หากกล่าวถึงกลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม พระวิทยากร จากสถาบันพัฒนาพระวิทยากร สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ ท่านหนึ่งจะต้องนึกถึงพระครูปลัดทรัพย์ชู  มหาวีโร พระอาจารย์ผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยเมตตา กรุณา และมีเทคนิคการสอนธรรมะอันละเอียดอ่อน เข้าใจความรู้สึกของผู้ปฏิบัติธรรม และรู้ว่า จะช่วยแก้ปัญหาผู้ปฏิบัติธรรมให้หลุดออกจากความทุกข์ได้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นเด็ก วัยรุ่น คนทำงาน หรือผู้สูงวัย เมื่อได้พบท่าน ได้เรียนกับท่าน ได้เข้าค่ายที่มีท่านเป็นวิทยากร จึงได้สนทนาธรรมกับท่านมาแบ่งปันในยามที่เราทุกคนต้องเข้าคอร์สปฏิบัติธรรมอยู่กับบ้านกันจริงๆ ในช่วงโควิด –๑๙ ระบาด ก็ขอให้ทุกท่านนำการฝึกสติในชีวิตที่ได้ฝึกฝนมาใช้ในทุกอิริยาบถ ทุกการทำงานที่บ้าน ทุกการคิด และทุกการกระทำ หากเรามีสติ ก็จะทำให้เราเข้าใจในภาวะวิกฤติของโลกจากโรคระบาดอย่างเท่าทันในการที่จะหาทางแก้ไขปัญหาแต่ละอย่างที่อาจจะเกิดจากผลกระทบของโควิดด้วยสติ และปัญญา จนสามารถหาทาองออกได้อย่างสร้างสรรค์จากพระธรรมที่เราฝึกฝน จึงขอนำประวัติสั้นๆ ของท่านมาเล่าสู่กันฟัง  

พระครูปลัดทรัพย์ชู  มหาวีโร กลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม พระวิทยากรสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ
พระครูปลัดทรัพย์ชู มหาวีโร กลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม พระวิทยากรสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ

“ตอนนั้นอายุ ๑๖-๑๗  ปี ช่วงที่เรียนอยู่ที่วัดหนองแวง ปิดภาคการศึกษาเดือนเมษายน สามเณรรุ่นพี่ก็ชวนไปปฏิบัติธรรม อาตมาก็อยากรู้ว่า ปฏิบัติธรรม ทำอย่างไง ก็ไปด้วยกัน ๓ รูป ไปมอบตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อสงคราม ธัมมวโร อยู่ที่อำเภอแกดำ จังหวัดมหาสารคาม วัดเป็นป่าช้า

“เริ่มต้นหลวงพ่อท่านก็สอนให้รู้จักการสร้างจังหวะ การเดินจงกรม แล้วก็ปฏิบัติเลย จะเดินนานเท่าไหร่ก็ได้ ไม่จำกัด ใช้บริเวณข้างกุฏิกำหนดเดินไปกลับ นั่งสร้างจังหวะก็เหมือนกัน ไม่จำกัดเวลา แต่ให้รู้สึกตัว

ทำอย่างไรก็ได้ไม่ให้หลับ ให้รู้สึกตัวๆ แก้ง่วงให้ได้ ไม่ให้ง่วง เดินเร็วก็ได้ ชกลมก็ได้ วิ่งก็ได้ เอาหน้ามุดน้ำก็ได้ ก็ปฏิบัติสลับกันไปอย่างนี้ตลอดทั้งวัน นั่งสร้างจังหวะบ้าง เดินบ้าง แต่ส่วนใหญ่ผมจะเดิน

พระครูปลัดทรัพย์ชู  มหาวีโร
พระครูปลัดทรัพย์ชู มหาวีโร

“กิจวัตรก็ทำปกติ ทำวัตรเช้า เย็น บิณฑบาต ฉัน กวาดใบไม้ แต่ช่วงของการฟังธรรมท่านก็ให้นั่งสร้างจังหวะไปด้วย และให้งดอ่านหนังสือตลอดการปฏิบัติ ตั้งแต่ตื่นนอนจะไม่ให้หลังแตะพื้น เราทำได้ ไม่ได้อย่างไร ก็ไม่มีการแอบไปจำวัด เพราะท่านถาม ก็ไม่กล้าโกหก

พอปฏิบัติแล้วก็สนุก เบิกบานกับการปฏิบัติ ผ่านง่วง เจอคิด ก็กลับมารู้สึกตัว ความรู้สึกตัวมากขึ้น หลวงพ่อสงครามใช้คำว่า “ปลุกเขย่าธาตุรู้” คิดก็รู้ว่าคิด กลับมาหากาย กลับมารู้สึกที่กาย ทำให้ไม่ง่วง ไม่คิด

ปฏิบัติแล้วก็ใจดี ไม่คิดอะไร ปกติอยู่กับกายมีความสุข คิดดี ขอบคุณ พ่อแม่ พี่น้อง อยากให้ได้มาสัมผัสการปฏิบัติธรรม ความรู้สึกตอนนั้น ในโลกนี้ไม่มีใครที่เกลียดเลย

การปฏิบัติธรรมในครั้งนั้น ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ปกติจะอยู่คนเดียวไม่ได้ ไปไหนก็ต้องชวนเพื่อนไปด้วย

ปฏิบัติแล้ว อยู่คนเดียวได้ เป็นตัวของตัวเอง เป็นตัวเราของเรา อยู่กับเพื่อนก็อยู่ได้ดีขึ้น คือ เข้าใจเขา ขยันอ่านหนังสือ มีความกล้า กล้าที่จะทำอะไรด้วยความสามารถของเรา สามารถที่จะยอมรับความจริงที่จะเกิดขึ้นได้ จากการกระทำของเรา

ในช่วง มัธยมปีที่ ๕ – ๖  ก็ไปปฏิบัติธรรมทุกปี ปีละครั้ง ครั้งละ ๗ วัน หลังจากนั้นก็มาเรียนต่อที่กรุงเทพฯ ในช่วง ม. ๕-๖ ก็ไปปฏิบัติทุกปี ปีละครั้ง ครั้งละ ๗ วัน หลังจากนั้นก็เข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯ เรียนไปด้วยสอนไปด้วย ทำงานค่ายพุทธบุตรไปด้วย ในช่วงที่มาทำงานที่กลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม ก็ทำให้ได้รู้จักครูบาอาจารย์พูดถึง หลวงตาสุริยา มหาปัญโญ ในช่วงปี พ.ศ.๒๕๔๘  ก็ได้ไปปฏิบัติกับท่านครั้งแรก หลังจากนั้น บางปีก็ได้ไป บางปีก็ไม่ได้ไป

ปฏิบัติจากหลวงตาแล้ว ทำให้สติอยู่นานขึ้น เห็นอารมณ์เร็ว โกรธ เครียดก็กลับมาดูใจได้เร็ว ไม่คิดไปเถียง ไม่คิดไปชนะกับใคร สบายใจภูมิใจ กวาดใบไม้ก็มีความสุข ทำหน้าที่ของเราก็เพียงรู้สึกตัว

จนมาในสองสามปีหลังนี้ ได้มาจำพรรษา เก็บอารมณ์กับหลวงตา ก็มีความต่อเนื่อง แต่ก่อนไปก็เหมือนเริ่มต้นใหม่ เพราะความไม่ต่อเนื่อง

การปฏิบัติเหมือนกัน แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นคือ ศรัทธา มีศรัทธามากขึ้น มีความเพียรมากขึ้น ทำให้กำลังแห่งสติ สมาธิ ปัญญามันเพิ่มขึ้นด้วย

เริ่มด้วย บูชาชีวิตของเราด้วยความรู้สึกตัว จับตัวความรู้สึกดีๆ ฟังเสียงของสติดีๆ มันเคลื่อนก็ให้มันรู้ มันหยุดก็ให้มันรู้ ให้มันรู้สึกตัวจริงๆ เอาความรู้สึกตัวที่มีในชีวิตมาอยู่กับการเคลื่อนไหว

ทุกคนอยากจะชนะใจตัวเอง อยากออกจากความสบาย ทำตัวเองให้เป็นบ้านพักจิต พักใจได้ อยากให้โลภ โกรธ หลง ราคะ โทสะ โมหะ มันลดลง อยากมีชีวิตใหม่กับใจโล่งๆ ได้ใจอีกแบบหนึ่ง

พระครูปลัดทรัพย์ชู  มหาวีโร
พระครูปลัดทรัพย์ชู มหาวีโร

ต้องชนะใจตัวเอง มีสัจจะต่อตัวเอง ฝืนใจตัวเอง อดทนมากๆ ฝืนใจได้กำไร ตามใจขาดทุน หลวงตาสุริยาบอกว่า ไม่ฝืน ไม่ฟื้น เกิดอะไรขึ้น ง่วง คิด อย่าออกจากทางจงกรม อย่าออกจากการปฏิบัติ กลับมารู้สึกตัวไว้ มีแต่เท้าที่ก้าวเดิน มีแต่มือที่เคลื่อนไหว เราจะก้าวข้ามเอาชนะได้

ฝืนเยอะๆ จะเห็นความไม่พอใจ ความทุกข์ ความคิด ความคิดมันทุกข์ คิดเองทุกข์เอง ความคิดเหมือนจะมีจริง แต่มันไม่จริง ความคิดไม่ใช่เรา เราไม่ใช่ความคิด

ถ้าเรามีสติไม่พอ จะไปตามอารมณ์ ความคิด ความหิว ความเหนื่อย ความท้อ ความขี้เกียจ เราต้องเดินสู้ สองอย่างก็จะสู้กัน ความคิดกับความรู้สึกตัว เราให้อาหารอันไหน อันนั้นชนะ

“ฝึกสติแล้วรู้สึกว่า ในโลกนี้ไม่มีใครที่เกลียดเลย ” พระครูปลัดทรัพย์ชู มหาวีโร “วิถีพระ วิถีแห่งสติ” (ตอนที่ ๒) โดย พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท กลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม สถาบันพัฒนาพระวิทยากร สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here