วิถีแห่งผู้นำ
: สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถร)
“เมตตา” คำเดียว
๑.
ปฐมบทแห่งชีวิต
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) เป็นพระมหาเถระที่ได้รับการกล่าวนามถึงมากที่สุดรูปหนึ่ง ในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา บนผืนแผ่นดินไทย ด้วยความเป็น “ต้นแบบแห่งสงฆ์” ที่พุทธบริษัทปรารถนาจะได้พบเห็น อันเป็นหนึ่งในทัสนานุตริยะที่เป็นมงคลยิ่ง
เจ้าประคุณสมเด็จฯ
ได้รับการยอมรับว่า
เป็นผู้ริเริ่มวางรากฐานแนวคิด
นำพระพุทธศาสนาก้าวเข้าสู่ยุคใหม่
และมีบทบาทสำคัญ
ในการผลักดันให้พระธรรมทูต
นำพระพุทธศาสนาไปเผยแผ่
กว้างไกลออกไปทั่วทุกมุมโลก
ในวัยเยาว์ : เด็กชายเกี่ยว โชคชัย
๒.
ต้นกำเนิดของครอบครัว
เจ้าประคุณสมเด็จฯ เกิดในครอบครัวคหบดีจีนชาวเกาะสมุย ซึ่งมาจากเกาะไหหลำ ชาวจีนโพ้นทะเลเป็นนักเดินเรืออีกชนชาติหนึ่งที่เข้ามาพึ่งพาอาศัยโพธิสมภารในแผ่นดินไทยบนเกาะสมุย นอกจากประกอบอาชีพประมง ทำไร่ ทำสวนแล้ว ยังประกอบอาชีพค้าขายอันเป็นอุปนิสัยของชาวจีนโดยทั่วไป
ปัจจุบันบ้านบรรพชนของเจ้าประคุณสมเด็จฯ ที่เกาะไหหลำ ยังถูกรักษาไว้ให้อยู่ในสภาพเดิม ภายในตัวบ้าน บุตรหลานได้นำภาพของโยมบิดา โยมมารดาของเจ้าประคุณสมเด็จฯ ไปไว้บนแท่นบูชาของบรรพชน
เป็นที่ทราบกันดีว่า ชาวจีนที่อาศัยอยู่ในเกาะสมุยเป็นนักเสี่ยงโชคที่แสวงหาแผ่นดินทอง เพื่อทำการค้าขาย ส่วนมากเป็นพ่อค้าทางเรือแล่นเรือส่งสินค้าจากกรุงเทพมหานคร แวะรับส่งสินค้าที่สงขลาแล้วมุ่งหน้าสู่สิงคโปร์ และออกจากสิงคโปร์ แวะรับส่งสินค้าที่สงขลาแล้วเข้าสู่กรุงเทพมหานคร สินค้าก็มีมะพร้าว ข้าวสาร ผลิตผลทางการเกษตรตลอดจนเครื่องอุปโภคบริโภคอื่น ๆ
ตระกูลที่สืบเชื้อสายมาจากชาวจีนครอบครัวหนึ่ง “แซ่โหย่ว” หรือ “แซ่หยาง” เดินทางโดยเรือสำเภา แสวงหาทำเลทองเพื่อทำการค้าขายมาแวะพักที่เกาะสมุย เหมือนพ่อค้าสำเภาทั่วไป ได้เห็นเกาะสมุยมีภูมิประเทศดี น้ำท่าพืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์จึงได้ตกลงใจลงหลักปักฐานตั้งบ้านขึ้นที่ริมชายหาดเฉวง ตำบลเฉวง โดยยึดอาชีพชาวประมง ทำสวนมะพร้าว และทำการค้าขายสืบเชื้อสายมาบนเกาะแห่งนี้ และกลายเป็นตระกูล “โชคชัย” ในเวลาต่อมา
ผู้นำครอบครัวตระกูลโชคชัยได้ตั้งร้านค้าขายเครื่องอุปโภคบริโภคต่างๆ ตลอดจนรับซื้อสินค้าจากชาวเกาะเพื่อขายต่อให้กับพ่อค้าเรือส่งเข้ากรุงเทพฯ บ้าง สงขลาบ้าง นครศรีธรรมราชบ้าง ส่งออกสิงคโปร์บ้าง ตามแต่พ่อค้าเรือคนไหนต้องการอะไร บางทีเดินทางไกลเอง จากกรุงเทพฯ ไปสิงคโปร์ จากสิงคโปร์ไปกรุงเทพฯ ต้องทำหมูเค็มใส่ไหลงเรือสำเภา เพื่อเป็นเสบียงเดินทางให้กินได้นานแรมเดือน จนครอบครัวกลายเป็นตระกูลคหบดีมีที่ดินครอบครองจำนวนมาก และมีความมั่นคงทางการเงินตระกูลหนึ่งของเกาะสมุย
๓.
ความฝันของโยมแม่
ณ หมู่บ้านชายหาดเฉวง ตำบลเฉวง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ ถือกำเนิดในตระกูลโชคชัยเมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๑ ตรงกับวันศุกร์ ปีมะโรง เป็นบุตรคนที่ ๕ ในจำนวนบุตรธิดา ๗ คนของตระกูล โยมบิดา ชื่อ นายเลี่ยน โชคชัย โยมมารดา ชื่อ นางยี โชคชัย
*ตามหนังสือสุทธิ เกิดวันศุกร์ ที่ ๑๑ มกราคม ๒๔๗๑
*ตามบันทึกด้วยลายมือ เกิดวันศุกร์ ที่ ๘ มีนาคม ๒๔๗๑ เวลาทุ่มเศษ
ค่ำคืนที่เด็กชายเกี่ยวลืมตาดูโลกนั้น มารดาฝันเห็นปลาใหญ่รูปร่างแปลกพิกล ดำมุดผุดว่ายเล่นน้ำทะเลลึกมาแต่ไกล ครั้นขึ้นฝั่งกลับกลายเป็นช้างเผือกงางอนงามหมอบอยู่หาดทรายหน้าบ้าน ฝูงสัตว์นานาชนิด ทั้งสัตว์บกสัตว์น้ำต่างมาชุมนุมกัน ส่งเสียงระงมเต็มหาดเป็นที่อัศจรรย์
ญาติพี่น้องต่างมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้บุตรชาย ซึ่งจะเป็นผู้สืบต่อธุรกิจค้าขายของตระกูลต่อไป นายเลี่ยน โชคชัย (อุ่ยเหลี่ยน แซ่เอี้ยว หรือ หยาง) ผู้เป็นบิดา และนางยี โชคชัย (แซ่ภู่) ผู้เป็นมารดาได้ให้ชื่อบุตรชายว่า “เกี่ยว” เพื่อเป็นมงคลนามว่าบุตรชายได้ถือกำเนิดในช่วงที่ครอบครัวมีฐานะทางเศรษฐกิจเป็นหลักฐานมั่นคงพรั่งพร้อมทุกอย่างตามฐานะที่คนในสมัยนั้นจะพึงมีพึงได้ เป็นบุพนิมิตว่า บุตรชายถือกำเนิดมาเพื่อเกี่ยวเอาโชคลาภมาสู่วงศ์ตระกูล
เด็กชายเกี่ยว
ได้รับการเลี้ยงดูทะนุถนอมกล่อมเกลา
ในอ้อมกอดของบุพการีผู้ก่อกำเนิด
ได้รับความผาสุกตามสภาพที่จะพึงมีพึงเป็น
เฉกเช่นบิดามารดามีให้แก่บุตร
ด้วยความอบอุ่นรวมกับพี่ๆ น้องๆ
บนเกาะสมุยถิ่นกำเนิด
๔.
มุ่งมั่นแต่เยาว์วัย
กาลเวลาต่อมา เด็กชายเกี่ยวเจริญวัยตามลำดับ จึงได้รับการสนับสนุนให้ศึกษาหาความรู้ในโรงเรียนประชาบาลประจำหมู่บ้าน เข้ารับการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ เมื่ออายุ ๙ ปี ซึ่งมากกว่าเกณฑ์บังคับเรียนในสมัยปัจจุบันถึง ๒ ปี
เจ้าประคุณสมเด็จฯ เล่าว่า เนื่องด้วยผู้ปกครองในสมัยเมื่อ ๖๐ – ๗๐ ปีก่อน บ้านเมืองเรายังไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการศึกษาเท่าที่ควร เพราะว่ามีความสนใจมุ่งเน้นให้มีอาชีพในการทำมาหากินมากกว่าเรื่องการศึกษา
“ผู้ใหญ่สมัยนั้นจะมองว่า
การฝึกทำอาชีพของครอบครัวตนเองที่ประกอบอยู่
จะมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตในภายภาคหน้าจึงอบรมสั่งสอนให้บุตรธิดาฝึกการทำมาค้าขาย
หรืออาชีพอื่นใด
ตามความถนัดแห่งบรรพบุรุษที่ทำสืบต่อกันมา”
แต่เมื่อเด็กชายเกี่ยวได้เรียนหนังสือแล้ว ด้วยความเป็นคนสนใจในการศึกษา ชอบแสวงหาความรู้ และมีนิสัยช่างจดช่างจำ ทำให้ผลการศึกษาออกมาดีเป็นที่น่าพอใจ ต่อมา เมื่อเรียนจบขั้นสูงสุดของโรงเรียน คือ สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ในปี พ.ศ.๒๔๘๓ อันเป็นการศึกษาชั้นสูงสุดของโรงเรียนประชาบาลที่มีอยู่ในเกาะสมุย เวลานั้น เด็กชายเกี่ยวแสดงเจตนารมณ์จะศึกษาชั้นที่สูงขึ้นต่อไป บิดามารดาจึงสนับสนุนตามต้องการ
- เกิดปี พ.ศ. ๒๔๗๑ อายุ ๙ ขวบเข้าเรียน ใช้เวลา ๔ ปี จบชั้น ป.๔ = พ.ศ.๒๔๘๓ โยมบิดาได้ไปติดต่อโรงเรียนมัธยมศึกษาในตัวเมืองสุราษฎร์ธานี เพื่อให้เด็กชายเกี่ยวได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียนในระดับที่สูงขึ้น
เจ้าประคุณสมเด็จฯ เล่าว่า ตอนนั้นจะสมัครเรียนต่อ โยมพ่อต้องพาข้ามไปถ่ายรูปที่เมืองสุราษฎร์ เพื่อนำไปสมัครเรียน โดยไปกับเด็กชายชีวิน (ต่อมา คือผู้ว่าชีวิน)
“ตอนนั้นโยมพ่อถือโอกาสเอาเงินไปแลกเป็นเงินปัจจุบันด้วย เพราะตอนนั้นรัฐบาลประกาศเลิกใช้เงินเหรียญสตางค์แบบเก่า ให้นำเงินไปแลกได้ โยมพ่อเก็บสะสมเงินสตางค์ไว้มาก เพราะเป็นพ่อค้า จึงต้องเอาเงินสตางค์ข้ามไปแลกด้วย จำได้ว่า โยมพ่อพาไปตัดผม ไปถ่ายรูป และพาไปกินก๋วยเตี๋ยว นึกถึงความกรุณาของโยมทั้งสอง มีมากมายเหลือเกิน”
แต่ทว่า แม้มีเหตุปัจจัยครบถ้วน และมีความพร้อมในการเดินทางเข้าไปศึกษาต่อยังตัวจังหวัดสุราษฎร์ธานี ท่านกลับไม่ได้ใช้โอกาสนั้นให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ที่ตั้งเอาไว้ ทั้งนี้ คงเป็นด้วยบุญวาสนาบารมีแต่ชาติปางก่อน ที่จะเจริญในพระศาสนา
๕.
จุดเริ่มต้นแห่งก้าวย่างบนเส้นทางธรรม
ก่อนวันเดินทางไปศึกษาต่อตามที่กำหนดไว้จะมาถึง เด็กชายเกี่ยวเกิดล้มป่วยอย่างกะทันหัน แม้จะได้รับการเยียวยารักษาทั้งยาต้ม ยาหม้อ ยาฝรั่ง ตามกำลังความสามารถที่หมอในสมัยนั้นจะทำได้ แต่อาการป่วยของเด็กชายเกี่ยวก็ไม่ได้ทุเลาเบาบางลงแต่อย่างใด หากแต่นานวันอาการก็ยิ่งทรุดหนักลงทุกขณะ จนบ่นเพ้อเพราะพิษไข้ ก่อให้เกิดความกังวลใจแก่บิดามารดาเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม อาการป่วยของเด็กชายเกี่ยวที่นับวันมีแต่จะทรุดหนักลง ก็หาได้รอดพ้นไปจากการสังเกตของตาผ้าขาว ซึ่งเป็นหมอชาวบ้านท่านหนึ่งไม่ ตาผ้าขาวได้แนะนำบิดามารดาของเด็กชายเกี่ยวว่า
“ถ้าต้องการให้เด็กชายเกี่ยวหายจากโรคภัยไข้เจ็บ กลับเป็นปกติ ก็ต้องให้บรรพชาเป็นสามเณรเพื่ออุทิศบุญกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวร วิธีนี้เป็นทางเดียวเท่านั้นที่จะช่วยให้พ้นจากวิบากกรรมได้”
สิ่งอัศจรรย์ทั้งหลายในโลกเกินหยั่งรู้ ไม่น่าเชื่อว่า เพียงการบนบานศาลกล่าวก็จะทำให้คนหายจากอาการเจ็บป่วยได้ แต่อาการเจ็บไข้ของเด็กชายเกี่ยวก็ได้ทุเลาลงอย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้บิดามารดาเชื่อว่า หนทางนี้จะทำให้เด็กชายเกี่ยวหายขาดได้ จึงตกลงใจให้เด็กชายเกี่ยวบรรพชาเป็นสามเณรอุทิศกุศลแก่เจ้ากรรมนายเวรเป็นระยะเวลา ๗ วัน ตามคำแนะนำของตาผ้าขาวโดยไม่ลังเล
วิถีแห่งผู้นำ “เมตตา” คำเดียว : สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถร) บทที่ ๑ ปฐมบทแห่งชีวิต บทที่ ๒ ต้นกำเนิดของครอบครัว บทที่ ๓ ความฝันของโยมแม่ บทที่ ๔ มุ่งมั่นแต่เยาว์วัย และบทที่ ๕ จุดเริ่มต้นแห่งก้าวย่างบนเส้นทางธรรม เรียบเรียงโดย พระครูอมรโฆสิต (ปรีชา สาเส็ง)
(โปรดติดตามปฏิปทาและอัตชีวประวัติสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถร) พระเถระผู้เสียสละ กอบกู้ และสืบต่อลมหายใจพระพุทธศาสนา ให้ขจรขจายในโลกกว้าง ในยุคหลังกึ่งพุทธกาล เพื่อยังพระสัจธรรมให้มั่นคงตลอดไป สร้างสันติในเรือนใจให้ผู้คนได้เกิดความร่มเย็นและมีหัวใจที่เป็นธรรม) เรียบเรียงโดย พระครูอมรโฆสิต (ปรีชา สาเส็ง)