ถ้าเราคิดว่าโรงเรียนนี้เป็นสมบัติของทุกคน ถ้าเรารักสมบัติของเราก็ต้องสนใจดูแล เช่นเดียวกับพระพุทธศาสนาเป็นสมบัติของเราทุกคนชาวไทย ถ้าเรารักก็ต้องร่วมกันปกป้องรักษา เพราะทุกอย่างล้วนเป็นสมบัติของเราชาวไทยที่จะต้องรักษาและปกป้องในฐานะผู้สืบทอดต่อไป”
เว้นวรรค ท่องเที่ยวระหว่างทางไป “เล ดาลัก” ตัดสลับกลับมาที่การถอดบทเรียนโครงการ “เยี่ยมพระพบปะโยม” ณ โรงเรียนชุมชนวัดป่าศรี อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ ๑๕-๒๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อลงพื้นที่ให้กำลังใจกับพระสงฆ์และให้ธรรมะกับอุบาสกอุบาสิกาชาวพุทธในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้กันต่อ
ในระหว่างการเดินทางครั้งนั้น ทำให้ระลึกถึงคำกล่าวของพระเดชพระคุณพระพิศาลสิกขกิจ เจ้าอาวาสวัดแจ้ง ผู้รับใบอนุญาต โรงเรียนการกุศลแจ้งวิทยา จังหวัดสงขลา ข้างต้นจึงนำมาเล่าสู่กันฟังว่า การที่เราช่วยกันดูแลปกป้องสมบัติสาธารณะของแผ่นดินก็เท่ากับเราได้ดูแลรักษาตัวเรา และปกป้องครอบครัว สังคมและลูกหลานของเราต่อไปในอนาคต …

พลิกฟื้น “บวร” ในสังคมพหุวัฒนธรรม ก้าวไปด้วยกัน สันติสุข
โดย พระมหาขวัญชัย กิตฺติเมธี ป.ธ.๙, ดร.
“วัดป่าศรี” ตั้งอยู่กลางชุมชนแวดล้อมด้วยหมู่บ้านชาวพุทธ มี “โรงเรียนชุมนุมวัดป่าศรี” ระดับประถมศึกษา ป.๑ – ป.๖ ตั้งอยู่ข้างๆ มีเพียงกำแพงตั้งอยู่
“แต่เดิมมีนักเรียน ๒๒๐ แต่ปีนี้เหลือเพียง ๑๔๐ คน เป็นเด็กมุสลิม ๑๑๗ คน เด็กพุทธ ๒๓ คน” รักษาการผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นคนเล่าให้ฟัง ไม่ใช่จำนวนเด็กที่ลดลง เพียงแต่มีโรงเรียนเอกชนเพิ่มมากขึ้น “เด็กพุทธเหลือน้อยลงตามลำดับ ไม่นานคงหมด” ครูพูดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ
ครูพุทธส่วนใหญ่มาจากนอกพื้นที่ มีเพียง ๑ ท่านเท่านั้นที่เกิดที่หมู่บ้านป่าศรี บางคนอยู่มาเกือบ ๒๐ ปี เหตุผลที่ยังอยู่คือ “ความคุ้นเคย มีอะไรก็พร้อมช่วยเหลือกันตลอด และที่สำคัญเด็กๆ ที่ต้องการครู” ครูเล่าอีกว่า “ทุกครั้งพอมีเหตุการณ์รุนแรง ทางครอบครัวของครูจะโทรศัพท์มารบเร้าให้เดินทางกลับบ้าน ไม่ว่าจะให้เหตุผลอะไร ก็จะถูกถามกลับว่า แล้วมีอะไรสำคัญเท่า…ขีวิต! กลับมาบ้านเราเถอะ”
ทั้งที่รู้ว่าคนทางบ้านเป็นห่วง แต่ที่นี่ก็ไม่ต่างจากครอบครัวที่ผูกพันกันจนเรียกพี่ เรียกน้องกันได้แบบไม่เคอะเขิน ตอนนี้กำลังใจของครูยังดีอยู่

วันนั้น ๑๖ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๘ พระธรรมทูตลงพื้นที่เยี่ยมโรงเรียนก่อนเป็นที่แรก พอผ่านประตูรั้วโรงเรียนเข้าไป ก็เห็นครูและเด็กๆ ที่ใส่ชุดขาวบริสุทธิ์ก็ไหว้และพากันเดินเข้าไปนั่งในห้อง ทุกคนดูตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่มีพระจากต่างพื้นที่มาเยี่ยม รอฟังพระ “ทักทายพระกันก่อนนะ” พระธรรมทูตแนะนำ เด็กยังคงมองหน้าพระก่อนหันไปมองหน้ากันไปกันมา เหมือนจะหาคนนำ ก่อนจะมีเด็กนำกล่าว “กราบนมัสการเจ้าค่ะ/ครับ” เสียงดังขึ้นทันที
ครูเล่าว่าเด็กๆ ส่วนใหญ่จะอยู่กับปู่ย่าหรือตายาย เพราะพ่อแม่ไปทำงานต่างอำเภอ หรือต่างจังหวัด ถ้าเป็นชั่วโมงพระพุทธศาสนาจะพานักเรียนเข้าวัด เพื่อให้เขารักวัด และจะใส่ชุดขาวทุก ๆ วันพระ เป็นสัญลักษณ์แห่งความดี ความสงบที่เราพยายามจะรักษาไว้

เด็กๆ ชาวพุทธพากันเล่าให้พระธรรมทูตอาสาฟังถึงวิถีชีวิตการพึ่งพากันด้วยการแบ่งปันกัน บ้างก็เอามาแลกกัน หรือทำขนมขายกันเอง นี่คงเป็นเหตุผลว่า ทำไมคนที่นี่ถึงอยู่ได้ เพราะเรียนรู้การพึ่งพากันเองตั้งแต่เด็ก
“หนูรู้ไหมเรื่องความรุนแรง แล้วกลัวไหม“ พระธรรมทูตอาสาถามเด็ก
“หนูรู้ แต่ไม่กลัว ถ้ามีพระมาบ่อยๆ” น้องเชียร์ ป.๖ ตอบก่อน
“ครั้งหน้าถ้าพระมาอีกอยากให้ทำอะไรให้”
“หนูเคยเห็นพี่ๆ เข้าค่ายพุทธบุตรอยู่กัน สองสามคืน หนูอยากเข้าค่าย ถ้าพระมาเยี่ยมอีก” เสียงน้องฟาง ป.๔ เพื่อนตอบแบบไม่ต้องคิดมาก
วันนี้พระธรรมทูตอาสาได้รับงานจากเด็ก ป.๔ ที่อาจล่วงรู้ว่า ความสุข สงบในชีวิตนั้นควรมาจากการบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ความดีลงในชีวิตให้มาก …ตอนนี้เด็กๆ เหล่านี้อยากได้ เพียงแต่จะมีใครรับฟัง และร่วมสานฝันนั้นให้เป็นจริง…

สาธุกับครูที่เป็นความหวังของเด็ก และเด็กๆ ที่จะเป็นกำลังของความสุข สงบต่อไปในสังคมพหุวัฒนธรรมที่เราต่างช่วยกันดูแลความสัมพันธ์กันประดุจญาติพี่น้อง สงเคราะห์กันและกันตามเหตุปัจจัย เกื้อกูลกันให้อบอุ่น ปลอดภัย ดังในมงคลสูตร ข้อที่ ๑๗ สงเคราะห์ญาติ พระพุทธองค์ตรัสว่า “วิสา สา ปรมา ญาติ” ความคุ้นเคยเป็นญาติอย่างยิ่ง
เพราะเมื่อเราดูแลกันและกันประดุจญาติสนิทมิตรสหาย ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันก็เกิดขึ้น ไปไหนก็ปลอดภัย เพราะต่างช่วยกันดูแลกันและกัน เป็นห่วงกัน ไม่หวาดระแวงกัน ตื่นก็เป็นสุข หลับก็เป็นสุข ชีวิตจะมีอะไรดีกว่านี้เล่า…

และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ ฯ
ท่องเที่ยวโลกกะธรรม
เรื่อง พลิกฟื้นบวร ในสังคมพหุวัฒนธรรมก้าวไปด้วยกัน สันติสุข
หน้าพระไตรสรณคมน์ นสพ.คมชัดลึก วันพฤหัสบดีที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๒
โดย พระมหาขวัญชัย กิตฺติเมธี ป.ธ.๙, ดร.

ผู้อำนวสยการสถาวันพัฒนาพระวิทยากร
สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคง
แห่งสถาบันขาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศฯ

