ คเวสกธมฺโม

จาริกธรรมสกอตแลนด์ ตอนที่ ๑๑

“สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ)

กับสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ฯ

พระใบฏีกาคทาวุธ คเวสกธมฺโม พระธรรมทูต สถาบันพัฒนาพระวิทยากร
สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ
พระศาสนา และพระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ ฯ

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here