ชรัง อนตีโต
เมื่อความชรามาเยือน
๕๕ ความเรียง
ว่าด้วยบทสนทนาของพระลูกชายกับโยมพ่อผู้ชรา
ผู้เขียน
ญาณวชิระ
(พระมหาเทอด ญาณวชิโร,วงศ์ชะอุ่ม)
อดีต พระราชกิจจาภรณ์
แด่
ความชราอันเงียบงันของโยมพ่อและโยมแม่
นายคำเกิน นางหนูเพชร วงศ์ชะอุ่ม
๔๐.แตกยอดถอดกอตระกูลวงศ์ชะอุ่มในเมืองอุบล
พ่อใหญ่ทองลาย วงศ์ชะอุ่มหนีออกจากบ้านเกิดมาอยู่เมืองอุบลราชธานี ระหว่างการเดินทาง เจอช้างต้องหนีช้าง เจอเสือต้องหนีเสือ กลางวันเดินทาง กลางคืนขึ้นนอนบนต้นไม้ ต้องหลบช้างหนีเสือมาตลอดทาง กว่าจะมาตั้งรกรากอยู่บ้านปากน้ำ มีเพียงดาบศรีคันชัยกับน้ำเต้าใส่น้ำกินระหว่างทางเท่านั้นที่เป็นสมบัติติดตัวมา
เมื่อพ่อใหญ่ทองลายมาถึงดงบักอี่ได้ใช้ดาบถางหนามไผ่ขึ้นไปนอนบนก่อไผ่ มองดูเสือลายพาดกลอนเดินวนไปเวียนมาอ้อมกอไผ่ แต่มันก็ปีนขึ้นไม่ได้เพราะกอไผ่มีหนามสนหนามไผ่
พ่อบอกว่า ไม่มีใครรู้ว่าดงบักอี่อยู่ที่ไหน คนที่รู้เรื่องก็ล้มหายตายจากไปหมดแล้ว แต่ก็เคยได้ยินเล่ากันมาว่า “ดงบักอี่ซาติเสือมัน” เนื่องจากพ่อใหญ่เคน(หงอน)กับพ่อใหญ่ลู ลูกชายคนโตของพ่อใหญ่ทองลายตายตั้งแต่ยังหนุ่ม ข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางมาเมืองอุบลของพ่อใหญ่ทองลาย จึงได้จากพ่อใหญ่กว้างผู้น้องเป็นหลัก แล้วเล่าต่อมาทางพ่อฝั้น วงศ์ชะอุ่ม ซึ่งเป็นลูกพ่อใหญ่กว้าง
“บักฝั้นมันว่าพ่อมันเว้าให้ฟัง พ่อใหญ่ทองลายเลามาฮอดดงบักอี่ พอดีค่ำเลาใซ้ดาบถางหนามไผ่ขึ้นไปนอนเบิ่งเสืออยู่เทิ่งก่อไผ่ สิว่านอนกะบ่แม่นนอนดอก นั่งแนมเบิ่งเสือ มันย่างป้วนเปี้ยนวนอ้อมกอไผ่อยู่ เพิ่นว่าซั้น แต่มันขึ้นบ่ได้ มันคาหนามสนหนามไผ่”
“จักแม่นหรือบ่แม่น บักฝั้นมันว่าพ่อมันเว้าให้ฟัง แต่ว่าฟังเบิ่งแล้ว กะสิแม่นคือมันว่าอยู่ดอก ดงบักอี่เขาว่า “ซาติเสือมัน” พ่อกะเคยได้ยินอีพ่ออีแม่เพิ่นเว้ามาแต่ผัดใด๋ ว่าแต่กี้ ดงบักอี่เสือสางมันหลายเบิ่งบ่เป็น อีพ่ออีแม่เพิ่นกะว่าจังซั้น แต่กะบ่ฮู้ว่า ดงบักอี่บักอื่ออยู่ม้องใด๋ มีแต่พ่อแม่เพิ่นเว้าให้ฟัง เพิ่นว่ามาจังซั้น บักฝั้นเว้ากะคือของมัน”
นอกจากข้อมูลเกี่ยวกับดาบพ่อใหญ่ทองลายที่ได้มาจากพ่อใหญ่กว้างแล้ว พ่อใหญ่โทนยังเล่าให้ลูกหลานฟังว่า พ่อใหญ่ลู พี่พ่อใหญ่กว้าง ซึ่งเป็นพ่อของพ่อใหญ่โทน มีหมวกเหล็กทหารด้วย คาดว่า น่าจะเป็นของพ่อใหญ่ทองลาย นั่นก็แสดงว่า เมื่อพ่อใหญ่ทองลายตาย ลูก ๆ คงแบ่งกันเก็บสมบัติส่วนตัวของพ่อใหญ่ทองหลาย คนหนึ่งได้ดาบ คนหนึ่งได้กระบอกน้ำ อีกคนหนึ่งได้หมวก
ถึงแม้พ่อใหญ่ทองลายจะไม่ใช่คนบ้านปากน้ำโดยกำเนิด แต่ลูก หลาน เหลน โหลนของพ่อใหญ่ทองลาย ก็เกิดและเติบโตที่หมู่บ้านแห่งนี้ พ่อใหญ่ทองลายสร้างครอบครัวขึ้นมา ในฐานะคนบ้านปากน้ำ แล้วก็จากไปในฐานะคนบ้านปากน้ำ
ต่อไปนี้คือลูกหลานพ่อใหญ่ทองลาย วงศ์ชะอุ่มผู้เป็นเจ้าของดาบศรีคันชัยเท่าที่สืบค้นได้
พ่อใหญ่ทองลายจากศรีคอนดอนหมากเกลือ มามีครอบครัวอยู่บ้านปากน้ำ ได้ลูก ๖ คน คือ
๑. พ่อใหญ่เคน(หงอน)วงศ์ชะอุ่ม
๒. พ่อใหญ่ลู วงศ์ชะอุ่ม
๓. พ่อใหญ่กว้าง วงศ์ชะอุ่ม
๔. แม่ใหญ่แดง (วงศ์ชะอุ่ม)
๕. แม่ใหญ่โฮม (วงศ์ชะอุ่ม) และ
๖. แม่ของพ่อใหญ่สี (บิด) สุทธิกรณ์ (พ่อจำชื่อไม่ได้ บอกว่า ต้องสอบถามจากพ่อใหญ่สี สุทธิกรณ์ หรือพ่อฝั้น วงศ์ชะอุ่ม)
ต่อมา ลูกทั้ง ๖ คนของพ่อใหญ่ทองลาย ออกเรือนมีครอบครัว แตกเถือกเถาเหล่ากอ ออกลูก ออกหลาน เกิดเครือญาติในบ้านปากน้ำ สืบต่อกันมา ดังนี้
พ่อใหญ่เคน (หงอน) วงศ์ชะอุ่ม ลูกชายคนโตของพ่อใหญ่ทองลาย ได้กับแม่ใหญ่นกมีลูกด้วยกัน ๓ คน คือ
๑.แม่ใหญ่เจน (วงศ์ชะอุ่ม) ไปมีครอบครัวอยู่พิบูลมังสาหาร
๒. แม่ใหญ่จันที (วงศ์ชะอุ่ม) ไปมีครอบครัวอยู่บ้านดงเจริญ เมืองอุบลราชธานี และ
๓. พ่อใหญ่สงค์ วงศ์ชะอุ่ม ไปมีครอบครัวอยู่บ้านป่าก่อ อำเภอ วารินชำราบ
ต่อมา พ่อใหญ่เคน(หงอน)ล้มป่วยลง แล้วก็ตายก่อนวัยอันควร แม่ใหญ่นกจึงไปเอากับพ่อใหญ่โทน(คด) จำปาศรี ได้ลูกด้วยกัน ๑ คน คือ แม่เนียง อยู่ต่อมาปู่โทนหนีไปบวช เข้าป่าเข้าดงไปอยู่ภูพานนานหลายปี กลับมาอยู่วัดป่าอีกทีก็แก่เฒ่าแล้ว จึงมาตายอยู่วัดป่า ทำกองฟอนเผาศพอยู่ข้างศาลา
พ่อใหญ่โทน(คด) จำปาศรีที่มาได้กับย่านกนั้น เป็นพี่น้องกับแม่ใหญ่คูณ(เต้) กรองมาลัย พ่อใหญ่โง่น จำปาศรี และพ่อใหญ่มาด จำปาศรี (ไปมีครอบครัวอยู่บ้านส้มโฮง) แม่ใหญ่คูณ(เต้) ได้กับพ่อใหญ่สีดาก่อน มีลูกด้วยกัน 4 คน คือ จ่าเคน ลุงริด ลุงจันทร์ และลุงแอ่ง* (*คือ ลุงแอ่ง กรองมาลัย ได้กับป้าจันทร์ศรี (วงศ์ชะอุ่ม) พี่สาวของพ่อ พ่อจึงเรียกลุงแอ่งว่า “พี่อ้ายแอ่ง” ส่วนลุงจันทร์ กรองมาลัย มาได้กับป้าจันทร์ (วงศ์หอม) พี่สาวของแม่จึงเรียกว่า “ลุงจันทร์”
ต่อมา แม่ใหญ่คูณ(เต้)มาได้กับพ่อใหญ่จารย์ชาลี ทานะจิต ได้ลูกกับพ่อใหญ่จารย์ชาลีอีก ๓ คน คือ พ่อแอ๋ง ผู้พันป้อม และพ่อบุตร
ลูกชายคนรองของพ่อใหญ่ทองลาย คือ ปู่ลู วงศ์ชะอุ่ม ได้กับย่าหอม นามสกุลเดิม “คำใส” เป็นคนบ้านกระโสบ มีลูกด้วยกัน ๓ คน คือ
๑. แม่ย่าทุม (วงศ์ชะอุ่ม)
๒. พ่อใหญ่โทน (เขียว) วงศ์ชะอุ่ม และ
๓. พ่อปู่มี วงศ์ชะอุ่ม
เข้าหน้าฝนปีหนึ่ง ปู่ลูวิ่งหนีฝนมาตำกันตายอยู่กลางบ้าน บริเวณต้นไฮใกล้ต้นบากใหญ่ พ่อบอกว่า เคยได้ยินพ่อใหญ่แม่ใหญ่เล่าให้ฟังว่า ตอนวิ่งตำกันทีแรก พ่อใหญ่ลูไม่ได้เป็นอะไรมาก ยังบอกให้ไปช่วยดูอีกคนที่ตำกับพ่อใหญ่ลู เนื่องจากมีอาการหนักกว่า อยู่ต่อมา พ่อใหญ่ลูกลับมีอาการหนักลง แล้วก็ตาย ในเวลาต่อมา ส่วนอีกคนไม่เป็นไร
ลูกชายคนรองของพ่อใหญ่ทองลายจึงตายก่อนวัยอันควรไปอีกคนหนึ่ง
จากคำบอกเล่าของพ่อ ย่าหอมเป็นคนบ้านกระโสบ นามสกุลเดิม “คำใส” มาได้กับปู่ลู วงศ์ชะอุ่ม เมื่อก่อนเวลามีบุญศีลกินทาน พ่อคำดีตาไฟ พ่อใหญ่ชู พ่อใหญ่หิน แม่ใหญ่ยืน บ้านกระโสบ จะไปมาหาสู่กันกับบ้านย่าหอม บ้านพ่อใหญ่โทน และบ้านอาวมีเป็นประจำ อยู่มาปีหนึ่ง ลูกหลานวงศ์ชะอุ่มไปดูหมอลำบ้านกระโสบตีกันกับลูกหลานพวกคำใส จนต้องไปพูดกันถึงบ้านกระโสบ ต่างคนต่างก็ว่าลูกหลานตัวเองถูก ไม่ลงให้กัน จึงตัดพี่ตัดน้อง เป็นตายก็ไม่ไปดูกัน
คำใสบ้านกระโสบกับวงศ์ชะอุ่มบ้านปากน้ำก็เลยไม่ไปมาหาสู่กันตั้งแต่บัดนั้น
“พ่อคำดีตาไฟ พ่อใหญ่ชู พ่อใหญ่หิน เลาฮู้จักกับอีพ่อ แต่กี้กะเที่ยวไปเที่ยวมาเฮือนอีแม่ เฮือนย่าทุม เวลามีบุญศีลกินทาน เพิ่นเที่ยวไปมาหากันบ่ได้ขาด พ่อใหญ่หิน น้องย่าหอม เพิ่นบ่มีลูก เลยเอาแม่ใหญ่ยืนมาเลี้ยงเป็นลูก แม่ใหญ่ยืนกะเที่ยวมาเฮือนอีแม่ เฮือนย่าทุม เฮือนอาวมี บัดบ่ถืกกัน ย้อนลูกตีกันอยู่บ้านกระโสบ ไปเว้าไปว่ากัน บ่ลงให้กัน เลยตัดพี่ตัดน้อง เป็นตายกะบ่ไปเบิ่งกัน ย้อนลูกตีกัน”
ลูกชายคนถัดมา คือ พ่อใหญ่กว้าง วงศ์ชะอุ่ม ได้กับแม่ใหญ่ติ๋น มีลูกด้วยกัน ๑ คน คือ พ่อใหญ่พวง วงศ์ชะอุ่ม จากนั้น พ่อใหญ่กว้างเลิกกับแม่ใหญ่ติ๋น ไปได้กับแม่ใหญ่เจียง มีลูกด้วยกัน ๔ คน คือ
๑. พ่อบุญเลี้ยง วงศ์ชะอุ่ม
๒. พ่อบุญมาก วงศ์ชะอุ่ม
๓. แม่จั่น (วงศ์ชะอุ่ม) และ
๔. พ่อฝั้น วงศ์ชะอุ่ม
แม่ใหญ่ติ๋นรูปร่างผอม แข้งขาเล็ก เป็นคนใจดี รักลูกรักหลาน ไม่ว่าลูกหลานจะพูดจาล้อเลียนอย่างไร แม่ใหญ่ติ๋นก็ไม่ว่าอะไร
ต่อมา เป็นลูกสาวพ่อใหญ่ทองลาย คือ แม่ใหญ่แดง (วงศ์ชะอุ่ม) ได้กับพ่อใหญ่สา มีลูกด้วยกัน ๓ คน เป็นลูกผู้หญิงทั้งหมด คือ
๑. แม่ใหญ่มี ได้กับพ่อใหญ่มา(เข่ง) ชื่นบาน
๒. แม่ใหญ่ทุมมา ได้กับพ่อใหญ่สี(โปก) ได้พ่อหา(ไหล) กับพ่อค้ำ (ขี้เหล้า ) และลูกอีกหลายคน นาอยู่ฟากวัดไปทางหัวป่าแวงใกล้บริเวณเครื่องบินทหารฝรั่งตก และ
๓. แม่ใหญ่นาคได้กับพ่อใหญ่เลิศ บำบัด
ลูกสาวของพ่อใหญ่ทองลายคนถัดมา คือ แม่ใหญ่โฮม (วงศ์ชะอุ่ม) เอากับพ่อใหญ่กอง แสงสว่าง จึงได้ผู้ใหญ่บ้านนำกับพ่อใจ ที่พ่อฝั้นเล่าว่า เมื่อก่อน น้ำเต้าใส่น้ำกินระหว่างทางของพ่อใหญ่ทองลาย ห้อยอยู่บ้านพ่อใหญ่กอง ก็คงด้วยเหตุที่แม่ใหญ่โฮม ซึ่งเป็นลูกสาวพ่อใหญ่ทองลาย เป็นคนได้น้ำเต้าที่พ่อใส่น้ำกิน ดังนั้น น้ำเต้าจึงอยู่บ้านแม่ใหญ่โฮม-พ่อใหญ่กอง ส่วนพ่อใหญ่กว้างได้ดาบศรีคันชัย
ส่วนลูกสาวอีกคนของพ่อใหญ่ทองลาย พ่อจำชื่อไม่ได้ แต่ได้ยินพ่อฝั้นเล่าให้ฟังว่าเป็นแม่ของพ่อใหญ่สี สุทธิกรณ์ พ่อของผู้ใหญ่บ้านวัตร จากคำบอกเล่าต่อกันมา พ่อเคยได้ยินมาว่า พวกพี่น้องเห็นว่าพ่อของพ่อใหญ่สีเป็นคนขยัน จึงอยากให้น้องสาวคนเล็กออกเรือนกับพ่อของพ่อใหญ่สี
เนื่องจากสายผู้ใหญ่บ้านนำกับพ่อใหญ่สีเป็นลูกผู้น้อง ดังนั้น ทั้งผู้ใหญ่บ้านนำกับพ่อใหญ่สีจึงเรียกพ่อใหญ่โทน วงศ์ชะอุ่ม ซึ่งเป็นลูกผู้พี่ว่า “พ่อลุงโทน”
พ่อบอกว่า วงศ์ชะอุ่มที่รู้เรื่องเก่าเรื่องหลัง ต่างก็ล้มหายตายจากไปหมดแล้ว จึงไม่รู้จะไปถามจากใคร วงศ์ชะอุ่มที่แก่เฒ่ารุ่นปู่รุ่นทวดอยู่ตอนนี้ ก็ยังเหลือแต่พ่อกับพ่อฝั้นเท่านั้น พ่อเองแก่มากแล้ว ก็ลืมไปมากเหมือนกันจะจำได้บ้างก็คงเป็นพ่อฝั้นเท่านั้น
“ลูกหลานรุ่นหลังมานี้ มันกะสิบ่ฮู้จักกันปานใด๋ คันแต่พู้นมันสิฮู้จักกันอยู่ แต่กี้ผู้ใหญ่บ้านนำเลากะว่าพี่ว่าน้องอยู่นั่นละ เลาจังเอิ้นอีพ่อว่า “พ่อลุงโทน” มันกะสิเป็นสายมาจังซั้น คือโตเขากะว่าลูกหลานพี่น้องอยู่” “ดนไปมันกะลืม คือกับบักโรจน์ ออกจากบ้านไปหาเฮียนแต่ยังน้อย ได้เป็นครูอยู่โคราช ลูกหลานรุ่นหลังมานี้ กะสิบ่มีใผฮู้จักมัน ลูกเต้ากะห่างกันไป”
พ่อเปรยถึงครูวิโรจน์ วงศ์ชะอุ่ม น้องชายของพ่อ
“อีพ่ออีแม่เลากะทุกข์หลาย น้องอยากเฮียนหนังสือ เลาพากันเผาถ่านส่งน้องเฮียน ไม้พันซาด ไม้จิกอยู่นำไฮ่นำนา กะตัดลงเผาถ่านเบิ่ด งัวควายอยู่คอก กะขายส่งน้องเฮียน แต่กะสมเลาทุกข์เลายากนำน้องอยู่ดอก ลูกซายเลาเฮียนจบ สอบครูเถื่อเดียวกะได้ ตอนไปเป็นครูอยู่โคราช เวลามายามพ่อยามแม่ น้องกะเอาเงินใส่มือให้พ่อให้แม่ใซ้อยู่ เถื่อละสองพันสามพัน เจ้าของจักมีพอใซ้บ่พอใซ้ แต่ฮั่งเห็นเอาใส่มือให้พ่อให้แม่อยู่ ลูกได้เป็นครู อีพ่ออีแม่กะจังดีขึ้นแน่”
“เถื่อหนึ่ง น้องพาลูกพาเมียมายามพ่อยามแม่ ก่อนสิกลับ ลูกสาวยังน้อย ๆ บอกพ่อว่า “พ่อ ๆ เอาเงินให้ปู่กับย่าด้วย” มันยังน้อย ๆ อยู่ กะฮู้จักเว้าฮู้จักจา สู่มื้อนี้ใหญ่มาแล้ว ลูกสาวมันจักไปจังใด๋มาจังใด๋ แต่กี้กะว่า ติดต่อกับพวกเด็กน้อยอยู่ ใหญ่มากะสิห่างกันไป ปีอีพ่ออีแม่ตาย เมียมันกะมาเผาอยู่ดอก มานอนอยู่เฮือนอีสุข”
“น้องอายุสั้น เป็นครูได้บ่จักปีกะมาขับรถซนต้นไม้ตาย เหมารถเก่า ๆ พากันไปเผาน้อง แล่นบ่ฮอดจักเถื่อ ตอนนั้นรถหายาก บ่คือสู่มื้อนี้ จังว่า บักโรจน์มันกะบ่ได้เฮ็ดบาปหยัง คือมาอายุสั้น ปูปลากะบ่ได้ฆ่านำหมู่ บวชเป็นเณรน้อย ๆ เฮียนหนังสือ พ่อบ่ให้บวช กะปีนขึ้นไปนั่งอยู่เทิ่งง่ามดู่ เอิ้นจังใด๋กะบ่ลงมา กกดู่ฮ่มคร้อ นาหัวบุ่งแต่กี้ สูงปานใด๋ มันปีนขึ้นไปจนฮอดยอด อีแม่เลาฮ้องนำลูกชายเลา “ก้อนคำอีแม่ ลงมา ลูกหล้า ก้อนคำอีแม่ ลงมา ลูกหล้า” อีแม่บ่จักนบจักกราบ อยากให้ลูกลงมา ของมันปีนขึ้นไป๊ ปีนขึ้นไปเรื่อย ๆ จนฮอดยอดดู่พุ้น จังได้บวช อาวมี*เป็นคนพาไปฝากนาค บวชแล้ว พ่อถ่านส่งไปอยู่กรุงเทพนำหลวงตาพิมพ์ วัดราชนัดดา บัดเฮียนหนังสือได้เป็นครูแล้ว กะมาอายุสั้น” (*อาวมี คือ พ่อใหญ่มี วงศ์ชะอุ่ม น้องชายพ่อใหญ่โทน)
ทั้งหมด คือ ลูกหลานพ่อใหญ่ทองลาย ผู้เป็นเจ้าของดาบศรีคันชัยจากศรีคอนดอนหมากเกลือ ที่แตกเถือกเถาเหล่ากอออกไป เท่าที่สืบค้นได้ ข้อมูลอาจคลาดเคลื่อน ตกหล่นอยู่บ้าง เนื่องจากเป็นข้อมูลจากการสนทนา คุยไปเล่าไป พ่อเองก็จำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง จำสับกันบ้าง จึงยังต้องสอบทานจากหลายฝ่าย เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วน สมบูรณ์ยิ่งขึ้น