รักตนเองไม่ใช่เรื่องง่าย

เขียนโดย พระพิทยา ฐานิสสโร

ช่วงเข้าพรรษาฤดูหนาวที่วัดธรรมปาละ สวิตเซอร์แลนด์ เป็นช่วงที่มีหิมะอยู่ตลอดเกือบทั้งสามเดือน การเดินทางมาวัดค่อนข้างลำบาก แต่ก็ยังมีญาติโยมชาวไทยแวะเวียนมาทำบุญแม้อาจไม่เท่าช่วงฤดูอื่นๆ ที่สำคัญญาติโยมจำนวนไม่น้อยเข้าใจผิดว่าวัดปิดไม่อนุญาตให้มาทำบุญ เพราะพระท่านต้องการภาวนาในช่วงเวลาตามที่วัดประกาศไว้ในข่าวของวัดเท่านั้น

แท้จริงแล้วฆราวาสญาติโยมสามารถมาทำบุญได้ตามปรกติ แต่ทางวัดจะไม่รับผู้ที่จะมาขออยู่ปฏิบัติที่วัดช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือระยะสั้นในช่วงเข้าพรรษาฤดูหนาว ดังนั้นก็จะมีญาติโยมซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นชาวต่างชาติจะมาอยู่วัดอย่างน้อยเป็นเวลา ๒ อาทิตย์ ในพรรษานี้มีชายหนุ่ม ๒ คนขอมาอยู่ตลอด ๓ เดือน เพื่ออยู่ปฏิบัติภาวนาที่วัดและทำอาหารถวายพระในทุกวันที่ไม่มีญาติโยมมาถวายภัตตาหารเพล

ช่วงสองอาทิตย์แรก เป็นเวลาที่ไม่ง่ายสำหรับชายหนุ่ม ๒ คน ที่ต้องทำอาหารเกือบทุกวันเพื่อทุกคน รวมประมาณ ๑๐ ชีวิต เพราะทั้งสองไม่ถนัดที่จะทำอาหารนัก และคงไม่ได้เตรียมใจ ไม่ได้คิดว่าในช่วงแรกจะมีแค่ ๒ คนเท่านั้นที่เป็นตัวหลักในการทำอาหาร เพียงแค่คิดว่าจะทำอาหารอะไรในวันพรุ่งนี้ก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว ไหนจะต้องนั่งสมาธิ ๓ ช่วง เช้า บ่าย เย็น อย่างน้อย ๔๕ นาทีในแต่ละช่วงทุกวัน บรรยากาศส่วนใหญ่ครึ้มๆ มืดๆ เงียบสนิทในช่วงฤดูหนาวนี้ ไม่ได้ติดต่อสื่อสารภายนอก

ชายหนุ่มคนแรกอยู่ได้เพียงสองอาทิตย์ต้องขออนุญาตกลับบ้าน ทั้งที่ตอนแรกแม้ทางวัดจะบอกว่าไม่ง่ายเลยที่จะอยู่ปฏิบัติ ๓ เดือน แต่เขาก็ยืนยันหนักแน่นว่าอยู่ได้และหลังจาก ๓ เดือนขอเป็นพ่อขาวเพื่อได้เป็นสามเณรต่อไป ส่วนอีกคนอยู่ปฏิบัติได้ ๑ เดือน ขอกลับเช่นกันด้วยเหตุผลที่ว่า มันหนักเกินไปสำหรับเขา แต่เขาทั้งสองก็ได้พยายามทำอย่างดีที่สุดแล้ว

ชีวิตที่ดำเนินไปตามความอยาก ความใคร่ ความหลง ตามกระแสแห่งสังคมที่เน้นการอุปโภค บริโภค เน้นความสะดวกสบายทางวัตถุ ด้วยเทคโนโลยี การสื่อสารที่รวดเร็วทันสมัย การดำเนินชีวิตเช่นนั้นเป็นวิถีชีวิตที่ทำลายความอดทน เข้มแข็ง มั่นคงของจิตใจและเหนื่อยอยู่ตลอดเวลาอย่างไม่ได้หยุด ทำให้จิตใจจะค่อยๆ อ่อนแอลง ตกเป็นทาสของความเพลิดเพลินกับการได้เสพทางประสาทสัมผัสทั้ง ๖ มากขึ้นจนยากที่หยุดเสพ เพราะเมื่อใดที่หยุดเสพ ความเหงา ความโดดเดี่ยว ว้าเหว่ ความหงุดหงิด ไม่พอใจ ความโกรธจะเข้ามาแทนที่ความสงบสุขที่จะอยู่โดยมิได้ทำอะไร นั่งเฉยๆ เป็นสิ่งที่ยากมาก ส่งผลให้อารมณ์ของเขาเหล่านั้น แปรปรวนได้ง่าย เร็ว ยากที่จะควบคุม

จิตใจของพวกเขาเหล่านั้นอาจมีความฉลาดในการคิดค้น แสวงหา จัดการกับเรื่องราวต่างๆ ที่ให้ได้มาซึ่งวัตถุ ทรัพย์สิน เงินทอง ตำแหน่ง ชื่อเสียง เกียรติยศ ให้เป็นไปตามเป้าหมายในสิ่งที่ต้องการได้มาครอบครอง ได้ทำตามใจตัวเอง และเมื่อทำได้สำเร็จก่อให้เกิดความมั่นใจในตนเองสูง ขาดซึ่งจิตใจที่เคารพ สำนึกบุญคุณ ซึ่งสิ่งมุ่งเน้นกระทำส่วนใหญ่เป็นเรื่องภายนอกหรือเรื่องของวัตถุ มากกว่าเรื่องภายในจิตใจ และให้ความสำคัญ วัดความสำเร็จกับเรื่องสมมติภายนอก มากกว่าคุณค่าของจิตใจ เป็นเหตุให้มีความสุขยาก ทั้งก่อน กำลัง และหลังการกระทำ เพราะมีความกดดัน คาดหวังทั้งต่อตัวเองและผู้อื่นเป็นปรกติ ถ้าทำสำเร็จก็สรรเสริญเยินยอ แต่ถ้าทำพลาดก็อาจซ้ำเติมถึงขนาดทำให้ไม่มีที่ยืนในสังคม หรืออาจไม่เป็นที่ยอมรับอีกต่อไป

เมื่อต้องทำหลายๆ อย่าง

ในเวลาเดียวกันอย่างเป็นปรกติ

จิตแห่งการตื่นรู้

จะค่อยๆ มลายหายไปแบบไม่รู้ตัว

พระพิทยา ฐานิสสโร

แต่หลายคนกลับมองว่า เก่ง ความสามารถสูง แท้จริงแล้วศักยภาพของจิตจะค่อยๆ เสื่อมมากขึ้น หาความสงบได้ยากมากยิ่งขึ้น เมื่อใดที่ภายนอกสงบจิตจะวุ่นมาก ไม่สามารถอยู่ได้อย่างปรกติ สิ่งที่ร้ายกว่านั้น จิตใจจะเกิดความโกรธ ความหงุดหงิด ไม่พอใจ ไม่สามารถทนสภาวะเช่นนั้นได้

บุคคลใดที่ปล่อยจิตใจส่งออกนอกไปกับสิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำวันเสมอ จะสามารถเป็นโรคซึมเศร้า ทำร้ายตัวเอง ฆ่าตัวตายได้ง่ายและปรากฎให้เห็นในทุกสังคมที่มีการแข่งขัน กดดัน เครียด มอมเมามากยิ่งขึ้น ที่เป็นเช่นนั้นเพราะจิตใจจะขาดความอดทน ไม่มีการไตร่ตรองใคร่ครวญ ขาดการยับยั้งชั่งใจ หวั่นไหวกับสิ่งเกิดขึ้นได้ง่าย และไม่สามารถหยุด ยอมรับความคิด สิ่งที่เกิดขึ้นที่ไม่เป็นไปดังความคาดหวัง จมดิ่งอยู่กับความทุกข์อย่างถอนตัวไม่ขึ้น

การที่มนุษย์พยายามฝึกฝน

จนเกิดความฉลาดทางความคิด

แต่ขาดปัญญาแห่งการปล่อยวาง

ไม่เข้าใจยอมรับความเป็นจริงแห่งธรรมชาติ

จะเป็นเหตุแห่งการเบียดเบียน

ทำลายล้างอย่างน่ากลัว

และไม่มีที่สิ้นสุดทั้งแก่ตนเอง ผู้อื่นและสังคม

พระพิทยา ฐานิสสโร

เพราะยิ่งศึกษา เรียนรู้ คิดค้นมาก ยิ่งยึดติดในสิ่งที่รู้ จนกลายเป็นความสุดโต่งแห่งการถือตน อวดตน ความทุกข์จึงเกิดขึ้นได้ง่าย และแก้ไข ดับทุกข์อย่างไม่ตรงจุด ทุกข์จึงไม่สามารถดับได้จริง แต่กลับเป็นการเพิ่มความมัวเมา เพลิดเพลินมากกว่าเดิมอย่างไม่รู้ เพิ่มความอยาก ความกระหาย ความหิวโหยเพราะจิตใจที่พร่องมากยิ่งขึ้น

การกลับมาอยู่กับตัวเองอย่างเรียบง่าย ไม่กระตุ้นจิตใจให้เกิดความอยาก ความเพลิดเพลิน ความหลง และหยุดเสพสิ่งที่เคยคุ้นชิน มัวเมา ลุ่มหลง จึงไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าจิตใจของบุคคลเหล่านั้นยังอยาก หิวโหย มัวเมาอยู่มาก แม้มีความตั้งใจดีมากที่ข้ามผ่านความยากลำบากนั้น ความอดทน ความพากเพียร ความมีวินัย ความพึงพอใจที่จะละจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่สุด ไม่เช่นนั้น จิตใจที่ไม่มีความอิ่มเต็มในตัวเองจะพาผู้ปฏิบัตินั้น กลับไปสู่สิ่งที่เคยเสพติดคุ้นชิน และแพ้ภัยต่อความอยาก ความหลงในตัวเอง แต่ทุกชีวิตมีโอกาสเสมอ เมื่อพร้อมจะให้โอกาสตัวเอง

ถ้ายังเป็นทาสความอยาก ยังรักตัวเองไม่เป็น

ความอดทนเป็นรากฐานแห่งทุกความสำเร็จ

ความสำเร็จไม่ปรากฎในความยึดติด

บันทึก “บาตรเดียวท่องโลก” ตอน “รักตนเองไม่ใช่เรื่องง่าย ” เขียนโดย พระพิทยา ฐานิสสโร

ปัจจุบัน พระอาจารย์พิทยา ฐานิสสโร จำพรรษาอยู่ที่เกาะพะงัน โดยจะอดอาหารในวันที่ ๒-๔ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๔ เนื่องจากเป็นวันครบบวช ๒๓ พรรษา ท่านเมตตาให้พรมาว่า ขอให้สรรพชีวิตได้รับอานิสงส์แห่งบุญ กุศลทุกถ้วนหน้า ขอให้ทุกท่านมีความสุขสงบกับปัจจุบัน

“ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไร ไม่ส่งใจออกนอก ย่อมไม่ทุกข์”

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here