จาริกบ้าน จารึกธรรม …

“ให้ทุกวันคือวันแม่

บอกรักแม่จากหัวใจของเรา”

เขียนโดย พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท

สำนักสงฆ์นิโครธาราม ๒ JB ประเทศมาเลเซีย /กลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม/ สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมและความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ

จากบทความเรื่อง "วันแม่ที่มาเลเซีย อย่าบอกรักแม่ผ่านตัวหนังสือ จงบอกรักแม่ผ่านการกระทำ" เขียนโดย พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท  สำนักสงฆ์นิโครธาราม ๒ JB ประเทศมาเลเซีย  คอลัมน์ "จาริกบ้านจารึกธรรม" หน้าพระไตรสรณคมน์ นสพ.คมชัดลึก วันพฤหัสบดีที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๑
จากบทความเรื่อง “วันแม่ที่มาเลเซีย อย่าบอกรักแม่ผ่านตัวหนังสือ จงบอกรักแม่ผ่านการกระทำ” เขียนโดย พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท สำนักสงฆ์นิโครธาราม ๒ JB ประเทศมาเลเซีย คอลัมน์ “จาริกบ้านจารึกธรรม” หน้าพระไตรสรณคมน์ นสพ.คมชัดลึก วันพฤหัสบดีที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๑

         เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๑ ที่ผ่านมา ชาวไทยในมาเลเซีย และคณะสงฆ์สำนักสงฆ์นิโครธาราม ๒ JB ประเทศมาเลเซียได้ร่วมกันจัดกิจกรรม “วันแม่แห่งชาติ” ภาคเช้าได้มีกิจกรรมทำบุญตักบาตร การทำวัตร สวดมนต์ และการแสดงพระธรรมเทศนา ๑ กัณฑ์ ภาคค่ำมีกิจกรรมบรรยายธรรมรำลึกถึงพระคุณของแม่ เพื่อให้ลูกหลานคนไทยในมาเลเซียได้ซึมซับคุณธรรมความกตัญญูกตเวทีตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา

ผู้เขียนได้พูดคุยกับคนไทยในมาเลเซียที่พาลูกมาร่วมกิจกรรมว่า มาแล้วรู้สึกประทับใจมาก การจัดกิจกรรมแม่ปีนี้จัดเป็นปีที่ ๖ การจัดกิจกรรมแต่ละปีในช่วงเย็น นอกจากพระอาจารย์จะบรรยายธรรมให้ทุกคนตระหนักถึงพระคุณของพ่อแม่แล้ว ยังพาเด็กๆ ทำพิธีกราบขอขมาพ่อแม่ ป้อนขนม ล้างเท้า ปิดตาหาแม่ วาดภาพระบายสีให้แม่สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปแต่ละปี ทุกกิจกรรมทำแล้วก็ทำให้คุณแม่ทั้งหลายน้ำตาไหล เพราะพ่อแม่ลูกได้อยู่ด้วยกันอย่างไม่มีอะไรมาปิดกั้น

การจัดกิจกรรมในช่วง ๒ ปีแรกมีปัญหานิดหน่อย เพราะเด็กยังไม่รู้ฟัง (ยังฟังไม่เข้าใจ) เด็กส่วนใหญ่มีพ่อเป็นจีน แม่เป็นไทยก็จะสื่อสารภาษาจีน ภาษามาเลเซียก็เลยทำให้ไม่เข้าใจ พอพระอาจารย์บรรยายไป พ่อแม่ก็ทำหน้าที่แปลให้ลูกฟังอีกที  พอมาปีที่สาม เด็กๆ เริ่มฟังเข้าใจก็มีความซาบซึ้งกัน คนที่ฟังไม่ออกในกลุ่มเพื่อนๆ กันก็จะแปลให้กันฟัง แปลเสร็จแล้วก็ร้องให้กัน ก็เห็นความเปลี่ยนแปลง เด็กๆ ซาบซึ้งกัน ถ้าฟังไม่เข้าใจไม่ซาบซึ้งก็คงน้ำตาไม่ไหล

แต่ก่อนเวลาพูดถึงความกตัญญูกตเวที ทุกคนจะไม่เข้าใจเลย พูดให้ฟังว่าการทำให้พ่อแม่เสียใจอะไร จะทำให้เป็นบาป เด็กก็ไม่เข้าใจ เราก็พยายามอธิบายให้ฟัง เราทำกับพ่อแม่อย่างไร ลูกของเราก็จะทำอย่างนั้นกับเรา เป็นกงกรรมกงเกวียน

มีครั้งหนึ่งมีภาพยนตร์เรื่อง “นรก” ในยูทูป ก็เปิดให้เขาดูว่า การทำไม่ดีต่อพ่อแม่ จะเป็นบาปจะได้รับผลกรรมอย่างไร พอดูเสร็จเขาก็มาสารภาพกับแม่ว่า เคยโกหกเรื่องอะไรบ้าง เล่าให้ฟังจนหมด กับพ่อก็เหมือนกัน ยิ่งได้เข้าร่วมกิจกรรมวันแม่ ยิ่งร้องไห้สำนึกคุณใหญ่เลย

กว่าที่ทุกคนจะเข้าใจอะไรต้องใช้เวลาจริงๆ เรื่องคำสอนก็ต้องค่อย ๆ สอน คุณแม่ท่านหนึ่งเล่าว่า

ลูกชายคนเล็กตอนเด็ก ๆ โยมสวดมนต์เขาก็บอกว่า แม่ร้องเพลง เขาก็ทำท่าตีกลอง พอบอกเขาว่า แม่สวดมนต์ ก็จับเขามานั่งประนมมือ ให้เขาสวดตามไปด้วย จนทุกวันนี้เขาก็สวดได้

“มีปีหนึ่งเขามาร่วมกิจกรรมวันแม่ พระอาจารย์ให้วาดภาพแม่ เขาก็วาดภาพแม่ตีด้วยไม้แขนเสื้อจนหัก ตัวเองก็ร้องไห้ พระอาจารย์บอกว่าภาพไม่สวยแต่มีความหมาย อย่างนี้ต้องมีรางวัล พอเขามอบให้แม่แล้วก็ขอบคุณที่ทำให้เขาเข้าใจความรักของแม่ เขาสัญญาว่าจะกตัญญูกตเวที”

แม่ถือว่าเป็นบุคคลที่หาได้ยาก

เพราะคนหนึ่งคนจะมีแม่ผู้ให้กำเนิดได้เพียงคนเดียวเท่านั้น

ท่านจึงเป็นคนสำคัญมากในชีวิต

ทุกคนจึงต้องกตัญญูกตเวที”

พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท

ในทางพระพุทธศาสนา พ่อแม่ท่านแสดงไว้ใน ๔ สถาน คือ

๑.พ่อแม่เป็นพระพรหมของลูก

ด้วยเหตุที่พ่อแม่ประพฤติธรรม ๔ ประการอันได้แก่ มีเมตตาอันหาประมาณมิได้ในทุก ๆ วัน พ่อแม่ปรารถนาให้ลูกมีความสุขด้วยความรักด้วยความเมตตาเป็นปกติ เมื่อลูกประสบความทุกข์ก็มีกรุณา ปรารถนาให้ลูกพ้นจากความทุกข์นั้น ถ้าแลกได้ให้พ่อแม่ทุกข์แทนได้ก็คงจะทำ เมื่อลูกได้ดีประสบความสำเร็จก็พลอยมุทิตา ยินดีกับลูกทุกคนโดยไม่มีความอิจฉา พ่อแม่รักลูกทุกคนเท่ากัน เมื่อลูกทำผิดพลาด ทำผิดกฎหมายพ่อแม่ก็ต้องมีอุเบกขาให้ลูกได้รับบทเรียนผลของการกระทำของตนเอง เมื่อลูกแต่งงานมีครอบครัวก็ต้องประพฤติธรรมข้ออุเบกขาให้มาก ๆ ลูกจะได้เติบใหญ่กับความรับผิดชอบ

๒.พ่อแม่เป็นครูคนแรก

ด้วยเหตุที่พ่อแม่เป็นผู้แสดงโลกนี้แก่บุตร เป็นผู้สั่งสอนลูกก่อนคนอื่นๆ เริ่มตั้งแต่การยืน การเดิน การนั่ง การนอน การพูดจา การรับประทานอาหาร และการถ่ายอุจจาระปัสสาวะ เป็นต้น ลูกๆ เรียนรู้วิชาช่วยตนเองเหล่านี้ มาจากมารดาบิดาทั้งสิ้น ถ้าปราศจากท่านสอนแล้วลูกทั้งหลายก็ยากที่จะเอาตัวรอดได้

๓.พ่อแม่เป็นที่นับถือของลูก

พ่อแม่เป็นผู้เหมาะสมที่สุด ที่ลูกทั้งหลายจะมอบสิ่งของและความรักความเคารพให้ เนื่องจากคุณความดีที่ท่านมีต่อลูกนั้นยิ่งใหญ่จนไม่อาจจะเปรียบเทียบด้วยแผ่นฟ้ามหาสมุทรที่กว้างใหญ่ได้เลย

๔.พ่อแม่เป็นผู้อนุเคราะห์ลูก

ท่านช่วยเหลือลูกของตนในทุกๆ เรื่อง นับตั้งแต่เรื่องวัตถุ เช่น ปัจจัย ๔ คือ อาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค และเรื่องทางจิตใจ เช่น ช่วยปลอบลูกให้มีกำลังใจ ให้หายทุกข์โศก ช่วยแนะนำให้รู้ดีรู้ชั่ว เป็นต้น

ผู้เขียนเคยได้ฟังอาจารย์เจ้าคุณพระศรีธีรพงศ์ ท่านได้พูดถึงคุณสมบัติพิเศษ ๗ อย่างของแม่ จนได้ชื่อว่ายอดแท้ของแม่ ๗ ประการ คือ

๑. อุ้มไม่เคยหนัก

ตลอดเวลาที่แม่อุ้มท้องนั้น แม่ไม่เคยบนว่าหนัก ไม่เคยบนว่าเป็นภาระ เมื่อลูกเกิดมาแม่ต้องคอยเลี้ยงดูอุ้มชูอย่างดี แม่ก็ไม่เคยบนว่าเหนื่อย หรือบนว่าท้อ ดังคำกล่าวที่ว่า “แม่อุ้มลูกไม่เคยหนัก มากไปกว่าหนักรักหมดใจ”

๒. เหนื่อยไม่เคยพัก

การงานทุกสิ่งทุกอย่างที่แม่ทำนั้น ก็เพื่อลูก โดยแม่ได้ตั้งความหวังว่า สักวันหนึ่งลูกน้อยๆ จะเติบโตขึ้นมามีการศึกษาที่ดี มีงานดีๆ ไม่ลำบากเหมือนแม่ แม่จึงยอมทน ๒ ทน คือ ๑)ทนภายนอก คือทนลำบากตรากตรำทำงาน เพื่อให้ลูกมีกินมีใช้ ๒)ทนภายใน คือ เมื่อลูกทำให้แม่เจ็บปวดใจ แม่ก็ทน แม่ก็ยิ้ม ยิ้มให้ลูกดูให้ลูกเห็นว่าแม่ไม่เป็นไร แต่ลึกๆ จะมีใครรู้ว่าท่านเจ็บปวดใจขนาดไหน

๓. รักไม่เคยล่วง

แม่รักลูกด้วยความจริงใจ ไม่เคยคิดล่วงหลอกลูกด้วยประการใดๆ มีแต่ความจริงใจที่มอบให้ลูกเสมอ “แม่ไม่เคยล่วงลูก มีแต่ลูกละล่วงแม่

๔. ห่วงไม่เคยเลิก

แม่จะห่วงหวงลูกอยู่ตลอดเวลา เมื่อยามที่ลูกออกไปไกลตา แม่ก็ถวิลหา เพราะกลัวว่าลูกจะมีอันตราย บางครั้งต้องสวดมนต์อ้อนวอนขอพระช่วยคุ้มครองลูก


           ๕. เบิกไม่เคยคิด

ตั้งแต่เล็กจนโต เราไม่เคยรู้เลยว่า ใช้เงินของแม่ไปเท่าไรแล้ว เราเบิกเงินจากแม่ไปซื้อเสื้อผ้าสวยๆ กี่ชุดแล้ว เครื่องประดับสุดหรู มือถือสุดเท่ห์ ตลอดทั้งเครื่องใช้อื่นๆ ทั้งหมดนั้นท่านไม่เคยคิดเงินกับเราเลย แต่ยามใดที่เราทำงานให้ท่าน ถึงจะเป็นงานเล็กๆ เราก็มักจะคิดเงินกับท่าน หรือสร้างเงื่อนไขกับท่านอยู่เสมอ

ดังคำกล่าวที่ว่า แม่เป็นบุคคลคนเดียวที่ถูกลูกเอารัดเอาเปรียบ ตักตวงเอาผลประโยชน์ได้มากที่สุด แม่เป็นบุคคลคนเดียวที่ได้รับความไม่ยุติธรรมจากลูกมากที่สุด และได้รับผลตอบแทนจากลูกน้อยที่สุด

๖. ผิดไม่เคยแค้น

เมื่อที่ลูกทำผิดพลาดต่อตน แม่ไม่เคยเคียดแค้นลูกเลย เพราะแม่รักลูก เพราะท่านคิดว่าต้องมีสักวันหนึ่งที่ลูกคิดได้ ลูกก็จะกลับกลายเป็นคนดี ในสายตาของแม่ลูกยังเด็กอยู่เสมอถึงจะโตสักปานใด ทั้งนี้เพราะความรักเอ็นดูของท่าน

๗.ตายแทนเราได้

เป็นคุณสมบัติที่สำคัญมากสำหรับแม่ แม่ยอมสละชีวิตตนแม้หากแลกได้ แม่ยินยอมพร้อมทุกอย่างเพื่อลูก

คุณสมบัติ ๗ ประการของแม่นั้น

ไม่ต้องใช้เครื่องอะไรมาพิสูจน์

เพราะการกระทำของแม่

บอกอยู่แล้วว่ารักลูกเพียงใด

ผู้เป็นลูกถึงแม้จะทำประโยชน์ให้กับคนทั้งโลก

แต่ไม่เคยทำอะไรให้แม่เลย

ก็จะเป็นความดีที่สูญเปล่า

ความกตัญญูจึงเป็นเครื่องหมายของคนดี”

พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท

ในทางพระพุทธศาสนามีบุคคลตัวอย่างของบุคคลผู้เป็นยอดกตัญญู คือพระสารีบุตร ก่อนที่พระสารีบุตรจะปรินิพพาน ได้หวนระลึกว่าเราสอนให้คนได้รู้ธรรมมากมาย มีพี่น้องทั้ง ๖ คนออกบวชเป็นพระอรหันต์ แต่แม่ของเราเป็นมิจฉาทิฏฐิ ไม่ได้มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง จึงได้กราบทูลลาพระพุทธเจ้ามาโปรดแม่ ณ แผ่นดินบ้านเกิด ให้แม่ถือเอาพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งแล้วก็ปรินิพพาน ถือเป็นการสิ้นสุดหนี้ศักดิ์สิทธิ์ของพระสารีบุตร

“พระพุทธองค์ตรัสมงคล ๓๘ ประการ ข้อที่ ๒๕ ว่า กตญฺญุตา เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ ความกตัญญูเป็นมงคลสูงสุด เป็นเครื่องหมายของคนดี ก็คือบุคคลผู้เลี้ยงดูผู้มีพระคุณ ฉะนั้น เราทำดีกับคนอื่นมากมาย อย่าลืมทำดีกับคนใกล้ตัว”

พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท
พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท ผู้เขียน กับ โยมแม่
พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท ผู้เขียน กับ โยมแม่

เขียนมาถึงตรงนี้ทำนึกถึงข้อความที่เขียนถึงโยมแม่เมื่อครั้งที่ได้กลับบ้านล่าสุด

แม่ คือ ดวงใจของลูก

ลูก คือ ดวงใจของแม่”

พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท

ทุกครั้งที่ได้เจอโยมแม่ หรือได้โทรศัพท์คุยกับโยมแม่จะได้ยินแม่พูดเสมอว่า “แม่ก็สบายดี” เพราะความที่แม่ไม่อยากให้ลูกเป็นห่วง หลายครั้งเหมือนกันที่ลูกไม่ได้บอกแม่ เพราะกลัวแม่เป็นห่วงแต่แม่ก็รู้อยู่ดี เมื่อเจอหน้า คำแรกที่แม่ถาม ไปภาคใต้บ่อยไหม ก็ได้แต่ตอบว่า ไม่บ่อยเท่าไหร่

สิ่งหนึ่งแม้ว่าลูกจะโตขนาดไหน ไปอยู่ที่ไหน แม่ก็ยังเป็นห่วงเสมอ แม่จะหาสิ่งที่ลูกชอบมาให้ฉัน (รับประทาน) แม้จะผ่านไปนานเท่าไหร่  แม่ก็ไม่เคยลืม ว่าลูกชอบฉันอะไร สองวันที่อยู่ใกล้แม่ สัมผัสได้ถึงความรัก ที่ไม่มีเงื่อนไข ความห่วงใยที่ไม่มีที่สิ้นสุด ที่แม่มีให้ลูกทุกวินาที ทั้งที่ยามลูกอยู่ใกล้และอยู่ไกล

แววตาของแม่อบอุ่นหัวใจเสมอ เมื่อวานก่อนเดินทางกลับมองแววตาของแม่แล้ว เหมือนแม่อยากจะกอดลูกไว้แน่นๆ ไม่ให้กลับ คำพูดของแม่บอกว่า ไปดี กลับดีๆ ทำให้น้ำตาซึมออกมาอย่างบอกไม่ถูก”

พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท

ขอบคุณที่ได้เกิดเป็นลูกแม่ ขอบคุณที่แม่เลี้ยงดู ขอบคุณทุกความรักที่แม่มีให้ลูกตลอดเวลา ขอบูชาพระคุณของแม่ ด้วยความดีที่ลูกได้ตั้งใจทำ ขอแม่จงเป็นผู้มีส่วนแห่งบุญที่ลูกได้ได้ทำ ขอให้แม่มีความสุขมากๆ ผ่านวันแม่ แต่ก็รักแม่ทุกวัน

พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท ผู้เขียน
พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท ผู้เขียน

“ให้ทุกวันคือวันแม่…บอกรักแม่จากหัวใจของเรา” เขียนโดย พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท กลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม/ สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมและความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ

หน้าพระไตรสรณคมน์ นสพ.คมชัดลึก วันพฤหัสบดีที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๑
หน้าพระไตรสรณคมน์ นสพ.คมชัดลึก วันพฤหัสบดีที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๑

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here