ขอขอบคุณ ภาพจากเพจ วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร
ขอขอบคุณ ภาพจากเพจ วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร
ขอขอบคุณ ภาพจากเพจ วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร
ขอขอบคุณ ภาพจากเพจ วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร

น้อมถวายความอาลัยด้วยเศียรเกล้า

พระเดชพระคุณพระพรหมมงคล วิ. (หลวงปู่ทอง สิริมง.คโล)

หนึ่งในพระวิปัสสนาจารย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธาตุศรีจอมทอง ,อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๗ ,อดีตประธานกรรมการขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ (หนเหนือ), อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร


พระเดชพระคุณหลวงปู่ได้รับพระราชทานสถาปนา
เป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรองชั้นหิรัญบัฏ
ฝ่ายวิปัสสนาธุระเป็นรูปแรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙

ขอขอบคุณ ภาพจากเพจ วัดพระธาตุศรีจอมทอง  และ วัดร่ำเปิง  (ตโปทาราม) ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
ขอขอบคุณ ภาพจากเพจ วัดพระธาตุศรีจอมทอง
และ วัดร่ำเปิง (ตโปทาราม) ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
ขอขอบคุณ ภาพจากเพจ วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร
ขอขอบคุณ ภาพจากเพจ วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร

“จงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม”

โอวาทธรรมครั้งสุดท้ายของ “หลวงปู่ทอง” ก่อนละสังขาร

กลางดึกขอวันที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๒ เวลาประมาณ ๐๐.๒๕ น. ที่ พระอารามวรวิหาร วัดพระธาตุศรีจองทอง พระพรหมมงคล ฉายาสิริมงฺคโล หรือหลวงปู่ทอง พระเถระฝ่ายวิปัสสนาธุระ ซึ่งเป็นที่ศรัทธาแห่งชาวล้านนาและชาวไทย รวมทั้งชาวต่างชาติได้ละสังขารที่ กุฏิหทัยนเรศวร์ วัดพระธาตุศรีจอมทอง วรวิหาร หลังจากได้รับการส่งตัวที่โรงพยาบาลจอมทอง โดยแพทย์ได้ให้การรักษาอย่างสุดความสามารถ

จากนั้นทางศิษยานุศิษย์ได้เคลื่อนสรีระสังขารของหลวงปู่ทอง มาที่ พระอารามวรวิหาร วัดพระธาตุศรีจองทอง เพื่อให้ประชาชนกราบไหว้ สิริอายุ ๙๖ ปี ๒ เดือน ๒๑ วัน ๗๕ พรรษา

ขณะที่แฟนเพจ “หลวงปู่ทอง สิริมงฺคโล” ได้เผยแพร่โอวาทธรรมครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๒ หลังจากนั้นผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงหลวงปู่ทอง ก็ละสังขารอย่างสงบ

แถลงการณ์โรงพยาบาลจอมทอง เรื่อง การอาพาธของพระเดชพระคุณพระพรหมมงคล วิ. (หลวงปู่ทอง สิริมงฺคโล)
แถลงการณ์โรงพยาบาลจอมทอง เรื่อง การอาพาธของพระเดชพระคุณพระพรหมมงคล วิ. (หลวงปู่ทอง สิริมงฺคโล)

แถลงการณ์โรงพยาบาลจอมทอง

เรื่อง การอาพาธของพระเดชพระคุณพระพรหมมงคล วิ. (หลวงปู่ทอง สิริมงฺคโล)

ด้วยวันพฤหัสบดีที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เวลา ๑๔.๔๘ น. โรงพยาบาลจอมทองได้รับแจ้งจากวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร ว่าพระเดชพระคุณพระพรหมมงคล วิ. (หลวงปู่ทอง สิริมง.คโล) มีอาการหายใจเหนื่อยหอบ

เวลา ๑๔.๕๓ น. ทีมแพทย์และพยาบาล โรงพยาบาลจอมทอง ได้เข้าประเมินอาการพระเดชพระคุณพระพรหมมงคล วิ. (หลวงปู่ทอง สิริมง.คโล) พบว่ามีอาการหายใจเหนื่อย เสียงปอดผิดปกติ ระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ จึงได้ถวายการพ่นยาขยายหลอดลม และให้ออกซิเจนพร้อมกับประสานทีมแพทย์ที่โรงพยาบาลจอมทองเพื่อส่งตัวเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน

เวลา ๑๕.๑๑ น. รถพยาบาลได้นำพระเดชพระคุณพระพรหมมงคล วิ. (หลวงปู่ทอง สิริมงฺคโล) เข้ารับการรักษาที่ห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลจอมทอง ทีมแพทย์ประเมินอาการซ้ำพบว่า พระเดชพระคุณพระพรหมมงคล วิ. (หลวงปู่ทอง สิริมงฺคโล) มีระดับความรู้สึกตัวลดลงร่วมกับระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ มีภาวะการหายใจล้มเหลวและภาวะหัวใจหยุดเต้น จึงได้ใส่ท่อช่วยหายใจ และได้ให้การช่วยฟื้นคืนชีพโดยการกดนวดหัวใจ (CPR) และให้ยาช่วยฟื้นคืนชีพร่วมด้วย

ทีมแพทย์ได้โทรศัพท์ประสานคณะแพทย์โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เพื่อช่วยในการวินิจฉัยและให้การรักษารวมทั้งเตรียมรับการส่งต่อ คณะแพทย์โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ให้ความเห็นในการวินิจฉัยอาการของพระเดชพระคุณพระพรหมมงคล วิ. (หลวงปู่ทอง สิริมงฺคโล) ว่าเข้าได้กับภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ซึ่งทีมแพทย์ผู้รักษาของโรงพยาบาลจอมทองได้ให้การช่วยฟื้นคืนชีพอย่างเต็มความสามารถ รวมระยะเวลาทั้งหมด 68 นาที

เวลา ๑๖.๒๖ น. ทีมแพทย์ผู้ให้การรักษาร่วมกับคณะพระเถรานุเถระในอำเภอจอมทองได้ลงความเห็นร่วมกันในการยุติการช่วยฟื้นคืนชีพแด่พระเดชพระคุณพระพรหมมงคล วิ. (หลวงปู่ทอง สิริมงฺคโล) และได้เคลื่อนย้ายพระเดชพระคุณพระพรหมมงคล วิ. (หลวงปู่ทอง สิริมงฺคโล) เข้ารับการดูแล สังเกตอาการ ที่ห้อง ICU ชั้น ๕ อาคารสงฆ์อาพาธ โรงพยาบาลจอมทอง จากนั้น เวลา ๒๓.๐๐ น. ได้เคลื่อนย้ายพระเดชพระคุณพระพรหมมงคล วิ. (หลวงปู่ทอง สิริมงฺคโล) ไปที่วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร เพื่อให้ศิษยานุศิษย์ เข้ากราบนมัสการ

วันศุกร์ที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ พระเดชพระคุณพระพรหมมงคล วิ. (หลวงปู่ทอง สิริมงฺคโล) ได้ถึงแก่มรณภาพ ด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันจากภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เวลา ๐๐.๒๕ น.

พระพรหมมงคล วิ. (หลวงปู่ทอง สิริมงฺคโล) ขอขอบคุณ ภาพจาก วัดร่ำเปิง(ตโปทาราม) ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
พระพรหมมงคล วิ. (หลวงปู่ทอง สิริมงฺคโล)
ขอขอบคุณ ภาพจาก วัดร่ำเปิง(ตโปทาราม) ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

ละอองทิพย์เทวัญจากชั้นฟ้า
ลอยล่องมาทาบทองละอองสวรรค์
เชิญหลวงปู่ลาลับกลับเทวัญ
สถิตมั่นแม่นแคว้นแดนธรรมา

เป็นเทพแห่งปวงชนคนทั้งผอง
เป็นนักบุญถือครองพระศาสนา
เป็นนักธรรมนำครรลองพระศาสดา
วิปัสสนากรรมฐานแห่งลานบุญ

นักบุกเบิกพัฒนาอารามร้าง
ร่ำเปิงถางแผ้วธรรมนำทางหนุน
เป็นศูนย์สร้างจิตล้ำช่วยค้ำคุณ
สร้างคนบุญคนศีลถิ่นล้านนา

เปลี่ยนวัดเป็นอุทยานการเรียนรู้
ดุจดั่งครูสืบสานการศึกษา
ฟื้นการอ่านการเขียนเรียนล้านนา
สืบภาษาคำเมืองให้เลื่องไป

แม้ล่วงลับดับดวงล่วงสังขาร
คุณูปการท่านทำงำเมืองให้
แผ่นดินร่มห่มธรรมอันอำไพ
สว่างใจสาธุชนคนสักการ

รศ.ดร. อำนาจ ขาวเครือม่วง ประพันธ์ University of Shizuoka

ปฏิปทา “หลวงปู่ทอง สิริมงฺคโล”

ผู้เลิศในด้านวิปัสสนากรรมฐาน

โดย มหาลาโภ ภิกขุ  

           “ นิ่งได้ ทนได้ รอได้ ช้าได้ ดีได้ ”

เป็นคำสอนของพระพรหมมงคล วิ. (หลวงปู่ทอง  สิริมงฺคโล) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่  พระมหาเถระผู้มีปฏิปทาอันงดงาม ผู้เลิศในด้านวิปัสสนากรรมฐาน

ขอขอบคุณ ภาพจาก เพจ วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร  และ วัดร่ำเปิง(ตโปทาราม) ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
ขอขอบคุณ ภาพจาก วัดร่ำเปิง(ตโปทาราม) ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
ขอขอบคุณ ภาพจาก เพจ วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร  และ วัดร่ำเปิง(ตโปทาราม) ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
ขอขอบคุณ ภาพจาก เพจ วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร
และ วัดร่ำเปิง(ตโปทาราม) ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

ประวัติและปฏิปทา

สิริมงคลมหาเถร (หลวงปู่ทอง สิริมงฺคโล)

หลวงปู่ทอง เกิดเมื่อวันที่ ๒๑ กันยายน พ.ศ.๒๔๖๖  ณ ตำบลบ้านแอ่น  อำเภอฮอด  จังหวัดเชียงใหม่ ท่านมีความสนใจในพระพุทธศาสนามาตั้งแต่วัยเยาว์ เมื่อมีอายุได้ ๑๑ ปี ก็บรรพชาเป็นสามเณรและอุปสมบทเป็นพระเมื่อวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๘๗ ท่านมีความสนใจในการศึกษามาก สอบได้นักธรรมชั้นตรี ชั้นโท และชั้นเอก ในขณะเดียวกัน ท่านก็มีความสนใจในการเข้ารับการอบรมด้านวิปัสสนากรรมฐาน

ในปีพ.ศ.๒๔๙๖ ได้ฝึกวิปัสสนากรรมฐานในแนวสติปัฏฐาน ๔ ณ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร ได้รับการคัดเลือกให้ไปฝึกการปฏิบัติและศึกษาแนวทางการปฏิบัติในแนวสติปัฏฐาน ๔ ตามหลักพระไตรปิฎก ที่เมียนมาร์ ในพ.ศ.๒๔๙๗-๒๕๐๐

พระพรหมมงคล วิ. (หลวงปู่ทอง สิริมงฺคโล) เป็นผู้มีวิริยะอุตสาหะและอิทธิบาทสี่ ในการทำงานด้วยความรับผิดชอบ ท่านจึงได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่ในการปกครอง ดำรงตำแหน่งเลขานุการเจ้าคณะอำเภอฮอด รองเจ้าคณะอำเภอฮอด ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๗ ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเมืองมาง อำเภอเมืองเชียงใหม่ เจ้าอาวาสวัดร่ำเปิง อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ และดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่พ.ศ.๒๕๓๔

พระพรหมมงคล วิ. (หลวงปู่ทอง สิริมงฺคโล) ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ต่างๆ ดังนี้ -ได้รับแต่งตั้งสมณศักดิ์ เป็นพระปลัดฐานานุกรมของพระครูคัมภีรธรรม เจ้าคณะอำเภอฮอด

-ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ เป็นพระสุพรหมยานเถร

-ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นราช ฝ่ายวิปัสสนาธุระ เป็นพระราชพรหมาจารย์

-ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ เป็นพระเทพสิทธาจารย์

-ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นธรรม ฝ่ายวิปัสสนาธุระ เป็นพระธรรมมังคลาจารย์

-ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาชั้นพรหม ฝ่ายวิปัสสนาธุระ เป็นพระพรหมมังคลาจารย์

ในปีพ.ศ.๒๔๗๗-๒๔๗๘ ครูบาศรีวิชัย สิริวิชโย ได้ริเริ่มสร้างถนนทางขึ้นพระบรมธาตุดอยสุเทพ สามเณรทองเมื่อสอบนักธรรมตรีเสร็จแล้ว ได้ตามพระภิกษุและสามเณรอีกหลายรูปไปช่วยบุกเบิกสร้างถนนทางขึ้นพระบรมธาตุด้วย ในวันหนึ่งๆ จะมีผู้คนมาช่วยทำงานไม่ต่ำกว่า ๕,๐๐๐ คน การสร้างทางสายนี้ใช้เวลากว่า ๕ เดือนกว่า จึงแล้วเสร็จ เป็นระยะทางทั้งสิ้น ๑๑ กิโลเมตร และเปิดให้รถขึ้นลงได้เมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ.๒๕๓๘

เมื่อการสร้างถนนขึ้นไปสู่พระบรมธาตุดอยสุเทพเสร็จแล้ว ครูบาศรีวิชัย พร้อมด้วยคณะศิษย์บางส่วน ได้ลงมาพักจำพรรษาที่วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ในจำนวนนั้นมีสามเณรทองอยู่ด้วย สามเณรทองมีความซาบซึ้งในจริยวัตรของท่านครูบาศรีวิชัยมาก จึงสมัครเป็นศิษย์และติดตามครูบาศรีวิชัยไประยะหนึ่ง

หลังจากที่สอบนักธรรมโทเสร็จเรียบร้อยแล้ว ด้วยจิตที่มุ่งมั่นต่อการปฏิบัติพระกรรมฐานมาโดยตลอด สามเณรทองจึงเดินทางไปวัดพระพุทธบาทตากผ้า เพื่อฝึกปฏิบัติกรรมฐานกับท่านครูบาพรหมา หรือ ครูบาพรหมจักรสังวร

ในปีพ.ศ.๒๕๑๐ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้เสด็จปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ พระองค์เสด็จโดยเฮลิคอปเตอร์มาถึงวัดพระธาตุศรีจอมทอง เสด็จพระราชดำเนินไปในที่พระปลัดทอง สิริมฺงคโล และได้ปฏิสันถารว่า

“ขอฝากพระพุทธศาสนากับพระคุณเจ้าด้วย “

พระราชดำรัสที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้ทรงมีพระราชปฏิสันถารในครั้งนั้น จึงเป็นเสมือนหนึ่งแรงบันดาลใจให้พระปลัดทองทุ่มเททั้งชีวิตให้กับงานของพระพุทธศาสนามาโดยตลอด

ในวันที่ ๑๙ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๔ รัฐบาลแห่งสหภาพเมียนมาร์ นำโดย พลเอกอาวุโส ตาน ฉ่วย ผู้นำรัฐบาล ได้ถวายสมณศักดิ์ในตำแหน่ง “อัคคมหากัมมัฏฐานาจาริยะ” อันเป็นสมณะสูงสุดสำหรับพระภิกษุสายวิปัสสนา แด่พระเดชพระคุณหลวงปู่พรหมมังคลาจารย์ (หลงปู่ทอง สิริมฺงคโล) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร ในฐานะผู้บำเพ็ญประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาในด้านวิปัสสนาตลอดระยะเวลากว่า ๖๐ ปี โดยจัดพิธีถวายขึ้น ณ โถงพระธรรมวิหาร พระเจดีย์อุปปตะสันติ นครเนปิดอว์ สาธารณรัฐแห่งสภาพเมียนมาร์

พระพรหมมงคล วิ. (หลวงปู่ทอง สิริมงฺคโล) ได้เดินทางไปต่างประเทศหลายครั้ง และได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้นำบางศาสนา อาทิ ในวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน – วันที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๓๘ ท่านได้เดินทางไปประชุมศาสนสัมพันธ์แห่งโลก ณ นครวาติกัน กรุงโรม ประเทศอิตาลี ได้มีโอกาสพบปะและสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น พอล ที่ ๒ เพื่อหาแนวทางในการสร้างสันติภาพที่ถาวรแก่มวลมนุษยชาติ

ในวันที่ ๒๒-๒๓ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๗ พระพรหมมงคล วิ. (หลวงปู่ทอง สิริมงฺคโล) ได้เดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจ ณ ประเทศอิตาลี เข้าร่วมการประชุมศาสนสัมพันธ์พุทธ-คริสเตียน ในโอกาสนี้ ท่านได้แสดงทัศนะในหัวข้อ “ธรรมในพระพุทธศาสนาและความเมตตาในศาสนาคริสต์ ” รวมทั้งได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ และมอบของที่ระลึกแก่สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น พอล ที่ ๒ ณ นครวาติกัน

ในวันที่ ๒๐-๒๘ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๔๙ พระพรหมมงคล วิ. (หลวงปู่ทอง สิริมงฺคโล) เมื่อครั้งยังดำรงสมณศักดิ์ พระพรหมมังคลาจารย์ได้ร่วมกันสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เป็นประธานเปิดศูนย์วิปัสสนา NEWMAN ASSOCIATION – Buddhist Vipassana Meditation Center เมืองเทเลวีฟ ประเทศอิสราเอล โดยศูนย์วิปัสสนาแห่งนี้มีพระครูภาวนาพิธาน (ออฟเฟอร์) พระวิปัสสนาจารย์ที่ได้ผ่านการอบรมพระวิปัสสนาจารย์ จากพระธาตุศรีจอมทอง เป็นเจ้าสำนัก

พระพรหมมงคล วิ. (หลวงปู่ทอง สิริมงฺคโล) อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธาตุศรีจอมทอง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ท่านเป็นที่เคารพสักการะอย่างสูงของพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ท่านเป็นพระเถระที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ และได้วางแนวทางการการปฏิบัติสมาธิของวัดพระธาตุศรีจอมทอง โดยปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐาน ๔ ตามพระไตรปิฎก ได้แก่ กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน เวทนาสุปัสสนาสติปัฏฐาน จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน และ ธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐาน จนช่วยให้ผู้มาปฏิบัติได้รับความสงบเย็นภายในใจสามารถแก้ทุกข์ได้ด้วยตนเอง

(ส่วนหนึ่งจาก หนังสือ “สิริมงคลมหาเถร (หลวงปู่ทอง สิริมงฺคโล)” และ ส่วนหนึ่งจาก “รายงานผลการศึกษา การเสนอให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสมาธิโลก และเสนอสมัชชาสหประชาชาติให้ประกาศวันวิสาขบูชาเป็นวันสมาธิโลก” โดย อนุกรรมาธิการด้านศาสนา ในคณะกรรมาธิการการการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว สภานิติบัญญัติแห่งชาติ

 พระมหาอมร  มหาลาโภ  ผู้เขียน ขอขอบคุณ ภาพจาก วัดร่ำเปิง(ตโปทาราม) จังหวัดเชียงใหม่
พระมหาอมร มหาลาโภ ผู้เขียน ขอขอบคุณ ภาพจาก วัดร่ำเปิง(ตโปทาราม) จังหวัดเชียงใหม่

“หลวงปู่ทอง สิริมงฺคโล”

พระเถระผู้เลิศในด้านวิปัสสนากรรมฐาน

ทุกปีในช่วงวันเกิดหลวงปู่  ลูกศิษย์ทุกท่านก็เดินทางมาคารวะ  แสดงมุทิตาจิตต่อท่านตลอดทุกปี   

   การเตรียมงานในการทำบุญอายุวัฒนมงคลของท่านในทุกปี ก่อนจะจัดให้มีการทำบุญถวายไทยธรรมแก่พระภิกษุสงฆ์ประมาณ ๓ วัน คือระหว่างวันที่ ๒๐- ๒๒ กันยายน ของทุกปี  พระภิกษุสงฆ์จากทั่วประเทศที่ได้รับนิมนต์มาสวดเจริญพุทธมนต์แด่หลวงปู่ จำนวนหลายร้อยรูป ที่มาในงานแต่ละวัน ต่างก็มาด้วยความเลื่อมใสศรัทธาในตัวท่านและปฏิปทาของท่านเป็นอย่างมาก  ในการเตรียมพื้นที่การจัดงาน และพิธีกรรมด้านต่าง ๆ ต้องมีการประชุมการวางแผนงานเป็นอย่างดี เพื่อที่จะให้งานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี         

   เหล่าพระภิกษุและสามเณรในวัดและวัดที่เป็นสาขา  ต่างก็เดินทางมาช่วยจัดเตรียมงานด้วยความตั้งใจ ก่อนงานเริ่มประมาณ ­๕­-๗ วัน ทั้งแผนกสถานที่ แผนกของที่ระลึก แผนกไทยธรรม  หรือแผนกอื่นๆ ทุกคนทำงานกันด้วยความตั้งใจ โดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย แม้ว่าจะติดปัญหาและอุปสรรคบ้าง  แต่ก็ช่วยกันทำหน้าที่อย่างเต็มที่

สามเณรอนันตชัย  งามฉลาด เปรียญธรรม ๕ ประโยค อายุ  ๑๗ ปี ประธานสามเณรที่วัดกล่าวถึงความรู้สึกที่มีต่อหลวงปู่ว่า   ตนเองเป็นชาวสุรินทร์ บวชตอนอายุ ๑๒ และมีครูบาอาจารย์อยู่ที่นี่จึงเดินทางมาศึกษาพระบาลี และนักธรรม รู้สึกภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่ฝ่ายปฏิคมในการต้อนรับพระเถระผู้ใหญ่ที่มาร่วมในงาน ตั้งแต่นิมนต์พระที่มาร่วมงานให้ไปลงทะเบียน  พาไปนั่งพัก  และพาไปยังสถานที่เจริญพุทธมนต์

“แม้ว่าช่วงแรกของวันจัดงานอาจมีความวุ่นวายและปัญหาบ้าง แต่ก็นึกถึงคำสอนของหลวงปู่ที่ได้เคยฟังในวันพระ ทำให้ได้ใช้สติและสมาธิ ในการทำงานให้ถูกต้องและรักษากำลังใจให้มั่นคง และทุกอย่างก็ดำเนินไปได้ด้วยดี”

พระบุรินทร์ ชิตงฺกโร  อายุ ๒๔ ปีพระนวกะวัดร่ำเปิง (ตโปทาราม)  จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงความรู้สึกว่า  ตอนแรกตนเองตั้งใจบวชแค่ ๑๕ วัน แต่พอได้ปฏิบัติธรรมแล้วรู้สึกใจสงบและมีสติมากขึ้น เลยอยู่ต่อจนเข้าพรรษา หลังจากที่ได้ปฏิบัติธรรมจนจบคอร์ส ได้เรียนรู้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาเบื้องต้น

“เมื่อทางพระพี่เลี้ยงได้ประกาศเชิญชวนให้มาช่วยเตรียมงาน ก็ไม่ลังเลใจที่จะมาช่วยงาน เพราะตนเองก็มีความศรัทธาในหลวงปู่ และตั้งใจจะมากราบถวายสักการะหลวงปู่อยู่แล้ว ถือว่าเป็นโอกาสที่โชคดีที่สุดสำหรับครั้งหนึ่งที่ได้บวชและมีโอกาสมาช่วยงานหลวงปู่ในครั้งนี้ ซึ่งอาจจะเป็นครั้งเดียวที่ตนมีโอกาสได้มา ถ้าลาสิกขาหลังออกพรรษาไปแล้ว แล้วอาจต้องไปทำงานต่างจังหวัดก็คงไม่มีโอกาสดีๆ เช่นนี้อีก  การที่ได้มีโอกาสช่วยงานในแผนกไทยธรรม ที่ต้องจัดผ้าไตร  หนังสือธรรมะ ย่าม และของที่ระลึกถวายแก่พระที่มาสวดเจริญพุทธมนต์ จำนวนหลายร้อยรูปที่ว่าเป็นสิริมงคลอย่างยิ่ง                                

ขอขอบคุณ ภาพจาก วัดร่ำเปิง(ตโปทาราม) ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
ขอขอบคุณ ภาพจาก วัดร่ำเปิง(ตโปทาราม) ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

“ในตอนแรกก็ต้องเช็คจำนวนของที่มาส่งให้เท่าจำนวนที่สั่งไปจริง  และมีเพื่อน ๆ ที่เป็นพระนวกะจากวัดเดียวกันมาช่วยกัน จัดเรียง และส่งงานต่อให้โยมอุบาสิกาทำการผูกมัดริบบิ้น เพื่อความสวยงาม  ด้วยความที่ไม่เคยทำงานที่เป็นละเอียดอย่างนี้ ในช่วงแรกมีความรู้สึกเบื่อหน่ายในการทำงานบ้าง เพราะสิ่งของมีหลายอย่างและมีจำนวนเยอะ อีกทั้งต้องใช้เดินทางไปกลับจากวัดมาช่วยงาน ประมาณวันละ ๒ ชั่วโมงกว่า มาแต่เช้าและกลับตอนเย็น ตลอด ๗ วัน ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้า

“แต่เมื่อได้เห็นหลวงปู่ที่ท่านยังออกมาต้อนรับลูกศิษย์ทุกคนที่มาร่วมงานด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและไม่ได้แสดงอาการของความอ่อนเพลียให้คนได้เห็น จึงเกิดกำลังใจว่าขนาดหลวงปู่ท่านอายุมากขนาดนี้ยังมีกำลังใจที่เข้มแข็ง ตนเองก็ยังอายุ ๒๐ กว่า ๆ ร่างกายยังแข็งแรงไม่ควรทำให้ใจอ่อนแอที่ท้อแท้กับความเหน็ดเหนื่อยเพียงเท่านี้  และในวันที่ ๒๑ กันยายน ที่ผ่านมา ได้รับนิมนต์ให้เป็นพระใน ๑๒๐ รูปที่หลวงปู่จะใส่บาตรในวันคล้ายวันเกิด ยิ่งทำให้รู้สึกปลาบปลื้มใจเป็นอันมากที่ได้รับโอกาสอันดีเช่นนี้ เลยทำให้มีกำลังในการทำงานมากกว่าเดิม”

สำหรับ ณรงค์  นาคคชสีห์ อายุ ๓๓ ปี ชาวพิษณุโลก โยคีชายผู้ปฏิบัติธรรม ได้กล่าวถึงความรู้สึกที่ได้มีโอกาสมาช่วยงานว่า ตนเองได้มาปฏิบัติธรรมที่วัดร่ำเปิง (ตโปทาราม) ได้ประมาณ ๒๐ วันแล้ว มีความเลื่อมใสที่อยากจะอุปสมบทในพระพุทธศาสนา

“ในตอนแรกก็รู้สึกกังวลเพราะว่าทางบ้านก็ไม่ค่อยมีฐานะดี และต้องมีค่าใช้จ่ายในในการบวชหลายอย่าง  โชคดีที่มีพี่ที่เขาปฏิบัติธรรมร่วมกันได้เห็นถึงความตั้งใจของตนเอง เลยได้ขอเป็นเจ้าภาพให้กับตนเอง มีความรู้สึกดีใจมาก”

และในที่สุดการอุปสมบทของณรงค์ก็ผ่านไปด้วยดีในวันอาทิตย์ที่ ๓๐ กันยายนที่ผ่านมา  เขาเล่าความรู้สึกที่ได้มาร่วมงานหลวงปู่ต่อมาว่า ตอนนั้น (ก่อนบวช) คิดว่าเป็นโอกาสอันดีที่ได้มากราบหลวงปู่เพื่อเป็นสิริมงคลก่อนที่ตนเองจะอุปสมบท และตั้งใจมาช่วยงานอย่างเต็มที่  ได้เห็นถึงความสามัคคีของพระ เณร และ ลูกศิษย์ที่มาช่วยงานทุกคน ที่จัดงานด้วยพลังศรัทธายิ่งทำให้รู้สึกศรัทธาหลวงปู่มากยิ่งขึ้น

“แม้ว่าในวันสุดท้ายหลังการจัดงานที่หลวงปู่ออกมาให้พรกับลูกศิษย์ที่มาช่วยงาน ตนเองไม่มีโอกาสได้กราบหลวงปู่อย่างใกล้ชิด แต่ก็รู้สึกภาคภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งของการช่วยจัดงานในคราวนี้และจะตั้งใจบวชและปฏิบัติธรรมให้ดีที่สุด”

ในช่วงของการเตรียมงานที่ผ่านมา กลางวันแดดร้อนมาก และช่วงใกล้เวลาวันงานจริงก็มีพายุฝนเข้ามาทำให้เกิดอุปสรรคในการจัดเตรียมงานของแผนกต่าง ๆ แต่ทุกคนก็พร้อมที่จะอยู่เคียงข้างและร่วมแรงร่วมใจสามัคคีให้เป็นพลังอันเดียวกัน โดยมีความตั้งใจที่แน่วแน่ในการทำเป็นถวายเป็นอาจาริยบูชาแด่หลวงปู่ท่าน หยาดเหงื่อบนใบหน้าและชุ่มเต็มกลางหลังในวันที่ร้อนจัด หรือ สายฝนที่ตกที่กระหน่ำลงมาจนเปียกปอนจนหนาวสั่น  ก็ไม่อาจทำความตั้งใจอันแน่วแน่ที่ลูกศิษย์ทุกคนมีต่อหลวงปู่  ด้วยความรักและเคารพอันหาที่สุดมิได้ให้ลดถอยไปกับสิ่งต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคภายนอกที่เป็นเครื่องทดสอบกำลังศรัทธาที่มีต่อหลวงปู่ให้ลดน้อยถอยลงไปได้เลย แต่ในทางกลับกัน สิ่งที่ได้รับกลับเป็นความภาคภูมิใจอันยิ่งใหญ่และความสมัครสมานสามัคคีที่เพิ่มขึ้นเกิดขึ้นกับลูกศิษย์ของหลวงปู่ทุกคน

ขอขอบคุณ ภาพจาก   วัดร่ำเปิง(ตโปทาราม) ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
ขอขอบคุณ ภาพจาก วัดร่ำเปิง(ตโปทาราม) ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

ล้อมกรอบ

เกี่ยวกับผู้เขียน

มหาลาโภ ภิกขุ  เป็นนามปากกาของ พระมหาอมร  มหาลาโภ
มหาลาโภ ภิกขุ เป็นนามปากกาของ พระมหาอมร มหาลาโภ

มหาลาโภ ภิกขุ  เป็นนามปากกาของ พระมหาอมร  มหาลาโภ  วัดร่ำเปิง(ตโปทาราม) ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เรียนจบการศึกษานักธรรมเอก เปรียญธรรม ๗ ประโยค, บริหารธุรกิจบัณฑิต (การจัดการธุรกิจ) มหาวิทยาลัยนเรศวร , พุทธศาสตรมหาบัณฑิต (รัฐประศาสนศาสตร์) มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และ ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต (บริหารการศึกษา) มหาวิทยาลัยนเรศวร

จุดที่ทำให้สนใจการเขียนก็คือเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๙ ได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการพระธรรมทูตรุ่นใหม่ก้าวไกลสู่อาเซียน ของพระอาจารย์มหาวุฒิชัย วชิรเมธี(ว.วชิรเมธี) ที่ไร่เชิญตะวัน จ.เชียงราย  ได้เรียนทักษะกระบวนการ ฟัง พูด อ่าน เขียน และได้แนวคิดจากท่านหลายด้านจนเป็นแรงบันดาลใจให้ เขียนงานเพื่อเผยแพร่ข้อคิด และคติธรรม เพื่อจะได้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตของพุทธศาสนิกชน

และได้เข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตร “พระนักเขียน” ซึ่งจัดโดย สถาบันพัฒนาพระวิทยากร สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ

จากนั้นด้วยความมุ่งมั่นในการเผยแผ่ธรรมะทุกช่องทาง จนก่อเกิด หนังสือสื่อธรรมหนึ่งเล่ม ชื่อว่า “บ่วงสัจธรรม” ซึ่งรวบรวมจากธรรมะดับทุกข์สั้นๆ ใน facebook /บ่วงชลธร

“บ่วงสัจธรรม” โดย มหาลาโภ ภิกขุ
“บ่วงสัจธรรม” โดย มหาลาโภ ภิกขุ
ปฏิปทา “หลวงปู่ทอง สิริมงฺคโล” ผู้เลิศในด้านวิปัสสนากรรมฐาน โดย มหาลาโภ ภิกขุ จากคอลัมน์ วิปัสสนาบนหน้าข่าว (หน้าธรรมวิจัย วันอังคารที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๑ แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐)
ปฏิปทา “หลวงปู่ทอง สิริมงฺคโล” ผู้เลิศในด้านวิปัสสนากรรมฐาน โดย มหาลาโภ ภิกขุ จากคอลัมน์ วิปัสสนาบนหน้าข่าว (หน้าธรรมวิจัย วันอังคารที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๑ แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐)
 พระมหาอมร  มหาลาโภ  ผู้เขียน ขอขอบคุณ ภาพจาก วัดร่ำเปิง(ตโปทาราม) จังหวัดเชียงใหม่
พระมหาอมร มหาลาโภ ผู้เขียน ขอขอบคุณ ภาพจาก วัดร่ำเปิง(ตโปทาราม) จังหวัดเชียงใหม่

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here