เคยรู้สึกเหนื่อยไหม กับการวิ่งไปข้างหน้าไม่หยุดหย่อน …อย่างไม่รู้ตัว

กว่าจะรู้สึกตัว สังขารก็ไม่ไหวแล้ว

จะไปปฏิบัติธรรมก็ลำบาก เพราะทุกอย่างต้องอดทน ฝืนความสะดวกสบายสารพัด

แท้จริงแล้ว การปฏิบัติธรรม ก็คือ การดำเนินชีวิตอยู่บนทางสายกลาง

ไม่วิ่งเร็วเกินไปจนหอบ หรือไม่ช้าเกินไปจนไม่รับรู้อะไรเลย

แต่การจะรู้ว่า เราอยู่บนทางสายกลางบนเส้นทางที่จะไปสู่สันติสุขนั้น เองอะไรมาวัดละ

โชคดีที่มีพระ …

พระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโป มีเทคนิคการอยู่กับตนเองอย่างสันติ

และอยู่กับผู้อื่นอย่างเข้าใจ

ไม่ว่าจะเป็นการอยู่กับครอบครัว เพื่อนฝูง เพื่อนร่วมงาน หรือคนในสังคมก็ตาม

ไม่ต้องแข่งกับใคร…

แค่เดินไปในเส้นทางสร้างสันติสุข           

โดย พระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโป

ประธานกลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์

สายฝนหล่นพรมพื้นดินแล้งให้ชุ่มชื่น สัตว์และพืชตื่นขึ้นและเริงร่ากับหน้าฝน กำเนิดหน่อต่อยอด และขยายเผ่าพันธุ์ เกิดสิ่งมีชีวิตนับล้าน เอาแค่หอยเชอรี่ที่ทุ่งนา กับลูกอ๊อดคางคกในร่องน้ำขังก็มหาศาลแล้ว จนหลายคนต้องหว่านสารพิษเพื่อตัดวงจรชีวิตของพวกมันให้น้อยลง

 ยาพิษไม่เพียงปลิดชีวิตพวกมัน แต่ก็บั่นทอนชีวิตคนใส่เองด้วย เป็นกลไกที่สะเทือนใจในชะตากรรมของสิ่งมีชีวิตอยู่เหมือนกัน แม้จะมีความรู้ด้านธรรมมะ แต่ก็ไร้ปัญญาเรื่องยา และสารเคมี เมื่อมีใครมากล่าวอ้าง เราก็มักจะแพ้ทางเขาเสียหมด แม้จะอยากให้ชาวบ้านใช้วิธีธรรมชาติ แต่กลไกของหนี้สินและการตลาดมันฉลาด และรู้จุดอ่อนชาวบ้าน ทำให้ยากที่จะหาคนต่อกรการเพาะปลูกกระแสหลักได้ หลายคนจึงก้มหน้ารับชะตากรรมไปโดยใจจำนน

จริงๆ วันนี้ไม่ได้ตั้งใจจะเปิดประเด็นสารเคมีในวิถีเกษตรกรรม แค่พอดีมีฝนโปรยสร้างบรรยากาศเลยเผลอใจไปคิดชั่วครู่หนึ่ง นี่แหละใจคน บางทีแค่อากาศเปลี่ยนแปลง ใจเราก็อาจจะเปลี่ยนไป

วันนี้ขอต่อยอดจากฉบับที่แล้ว ที่ถอดบทเรียนเรื่องของหัวใจ หรือที่ใครๆ พูดกันว่า “ความรัก”  มีบางท่านสะท้อนว่า ให้เขียนต่ออีกหน่อยได้ไหมว่าในทางพุทธศาสนา มีหลักธรรมที่เกี่ยวกับชีวิตคู่บ้างหรือไม่ ซึ่งอยากจะบอกว่า หลักธรรมส่วนใหญ่ในทางพุทธศาสนาในส่วนที่เป็น คิหิปฏิบัติ (หลักปฏิบัติของคนทั่วไป) ล้วนแต่เป็นหลักการเพื่อให้เราอยู่คู่กันอย่างสันติสุข ไม่ใช่แค่คู่ของสองเรา แต่เป็นคู่ทุกขั้วที่มีอยู่บนโลกนี้ ล้วนใช้ได้ทั้งนั้น แต่ปัญหาคือเขาไม่ค่อยนำไปใช้ก็เท่านั้นเอง

ขอกระชับพื้นที่มาอยู่แค่เป็นคู่สอง ที่เขาเรียกกันว่า “คู่สร้างคู่สม”

ในทางพระพุทธศาสนามีหลักการสำคัญอยู่ ๔ ประการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรง ดังนี้

  • สมสัทธา       คือ มีความเชื่อเสมอกัน  เชื่อมั่นในกันและกัน  เชื่อมั่นในความดีงาม มีหลักการใช้ชีวิตไปในทิศทางเดียวกัน หรือ ให้เกียรติความเชื่อและเรียนรู้ซึ่งกันและกัน  ไม่ต้องกล่าวไปไกลถึงความเชื่อทางศาสนาก็ได้ เอาแค่เชื่อในความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน ก็เพียงพอแล้วที่เราจะอยู่ร่วมกันได้ เพราะถ้าไม่เชื่อว่าคนเรานั้นมีความเป็นมนุษย์เหมือนกัน มองอีกฝ่ายเป็นอีกอย่าง เส้นทางสันติสุขจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้
  • สมสีลา        คือ มีศีลเสมอกัน หรือมีวัตรปฏิบัติความประพฤติเสมอหรือเหมือนกัน มีคนรักคู่หนึ่งบอกผู้เขียนว่า “พระอาจารย์ พวกผมนี่ผีเน่ากับโลงผุ” ฟังแล้วก็แปลกเลยถามว่าทำไมถึงว่าแบบนั้น เขาอธิบายว่า ก็เพราะชอบเมา ชอบเที่ยว ไปไหนไปกันไม่หวั่นทางไกล ฟังแล้วก็ไม่รู้จะประมวลเข้าใน สมสีลา ได้หรือเปล่า แต่ก็นี่แหละตัวอย่าง ถือถ้าอีกฝ่ายชอบเที่ยวแต่อีกฝ่ายชอบอยู่บ้าน ถ้าปรับกันไม่ได้ก็กลายเป็นว่า อีกฝ่ายอาจจะถูกทิ้งให้อยู่เฝ้าบ้านในขณะที่อีกคนสำราญในสถานบันเทิง แบบนี้ก็คงไม่เกินปี ได้มีเรื่องเศร้าเป็นแน่ ดังนั้นแล้ว ก็ขอให้มีหลักการในการดำเนินชีวิตที่เหมาะสมเสมอกัน เมื่อตั้งกติกากันแล้วก็ขอให้เคารพกติกา ร่วมกัน ถ้าออกแนว “เธอถูกเสมอ ฉันผิดตลอด” แบบนี้ก็รอดยาก
  • สมจาคะ        คือ มีความเสียสละเสมอกัน เพราะการอยู่ร่วมกันไม่มีหรอกว่าใครจะดีเลิศหรือประเสริฐจนไม่มีที่ติ และบางครั้งเราก็จะต้องลดอัตตาตัวตนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ผู้เขียนเคยเห็นเด็กชายย่อตัวแล้วอุ้มชูเด็กหญิงเพื่อให้สูงขึ้นแล้วคว้าลูกโป่งที่เพดานได้  สัมผัสได้ถึงความเสียสละที่ไม่ใช่ตลอดเวลา แต่เมื่อเหตุการณ์มันเกิดขึ้นเราก็ต้องช่วยกัน จะถือว่าตัวเองเป็นสูงส่งแล้วไม่ปลงไม่วางลดตัวมาเกื้อกูลกันในยามจำเป็น ก็แย่เหมือนกันนะ หรือจะให้อีกฝ่ายยอมเสียสละแต่เพียงฝ่ายเดียวตลอดเลยก็ไม่ได้
  • สมปัญญา    ในที่นี้คำว่า มีปัญญาเสมอกัน ไม่ใช่ระดับการศึกษา ชั้นประถมมัธยม หรือปริญญา เพราะเคยเห็นมาแล้วเรียนสูงมาพอกันแต่ไม่ค่อยจะมีเหตุผลต่อกันสักเท่าไหร่ แบบนี้ก็ไม่ใช่ แต่เป็นการใช้เหตุผล ไม่เอาอารมณ์เป็นเครื่องตัดสิน มีแนวทางในการพัฒนาครอบครัวไปด้วยกัน ใช้ปัญญาในการดำเนินชีวิต เรียนรู้และพัฒนาตนเองไปด้วยกันอย่างสม่ำเสมอ เพราะการใช้ชีวิตคู่ ในยุคปัจจุบันนี้ มีเงื่อนไขมากมายซึ่งอาจจะต้องปรับตัวและวางแผนให้ดี จะทำให้เป็นคู่ครองที่มองการณ์ไกล ประกอบกิจการสิ่งใดก็จะประสบความสำเร็จ

ผู้เขียนคิดว่า ทั้ง ๔ ประการนี้ เป็นแนวทางของการอยู่ร่วมกันของพวกเราทุกคนในสังคม ที่หลายคนมองว่า มีความขัดแย้งสูง ประชาชนส่วนใหญ่ก็ได้รับผลกระทบกันทั่วหน้าไม่ว่าพระหรือโยม ห้วงแค่ปัญหาถาโถมเข้ามา ถ้าเราไม่รู้สึกว่า ทุกคนควรจะมีส่วนร่วม หรือรับผิดชอบร่วมกัน มันก็ยากที่จะขับเคลื่อนสังคมให้ก้าวไปข้างหน้าได้ มันก็จะเหมือนมีอะไรถ่วงหน่วงไว้ ทำเราล่าช้า หรือล้าสมัยไปไม่ทันคนอื่นเขา ไม่ได้อยากให้เราต้องวิ่งตามใครหรอก แค่อยากให้เราก้าวไปด้วยกันอย่างมีความสุข แม้เราจะเดินช้าแต่ว่าเราจะไม่หยุดเดิน เพราะเป้าหมายคือสันติสุขระหว่างทางนี่เอง

ติดตามอ่าน “ไม่ต้องแข่งกับใคร…แค่เดินไปในเส้นทางสร้างสันติสุข “

โดย พระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโป 

คอลัมน์ โชคดีที่มีพระ หน้าพระไตรสรณคมน์

นสพ.คมชัดลึก วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๒

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here