บันทึกธรรม สัมมาสมาธิ (บทที่ ๙) แม้จิตสงบก็สงบอยู่ในความตื่นรู้ เขียนโดย ญาณวชิระ : พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร)
แม้จิตสงบก็สงบอยู่ในความตื่นรู้
จิตที่นิ่งราบเรียบในสมาธิ มีความสมดุลเป็นเอกภาพ ดำรงสภาวะความเป็นกลาง นิ่งอยู่ในความตื่นรู้ จะรับรู้ทุกความคิดที่เกิดขึ้นแล้วดับไป แม้จิตจะคิดหรือปรุงแต่งเรื่องใดก็จะอยู่ในการรับรู้ของสติมีสัมปชัญญะรู้ตัวทั่วพร้อม แม้ความคิดแล้วความคิดเล่าจะเกิดขึ้น แต่ความคิดนั้นก็จะไม่รบกวนความสงบให้กระเพื่อม หลุดลอยออกไปจากความเป็นกลาง จะมีอุเบกขารักษาความสมดุลเป็นเอกภาพในความเป็นกลางไว้เช่นนั้น คือ แม้จะเกิดความคิดด้านสุข (สุขเวทนา) ก็ไม่รบกวนให้ความสงบกระเพื่อมหลุดออกจากความเป็นกลาง แม้จะเกิดความคิดด้านทุกข์ (ทุกขเวทนา) ก็ไม่รบกวนให้ใจกระเพื่อมไหวออกจากความสงบหลุดออกจากความเป็นกลาง หรือแม้จะไม่มีความคิดไปทางสุขหรือทุกข์ชอบหรือชัง ก็เฝ้ากำหนดดูรู้อยู่เฉยๆ ว่า ขณะนี้ใจไม่สุขไม่ทุกข์ แต่เป็นใจเฉยๆ (อทุกขมสุขเวทนา)
ความคิดที่เกิดขึ้น ไม่ว่าสุขหรือทุกข์ ชอบหรือชัง ก็จะเป็นแต่เพียงสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไปในจิต ตามธรรมชาติของความคิดเท่านั้น ผู้รู้ก็เป็นแต่เพียงผู้รู้ จะคิดดีหรือคิดไม่ดี ชอบหรือชังก็จะอยู่ในการรับรู้ของสติสัมปชัญญะ เหมือนแม่แม้จะปล่อยให้ลูกออกไปวิ่งเล่น แต่ก็จะให้อยู่ในสายตา คอยระแวดระวังเกรงจะเกิดอันตราย
จิตที่รักษาความสมดุลเป็นกลางไว้ได้
จะรับรู้เพียงความคิดที่เกิดขึ้นและดับไปเท่านั้น
โดยความคิดที่เกิดขึ้น (สังขาร–การปรุงแต่ง)
ไม่สามารถดึงจิตให้หลุดออกไป
จากความเป็นกลางได้
ญาณวชิระ : พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร)
เช่นเดียวกับขณะที่อยู่กับความสงบ มีความสมดุลเป็นกลาง เสียงจากภายนอกที่เรียกกันว่าอารมณ์ภายนอก ที่เกิดขึ้นรอบตัวก็ไม่สามารถดึงจิตให้ออกไปจากความสงบได้ ไม่ว่าจะเป็นเสียงอะไรต่อเสียงอะไรที่เกิดขึ้นรอบตัว ก็จะเป็นเพียงรับรู้ว่าเป็นเสียง แล้วเสียงนั้นก็จะเลือนหายไป ไม่มีอิทธิพลพอที่จะกระทบจิตให้กระเพื่อมไหวหลุดออกไปจากความสงบได้ และแม้กายจะรับรู้สัมผัสทางกายที่เกิดขึ้นจากลมที่โชยพัดกระทบกาย จะเย็น จะหนาว จะร้อน ก็รับรู้ เพียงว่าเป็นความเย็น ความหนาว ความร้อนที่เกิดจากดิน ฟ้า อากาศ แต่ก็ไม่มีอิทธิพลพอที่จะดึงจิตที่อยู่ในความสงบให้ออกจากความสมดุลเป็นกลางได้ ก็เป็นแต่เพียงสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ดำรงอยู่ตามธรรมชาติ แล้วก็หายไปตามธรรมชาติ ไม่มาหายไปที่จิต
เมื่อจิตอยู่ในความสงบ มีความสมดุล
ดำรงความเป็นเอกภาพในอุเบกขา
รักษาความเป็นกลางในความชอบใจ
ไม่ชอบใจอยู่อย่างนั้น
จิตจะไม่วิ่งออกไปรับอารมณ์ภายนอก
ญาณวชิระ : พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร)
หรืออารมณ์จากภายนอกจะไม่สามารถชักจูงให้จิตออกไปจากความเป็นเอกภาพภายใน ก็คือไม่มีการเติมเชื้อกระแสชีวิตจากภายนอก กระแสวิญญาณที่ทำให้ชีวิตดำเนินไปเพราะอาศัยเชื้อ พลังงานจากภายนอกก็เป็นอันไม่มี สิ่งภายนอกที่เกิดขึ้นก็เป็นเพียงสิ่งที่เกิดขึ้น และดับไปตามธรรมชาติของสิ่งนั้น
เสียงใครพูด
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ชอบใจหรือไม่ชอบใจ
เสียงพูดนั้นก็จะดับไปที่คนนั้น
ไม่ว่าจะเป็นเสียงอะไรดังก็จะดับไปที่สิ่งนั้น
เมื่อไม่หน่วงเข้ามาปรุงแต่งต่อไป
ก็จะเป็นเพียงเสียงที่เกิดขึ้นและดับไป
ตามเหตุและปัจจัยของสิ่งนั้น
ญาณวชิระ : พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร)
เช่น เสียงระฆังดังก็เพราะว่ามีระฆังและมีคนตี เสียงระฆังจึงเกิดขึ้นจากการตี เมื่อหยุดตีเสียงก็ดับลง เสียงที่ดังจากวิทยุก็ดับไปที่วิทยุ เสียงที่ดังจากโทรทัศน์ก็ดับไปที่โทรทัศน์ เสียงที่เกิดจากคนคุยกันก็ดับไปที่คนคุยกัน เสียงที่เกิดจากนกร้องก็ดับไปที่นกร้อง เสียงที่เกิดจากลมพัด หรือสิ่งอื่นใดก็ดับไปที่สิ่งนั้น เมื่อจิตไม่หน่วงอารมณ์จากภายนอกเข้ามาปรุงแต่ง (สังขาร) ก็ไม่มีการเติมเชื้อจากภายนอก
ถ้าให้ตรงกับความเข้าใจตามภาษาก็คือ
ไม่รับอารมณ์ภายนอก
เอามาสังขารคิดปรุงแต่งจินตนาการ
ญาณวชิระ : พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร)
เมื่อไม่มีการเติมเชื้อจากข้างนอก จิตก็จะดำเนินไปโดยการดึงเชื้อจากภายในจิตเองขึ้นมาใช้ ให้วิญญาณยึดเป็นอารมณ์สืบเนื่องไปเป็นกระแสชีวิต
ดังนั้น เราจึงเห็นสภาวะอย่างหนึ่งเกิดขึ้นและดับไปติดต่อสืบเนื่อง คือ เราจะเฝ้าสังเกตเห็นความคิดทยอยกันเกิดขึ้นและดับไปไม่ขาดสาย เมื่อความคิดหนึ่งเกิดขึ้นและดับไป อีกความคิดหนึ่งก็จะเกิดขึ้นตามมาเหมือนระลอกคลื่น เพราะจิตได้ดึงเอาเชื้อเก่าที่สะสมเป็นอนุสัยนอนเนื่องอยู่ในจิตขึ้นมาใช้ คือ จิตไม่กินเชื้อใหม่จากทางตา หู จมูก ลิ้น และการสัมผัสทางกาย แต่ใช้เชื้อเก่าทางใจ คือ อารมณ์ทางใจ มาหล่อเลี้ยงวิญญาณให้เกิดกระแสชีวิตดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
สรุปแล้วก็คือ แม้จิตสงัดจากกามคุณทั้ง ๕ ที่ผ่านเข้ามาทางตา หู จมูก ลิ้น และกาย ก็ตาม แต่ก็ยังมีอารมณ์ทางใจให้เสพเสวย จึงต้องพัฒนาจิตให้สูงขึ้นไปจนสงัดจากอารมณ์ทางใจเป็นใจว่างๆ เปล่าๆ แต่ก็เป็นไปในลักษณะธรรมชาติของจิต มีการเกิดขึ้นและดับไป