วันนี้วันพระ

วันอัฏฐมีบูชา คือ วันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระพุทธเจ้า หลังเสด็จดับขันธปรินิพพานได้ ๘ วัน ถือเป็นวันสำคัญวันหนึ่งของพระพุทธศาสนา ซึ่งตรงกับ วันแรม ๘ ค่ำ เดือนวิสาขะ ( ตรงกับเดือน ๖ ของไทย )เดือนวิสาขะ

และวันนี้ยังเป็นวันคล้ายวันที่พระนางสิริมหามายา องค์พระพุทธมารดาสิ้นพระชนม์ (หลังประสูติ) และเป็นวันคล้ายวันที่พระพุทธองค์เสวยวิมุตติสุขตลอด ๗ วัน (หลังตรัสรู้) อีกด้วย

วันจันทร์ที่ ๒๓ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ แรม ๘ ค่ำ เดือน ๖

เรียนรู้ปฏิปทาพระเถระแห่งยุคกึ่งพุทธกาล

ผู้เกิดมาเพื่อต่อลมหายใจให้กับพระพุทธศาสนา

สำหรับสองบทนี้ เล่าย้อนวันวานเกี่ยวกันสหธรรมมิกระหว่างวัดสระเกศฯ และวัดสุทัศน์ ความเคารพในบูรพาจารย์ ของสำนักทั้ง ๒ นั้น เป็นที่เลื่องลือกันไปทั่ว โดยตระหนัก ซาบซึ้ง รู้ถึงคุณความดีของท่านที่มีอยู่จริง ยอมรับนับถือความดีของท่านด้วยใจจริง แล้วแสดงความนับถือด้วยการแสดงความอ่อนน้อม อ่อนโยน เหล่านี้ได้ถ่ายทอดสืบเนื่องต่อกันมาให้ศิษยานุศิษย์ได้ปฏิบัติตาม ระลึกถึงจนปัจจุบัน ดังมงคลข้อที่ว่า

: คารโว จ (คาระโว จะ) :

ให้ความเคารพในบุคคลที่ควรแก่การเคารพ

ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ผู้คนจะสรรเสริญ

วิถีแห่งผู้นำ

: สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ)

๒๔.วัดสระเกศฯ วัดสุทัศน์ มีบูรพาจารย์ร่วมกัน

๒๕. พระโอวาทวันปีใหม่และปีสุดท้าย

เรียบเรียงโดย พระครูอมรโฆสิต (ปรีชา สาเส็ง)

๒๔.

วัดสระเกศฯ วัดสุทัศน์ มีบูรพาจารย์ร่วมกัน

              เจ้าประคุณสมเด็จฯ  เล่าว่า  สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อยู่ ญาโณทโย) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายกนั้น พระองค์ท่านสมถะ อยู่อย่างเรียบง่าย ไม่ถือยศถือศักดิ์ ตามแบบอย่างสมเด็จพระวันรัต (แดง สีลวฑฺฒโน ) พระอุปัชฌาย์ของพระองค์  แต่ก็ทรงมีระเบียบมาก  จนมองไม่เห็นว่า  จุดไหนที่เราจะยกขึ้นมาตำหนิพระองค์ท่านได้  

พระองค์ท่านเป็นพระมหาเถระที่พูดน้อย  มีลักษณะยิ้มแย้มแจ่มใส  และถือว่า พระที่อยู่กับพระองค์ท่านเหมือนกับลูกหลาน  จึงทำให้มีความรู้สึกว่า  ไม่มีอะไรที่พอจะยกขึ้นมาว่า  อันนี้ไม่ดี  อันนั้นไม่ดี  เพราะสิ่งที่ท่านทำสะอาดทั้งหมด  เมตตา  กรุณา  ที่พระองค์ท่านแสดงออกมาจากการกระทำ  จากการพูด  ทำให้ไม่สามารถเห็นจุดบกพร่องแม้แต่นิดเดียว

เมื่ออุปสมบทเป็นพระภิกษุนั้น พระองค์มีสมเด็จพระวันรัต (แดง) วัดสุทัศน์ เป็นพระอุปัชฌาย์  พระธรรมทานาจารย์ (จุ่น) วัดสระเกศฯ  เป็นพระกรรมวาจาจารย์  และพระธรรมกิตติ (เม่น) วัดสระเกศฯ  เป็นพระอนุสาวนาจารย์ 

ด้วยเหตุนี้ บูรพาจารย์วัดสระเกศ กับวัดสุทัศน์จึงมีความเกี่ยวเนื่องกันมาตามลำดับ ด้วยสมเด็จพระวันรัต (แดง)  วัดสุทัศน์ มีสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สน) วัดสระเกศฯ   เป็นอาจารย์ และพระอุปัชฌาย์  และสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (อยู่) ก็ทรงมีสมเด็จพระวันรัต (แดง) วัดสุทัศน์ เป็นพระอาจารย์ และพระอุปัชฌาย์  เช่นกัน

เจ้าประคุณสมเด็จฯ เล่าถึง พระอุปัชฌาย์ของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราชว่า  เมื่อครั้งเป็นสามเณร สมเด็จพระวันรัต (แดง) เคยอยู่วัดระเกศ มีพระธรรมุเทศาจารย์(ฉิม)  เป็นพระอาจารย์  ต่อมา พระธรรมุเทศาจารย์ย้ายไปอยู่วัดสุทัศน์  สมเด็จพระวันรัต (แดง) จึงย้ายตามอาจารย์ของท่านไปอยู่วัดสุทัศน์ด้วย แม้ท่านจะย้ายไปอยู่วัดสุทัศน์ แต่เมื่ออายุครบอุปสมบท ก็ได้มีสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สน) วัดสระเกศ  เป็นพระอุปัชฌาย์

การห่มดอง คลองผ้ารัดอก

ด้วยจีวรสีเหลืองทอง

ตลอดจนวัตรปฏิบัติของทั้งสองสำนัก

จึงมีความสืบเนื่องกันมา

ตั้งแต่ชั้นบูรพาจารย์

๒๕.

พระโอวาทวันปีใหม่และปีสุดท้าย

ในฐานะพระมหาเถระ  พระโอวาทของพระองค์เป็นแนวปฏิบัติ  และยังใช้ได้ทุกวันนี้  ดังเช่นพระโอวาทวันขึ้นปีใหม่  และเป็นปีสุดท้าย ในการดำรงตำแหน่งประมุขสงฆ์  ทรงให้สติว่า

“ต้องคำนึงถึงความเจริญแห่งตน  ด้วยการคำนึงถึงหน้าที่  การงาน  สิ่งที่จะต้องทำตามหน้าที่และสิ่งที่ตนควรทำตามความเหมาะสม  ไม่ปล่อยให้กาลเวลาล่วงไปโดยปราศจากประโยชน์  ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง ย่อมนึกว่าควรสร้างความพากเพียรพยายามเสียในวันนี้  มิใช่รอว่าพรุ่งนี้จึงทำ  การงานทั้งคติโลก  คติธรรม ปล่อยให้ค้างไว้มิใช่ความเจริญ  แต่รีบทำเสียให้เสร็จเป็นทางแห่งความเจริญโดยแท้ 

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า  “การงานที่ไม่อากูลคั่งค้างเป็นอุดมมงคล”  วันคืนหมดไปล่วงไป  การงานเราควรรีบเร่งขวนขวายทำให้หมดไปด้วย  นอกจากทำการงานที่เป็นหน้าที่แล้ว  ยังจะต้องทำสิ่งที่ควรทำนอกเหนือไปจากหน้าที่ด้วย  เช่น  ความอ่อนน้อมถ่อมตน  ความเคารพพระอรหันต์

 พระมหานาคเถระได้กล่าวเตือนฝ่ายบรรพชิตไว้ว่า

ผู้ใดไม่มีความเคารพในเพื่อนสหพรหมจารี

  ผู้นั้นย่อมไม่งอกงามในพระสัทธรรม 

เหมือนพืชเน่าในไร่นา

              ส่วนคุณธรรมเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป  นอกจากความเมตตาและเก่งภาษาอังกฤษแล้ว  คือ ทรงความเป็นโหรหลวงแห่งกรุงรัตนโกสินทร์

              สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (อยู่ ญาโณทยมหาเถร)  สิ้นพระชนม์เมื่อวันเสาร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ตรงกับวันวิสาขบูชา วันที่ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๘ เวลา ๐๒.๒๐ น. สิริพระชันษาได้ ๙๐ ปี ๕ เดือน ๑๔ วัน ทรงดำรงตำแหน่งเป็นเวลา ๒ ปี ๑๑ วัน

วิถีแห่งผู้นำ : สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) ๒๔.วัดสระเกศ วัดสุทัศน์มีบูรพาจารย์ร่วมกัน ๒๕. พระโอวาทวันปีใหม่และปีสุดท้าย เรียบเรียงโดย พระครูอมรโฆสิต (ปรีชา สาเส็ง)

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here