
ชรัง อนตีโต
เมื่อความชรามาเยือน
๕๕ ความเรียง
ว่าด้วยบทสนทนาของพระลูกชายกับโยมพ่อผู้ชรา

ผู้เขียน
ญาณวชิระ
(พระมหาเทอด ญาณวชิโร,วงศ์ชะอุ่ม)
อดีต พระราชกิจจาภรณ์

ชรัง อนตีโต : เมื่อความชรามาเยือน ๔๔. “มูลมังสังขยาของปู่ย่าตายาย” ผู้เขียน ญาณวชิระ (พระมหาเทอด ญาณวชิโร,วงศ์ชะอุ่ม) อดีต พระราชกิจจาภรณ์

๔๔. มูลมังสังขยาของปู่ย่าตายาย


เมื่อก่อนป้าจันทร์ศรี ลุงแอ่งออกไปปลูกเฮือนอยู่บ้านน้อย บนที่ดินแม่ใหญ่คูณติดกับบ้านลุงจันทร์-ป้าจันทร์ กรองมาลัย แต่พ่อใหญ่แม่ใหญ่ให้ป้าจันทร์ศรีย้ายเข้ามาอยู่บ้านใหญ่ บนที่ดินที่พ่อใหญ่เอาเกวียนแก่ฝุ่น*แลกมาจากแม่ของพ่อใหญ่บุญเตี้ย (*ฝุ่น คือ ปุ๋ยขี้วัวขี้ควาย)

ปัจจุบันที่ดินตรงนั้นตกทอดมาเป็นบ้านของเอื้อยไย


พ่อบอกว่า ค่าจ้างแก่เกวียนสมัยนั้นก็ไม่ได้มากมายอะไร ตก ๔ บาท ๕ บาทต่อเที่ยว แก่เกวียนสะสมจนได้ ๕๐ บาท หรือ ๑๐๐ บาท พ่อเองก็จำไม่ได้ จึงได้ที่ดิน

“ตอนนั้น อีพ่อเอาเกวียนแก่ฝุ่นแลกที่ดินแม่พ่อใหญ่บุญเตี้ย ต่อแดนกันออกไปสวนฮั่น เพิ่นกะเลยให้เอื้อยกับพี่อ้ายแอ่งมาปลุกเฮือนอยู่ฮั่น”

“แม่พ่อใหญ่บุญเตี้ยบอกอีพ่อว่า ดินต่อกันอยู่ฮั่นเจ้าเอาเป็นค่าแก่ฝุ่นสา อีพ่อกะเลยได้ดินแม่พ่อใหญ่บุญเตี้ย”

“แต่กี้ พี่อ้ายแอ่งกับเอื้อยเพิ่นออกไปเฮ็ดเฮือนอยู่บ้านน้อย อยู่ดินแม่ใหญ่คูณ ข้างเฮือนลุงจันทร์ ป้าจันทร์ ได้เข้ามาเฮ็ดเฮือนอยู่บ้านใหญ่กะย้อนอีพ่ออีแม่อยากให้เข้ามาอยู่ในบ้าน พอได้เบิ่งพ่อเบิ่งแม่นำแน่”
พ่อเล่าต่อว่า ที่ดินที่น้าเวินปลูกบ้านอยู่ทุกวันนี้ เป็นมูลมังสังขยาแม่ใหญ่มิ่ง ไม่ใช่มูลแม่ย่าหอม จะว่าไปพ่อใหญ่โทนแม่ใหญ่จูมไม่ได้อยู่มูลย่าหอม แต่อยู่มูลแม่ใหญ่มิ่ง เพียงแต่แม่ใหญ่มิ่งมีที่ดินอยู่ติดกับที่ย่าหอม รั้วติดกัน แล้วยกให้ลูกเขยกับลูกสาวปลูกบ้าน จึงเข้าใจไปว่า เป็นมูลแม่ใหญ่หอม พ่อเองก็ไม่รู้ว่าทำไมแม่ใหญ่มิ่งจึงมีที่อยู่ติดกับย่าหอม เมื่อก่อนคนปลูกสวนหม่อนทำไหม แต่ละคนจะมีสวนในบ้านกันทั้งนั้น แม่ใหญ่มิ่งคงมีสวนหม่อนอยู่ติดกับสวนย่าหอม ต่อมาได้มาเป็นดองกัน แม่ใหญ่มิ่งจึงยกสวนหม่อนให้ลูกสาวกับลูกเขยปลูกบ้าน

อยู่ต่อมาพ่อใหญ่โทนเอาเกวียนแก่ฝุ่นใส่นาแลกเอาสวนจากแม่พ่อใหญ่บุญเตี้ย จึงมีที่ดินต่อกันออกไปด้านหลังแล้วให้ป้าจันทร์กับลุงแอ่งมาปลูกบ้านอยู่ตรงนั้น แม่ใหญ่ยังได้ขอซื้อดินจากแม่พ่อใหญ่ลาประมาณวาหนึ่งหรือสองวาต่อกันออกไปอีก ในราคา ๕๐ สตางค์ เพราะเห็นว่าที่ดินตรงนั้นมีต้นมะขามใหญ่จะได้มีร่มเงาไว้จอดเกวียน

พ่อเล่าว่า ตอนอาวมีปลูกบ้าน ปลายชานบ้านล้ำที่ดินของพ่อใหญ่ตรงดินที่ได้มาจากแม่พ่อใหญ่บุญเตี้ย เพราะสมัยนั้นยังไม่ได้มีรั้วมีเขตชัดเจนอะไร แต่พ่อใหญ่ก็ไม่ได้ว่าอะไร น้องปลูกแล้วก็แล้วกันไป
“อีพ่อเลาปลุกเฮือนอยู่มูลทางเมีย” พ่อเริ่มเล่าถึงที่ดินปลูกบ้านดั้งเดิมของพ่อใหญ่

“อาวมี-ลุงบุญมา-ป้าวรรณได้อยู่มูลมังย่าหอม แต่ดินที่อีพ่อเฮ็ดเฮือนอยู่เป็นมูลแม่ใหญ่มิ่ง ส่วนนาอีพ่อเพิ่นบ่ได้นาบ้านนำเขา ทุกมื้อนี้ นาบ้านท่งข้าวเม่าเป็นของลุงบุญมากับป้าวรรณ ส่วนอีพ่อมาเอานาทามน้อย หัวบุ่ง จักเป็นหยังล่ะ ย่าหอมเลาจังได้มีนาอยู่หัวบุ่ง”

“แต่ก่อนย่าหอมบอกอีพ่อว่า เอานาท่งข้าวเม่า-นาบ้านไว้แน่ น้ำบ่ท่วมคือนาทามน้อย พอได้ข้าวกิน อีพ่อเพิ่นกะบ่เอานำเขา เอานาหัวบุ่งอย่างเดียว เพิ่นว่าหาปูหาปลากินนำบุ่งนำมูลมันจังง่าย”

ย่าหอมบอกให้พ่อใหญ่เอานาบ้านท่งข้าวเม่าไว้ด้วย เพราะน้ำไม่ท่วมเหมือนนาทามน้อย พอได้ข้าวกิน นาใกล้บุ่งน้ำท่วม ทำนาไม่ค่อยได้ข้าว บางปีแล้ง บางปีน้ำท่วม พ่อใหญ่โทนก็ไม่เอา เอานาหัวบุ่งอย่างเดียว จะได้หาปูหาปลากินอยู่กับบุ่งกับมูล

พ่อบอกว่า ที่จริงตัวพ่อเองก็ไม่ได้มูลจากแม่มากเท่าไหร่ ได้แค่ ๖ ไร่ แต่เอาเงินห้าหมื่นไปยุนเอาจากพี่อีก ๖ ไร่ จึงเป็น ๑๒ ไร่ ได้หนองแคนอีก ๒ ไร่ เหล่าน้อยอีก ๓ งาน ยุนเอานาท่งจานอีก ๒ ไร่ จะว่าไปก็เท่ากับซื้อเอาจากพี่จากน้องจึงมีที่ดินเท่าทุกวันนี้

เมื่อถามว่า ที่พ่อใหญ่แม่ใหญ่ไม่ได้ให้มูลพ่อมาก คงจะเป็นเพราะพ่อใหญ่แม่ใหญ่คิดว่าพ่อได้มูลทางเมียมากแล้วหรือเปล่า จึงไม่ได้ให้มูลมาก

พ่อตอบทันควันว่า จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ถูกเพราะที่ดินทางฝั่งแม่ แต่ละแปลง พ่อก็ยุนเอาจากพี่จากน้องเหมือนกัน เอาเงินที่ได้จากการขายดินหนองแคนให้พ่อใหญ่เขี่ยมไปยุนเอาที่ดินจากพี่จากน้อง ไม่ใช่ได้มาเปล่า ๆ ไม่ใช่ว่าได้ที่มูล แต่เป็นที่ดินหาเงินเมื่อยแป๋ตาย*มาซื้อเอาจากพี่จากน้อง (*เมื่อยแป๋ตาย คือ เหนื่อยแทบตาย) อยากได้พันหนึ่งก็หาให้ อยากได้สองพันสามพันก็บืนล้มบืนตายหาให้

ตอนนั้น พ่อเลื่อยไม้กับหมู่กับพวก กว่าจะได้เงิน ๗,๐๐๐ – ๘,๐๐๐ บาทก็ไม่ธรรมดา เหนื่อยแทบตาย วันไหนหาเงินได้ ๑๐๐ บาทก็ดีใจมากแล้ว

“เมื่อยแป๋ตายกว่าสิได้เงินจัก ๑๐๐ บาท มื้อใด๋หาเงินได้ ๑๐๐ บาทกะดีใจแล้ว ชีวิตพ่อมันกะสู้ทุกข์สู้ยากมาพอสมควร”

“เลื่อยไม้ขายได้มื้อละ ๑๐๐ บาท กะพากันดีใจ ฮ้องโฮโทสังกาอยู่นำดงนำป่า แต่ก่อนเรื่องตัดไม้ไง่ขอน ทางการเพิ่นกะบ่ได้เคร่งครัดคือทุกมื้อนี้”

พ่อบอกว่า เมื่อก่อนหาเงินยาก งานการรับจ้างที่พอจะได้เงิน ก็ไม่ได้มีอย่างทุกวันนี้ พ่อเลื่อยไม้ส่งขายตามเมือง ตามบ้านดงเจริญ บ้านปากห้วยวังนอง ได้วันละ ๑๐๐ บาทก็สุดแสนจะดีใจ ทางการเองก็ไม่ได้เคร่งครัดอย่างทุกวันนี้ เลื่อยเสร็จก็เหมารถพ่อใหญ่นวย ฉัตรวิไลแก่ไปส่งตามที่เขาสั่ง ใครจะสร้างบ้านก็มาจ้างให้เลื่อยไม้ให้

บางทีพวกช่างเหมาทำทั้งหลังจะเป็นคนมาสั่งไม้ว่าจะเอาไม้ขนาดไหนบ้าง ก็ไปหาซื้อต้นไม้แล้วมาจ้างให้พวกพ่อเลื่อย พอเลื่อยเสร็จก็เหมารถไปส่ง ได้วันละร้อยบาทก็สบายใจ เพราะอะไรก็ไม่ได้แพงอย่างทุกวันนี้

อยู่ต่อมา พ่อมาเป็นนายหน้าวิ่งขายที่กับพ่อจอม บางทีก็บอกขายต้นไม้ไปด้วย ใครต้องการต้นไม้ก็ไปหาถามให้ ก็มาบอกขาย เขาก็ให้ต้นละ ๓๐๐ – ๔๐๐ บาท ก็พอได้ใช้ เงินไม่ขาดมือ

ตอนพ่อเป็นนายหน้าวิ่งขายที่ขายทางก็พอจะได้เงินอยู่บ้าง ตกหมื่นสองหมื่น แสนสองแสนก็เคยได้ ต่อมาชาวบ้านขัดกันมาก บางทีพรรคพวกเลื่อยไม้ด้วยกันก็จาแตะปากก็มี พอชาวบ้านขัดกัน เขาไม่ไว้เนื้อเชื่อใจพ่อก็เลิก

ตอนที่พ่อเป็นนายหน้าหาที่ดินขาย บางทีพวกเลื่อยไม้เถียงกันเรื่องพ่อเป็นนายหน้าวิ่งหาที่ขายก็จาเตะปากเอา หาว่าพ่อเป็นลูกน้องเสี่ย วิ่งตามเสี่ย พ่อไม่เถียง ก็เฉยอยู่ ขอให้ได้เงินก็เอา คนเราให้นึกถึงคราวทุกข์คราวยาก ไม่มีใครว่าดี จะมีใครเอาเงินใส่มือให้สัก ๕ บาท ๑๐ ก็ไม่มี เงินมันไม่วิ่งมาหาคน มีแต่คนวิ่งไปหาเงิน เมื่อก่อนหาเงินยาก

“อยู่มาพ่อกะมาแล่นเป็นนายหน้าขายดินกับอ้ายจอม พวกหมู่เลื่อยไม้นำกันกะจาเตะปากเอา หาว่าเป็นลูกน้องเสี่ย แล่นนำเสี่ย เตะกะเตะ ขอให้เฮาได้เงินมาซื้อข้าวเลี้ยงลูกเลี้ยงเต้ากะเอา”

“ห่าลางเถื่อเถียงกันหลายเข้า พวกหมู่กะจาเตะปาก พ่อกะบ่เถียงหมู่ กะเฉยอยู่ ขอให้ได้เงินได้คำกะเอา คึดเห็นยามทุกข์ยามยาก บ่มีไผว่าดี มีไผสิเอาเงินใส่มือให้จักห้าบาทสิบบาทกะบ่มีต้องทนสู้ทนเฮ็ดเอา”

“ทุกข์เพิ่นบ่ว่าดี มีเพิ่นจังว่าพี่น้อง อยากได้เงินได้คำกะต้องเฮ็ดต้องทำเอา เหงื่อตกยางออก จังสิได้เงินนำเขาแต่ละบาท สิงอมืองอตีนอยู่บ่ได้ เห็นเขาเล่นหาแต่แล่นนำเล่น เอาแต่ม่วนออกหน้า บ่ฟ้าวฝั่งหากินหายาก มันกะบ่มีนำเขา”

“คึดเห็นคราวลูกป่วย อุ้มลูกแล่นไปหาหมอ เงินบ่พอค่าหว้านค่ายา ขาดเงินซาวบาท (๒๐ บาท) คนจ่ายยาเขากะบ่ให้ยา ทั้งนบทั้งไหว้ อุ้มลูกแล่นไปขอหมอ จบเจือไปทันหมอ กำลังสิขึ้นรถกลับบ้าน จังได้ยา”


“เงินอยู่เทิงยอดเยาพุ้น เฮ็ดแป๋ะตาย กว่าสิได้เงินแต่ละบาท”
“เงินมันบ่แล่นมาหาเฮา มีแต่เฮาแล่นไปหาเงิน”
(คำเว้าอีพ่อ)

ชรัง อนตีโต : เมื่อความชรามาเยือน ๔๔. “มูลมังสังขยาของปู่ย่าตายาย” ผู้เขียน ญาณวชิระ (พระมหาเทอด ญาณวชิโร,วงศ์ชะอุ่ม) อดีต พระราชกิจจาภรณ์

เมื่อความชรามาเยือน
๕๕ ความเรียง
ว่าด้วยบทสนทนาของพระลูกชายกับโยมพ่อผู้ชรา
ISBN : ๙๗๘ – ๖๑๖ – ๙๓๓๗๘ – ๖ – ๗
ผู้เขียน : ญาณวชิระ
(พระมหาเทอด ญาณวชิโร,วงศ์ชะอุ่ม)
อดีต พระราชกิจจาภรณ์
ปีที่พิมพ์ : ๒๕๖๗
จำนวนพิมพ์ : ๑,๐๐๐ เล่ม
จำนวนหน้า : ๓๐๔ หน้า
จัดพิมพ์ โดย : สถาบันพัฒนาพระวิทยากร
เลขที่ ๓๔๔ อาคารสันติวัคคีย์ แขวงบ้านบาตร
เขตป้อมปราบ กรุงเทพมหานคร ๑๐๑๐๐
พิมพ์ที่ : หจก.นิวไพศาลการพิมพ์
เลขที่ ๕๓ เจริญนคร ๔๖ บางลำพูล่าง
เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร
