“หัวใจไร้สารพิษ” บทแรกของหนังสือที่ถูกลืม

โดย พระมหาธนเดช ธมฺมปญฺโญ

ถ้านับตามเวลาที่บอกไว้ในหนังสือที่เต็มไปด้วยฝุ่นในมือ นี่เป็นปีที่ ๑๑ แล้ว ที่คณะของเราเดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และพุทธศาสนิกชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ สิบเอ็ดปีเป็นเวลานานเหมือนกัน นานจนเราลืม

ลืมเหมือนหนังสือเล่มนี้

     ‎      หนังสือเล่มขนาดพอดีมือ ปกเป็นสีธงไตรรงค์ที่เป็นสัญลักษณ์แทนสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ และมีรูปแผนที่ประเทศไทยสีทองอร่าม เป็นแผ่นดินทอง ตัวหนังสือบนปกหน้าบอกเราว่า หนังสือเล่มนี้ชื่อ “ธรรมะเยียวยาใจ สายใยปลายด้ามขวาน” ชื่อเดียวกับโครงการที่นำพวกเรามาที่นี่

บทแรกของหนังสือที่ถูกลืม โดย พระมหาธนเดช ธมฺมปญฺโญ
บทแรกของหนังสือที่ถูกลืม โดย พระมหาธนเดช ธมฺมปญฺโญ

     ‎      หนังสือเล่มนี้เป็นบันทึกการนำส่งขวัญและกำลังใจของคณะสงฆ์ พระธรรมทูต และพระวิทยากร ถึงดินแดนใต้สุดของสยามประเทศ

ตามคำโปรยปกหลัง คณะของพวกเราเขียนขึ้นเพื่อบันทึกการทำงาน สิ่งที่เราประสบพบเจอ และเป็นสื่อกลางการสื่อสารระหว่างแนวหน้าที่อยู่ชายแดนกับแนวหลังผู้ส่งกำลังใจมาให้ เมื่อหนังสือถูกเปิดออกอีกครั้ง ความทรงจำมากมายกลับมา วันนี้หนังสือเล่มนี้จะถูกปัดฝุ่นและออกเดินทางอีกครั้ง

     ‎สถานที่แรกเป็นฐานปฏิบัติการเปาะเส็ง เราสื่อสารอยู่นานกว่าจะสามารถผ่านประตูที่ถูกเปิดจากบนหอสังเกตการณ์โดยมีรอกผ่อนแรงและสายที่ฝังไว้ใต้ดินต่อมาอีกที ซึ่งแตกต่างจากฐานอื่น ๆ เจ้าหน้าที่เล่าว่า เพื่อความปลอดภัย เราสามารถมองเห็นใครที่ผ่านเข้า-ออกได้จากมุมสูง ผู้บังคับหมวดพาเราไปนั่งอยู่ในที่รับรองเป็นเพิงถูกสร้างขึ้นอย่างง่ายๆ  มีพระพุทธรูปปางปรินิพพานประดิษฐานอยู่บนแท่นไม้

“ผมให้เจ้าหน้าที่ที่นี่ไหว้พระก่อนไปทำงานทุกวัน

ถ้าเราตาย เราก็ตายในหน้าที่ ไม่มีอะไรต้องเสียใจ

เพราะพระพุทธเจ้าก็ทรงเป็นแบบนั้น”

หลังจากนั้นชายร่างใหญ่ในชุดลายพรางก็หันไปบอกผู้ใต้บังคับบัญชาให้แต่งเครื่องแบบเต็มยศพร้อมอาวุธประจำตัวรวมพลมาต้อนรับคณะของเรา

     ‎”อาตมามาแบบไม่ได้เป็นทางการอะไร  แต่งแบบธรรมดาก็ได้”

     “ไม่ได้ครับ ต้องให้เกียรติน้ำใจที่เดินทางไกลมาเยี่ยมพวกเราที่นี่” ชายร่างใหญ่ยืนยันจริงจังทั้งด้วยน้ำเสียงและใบหน้า

     ‎คณะของเรายืนอยู่หลังโต๊ะที่เต็มไปด้วยข้าวสารอาหาร​แห้ง เครื่องอุปโภคบริโภคอันเป็นน้ำใจที่หลั่งไหลมาจากทั่วสารทิศ เบื้องหน้าเราเป็นทหารที่แต่งกายเต็มยศพร้อมอาวุธประจำกายยืนเรียงแถวอยู่กลางแดดร้อน สิ่งที่เราเห็นเบื้องหน้า เกียรติที่เราได้รับ หาได้เกิดขึ้นจากการมาของคณะเรา แต่เป็นความยิ่งใหญ่ของน้ำใจที่มอบให้แก่กันและกันต่างหาก

     ‎      เรามอบหนังสือธรรมะเยียวยาใจ สายใยปลายด้ามขวานไว้ประจำฐานปฏิบัติการ

ดีจังเลยครับที่หลวงพี่มาเยี่ยมพวกผมแบบนี้ ยิ่งเขียนเป็นหนังสือให้คนได้รู้ยิ่งดี ว่าพระก็ไม่ได้ทิ้งชาวบ้าน  ชายร่างใหญ่พูดในขณะที่เปิดดูหนังสือ

     ‎”ความจริงมาไม่ต้องมีอะไร

แค่มีน้ำใจคิดถึงพวกเราที่นี่ ก็ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว”

ชายร่างใหญ่บุคลิกขึงขังคนเดิมกล่าวกับพวกเรา แต่คราวนี้เสียงเขาสั่นเครือและมีน้ำคลอที่ดวงตา หลังจากพูดประโยคนี้จบ เขาก็หลบหน้าหายไป อาจเป็นเพราะไม่อยากให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเห็นน้ำตาก็ได้

ขณะที่รถของเรากำลังถอยออกมาจากประตู ก็เห็นชายร่างใหญ่คนเดิมวิ่งกระหืดกระหอบมา หลวงพี่ครับ อย่าเพิ่งไปครับ!” เขาวิ่งมาที่ข้างรถพร้อมยกกล้วยน้ำว้าสุกเหลืองขึ้นมาบอกว่า ขอถวายกล้วยปลอดสารพิษหวีนี้ ตอบแทนน้ำใจ ฝากขอบคุณทุกคนที่เกี่ยวข้อง และหวังว่าหลวงพี่จะกลับมาเยี่ยมพวกเราอีก”

แน่นอน เราจะกลับมาเยี่ยมที่นี่อีก หัวใจไร้สารพิษที่ตั้งใจทำหน้าที่อย่างน่าบูชาเช่นนี้ ถ้าเราไม่มาที่นี่ เราจะหาได้จากที่ไหน

     ‎เรา​ออกเดินทางต่อไปยังฐานปฏิบัติการลิดล ทหารแต่งกายเต็มยศพร้อมอาวุธประจำกายออกมาตั้งแถวต้อนรับเราอย่างรวดเร็ว เราเข้าใจว่าค่ายที่แล้วน่าจะสื่อสารมา จึงมีทหารมาเปิดประตูรถให้ พร้อมทำความเคารพเราอย่างแข็งขัน

     ‎”ต้องต้อนรับกันขนาดนี้เลยเหรอโยม?” อาตมาถามด้วยความสงสัย

     ‎”ผมนึกว่ารถนายครับ” ทหารนายหนึ่งพูด แล้วทั้งแถวก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกัน ความร่าเริงในเครื่องแบบอันเข้มขรึมเช่นนี้เป็นภาพน่ารักที่เราไม่ค่อยได้เห็น

     ‎ทุกอย่างถูกจัดแจงอย่างรวดเร็ว เพราะเราเกรงว่าจะไปรบกวนการเตรียมตัวเพื่อต้อนรับผู้บังคับบัญชาของฐานปฏิบัติการ หนังสือและเครื่องอุปโภคบริโภคถูกส่งมอบถึงมือเจ้าหน้าที่ แต่เราก็เร็วไม่พอ มีรถคันหนึ่งวิ่งเข้ามา เหตุการณ์แบบเดิมที่เราเห็นตอนลงรถเกิดขึ้นอีกครั้ง แต่รอบนี้ดูจริงจังและเป็นทางการกว่าเดิม “ฝากเรียนนายด้วยนะ ผมคุยกับหลวงพี่อยู่” ผู้บังคับหมวดสั่งทหารที่รีบวิ่งไปตั้งแถว “โยมไปต้อนรับผู้บังคับบัญชาเถอะ” อาตมาบอก
“กับนายผมเจอกันประจำ แต่นาน ๆ จะมีพระมาเยี่ยม” แล้วเราก็ได้คุยกันต่อ พอรู้ว่าอาตมามาจากวัดสระเกศ

เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถระ) กับ พระศรีคุณาภรณ์
เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถระ) กับ พระศรีคุณาภรณ์


ทหารนายหนึ่งก็เล่าว่า เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถระ) อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศ เคยมาเยี่ยมค่ายทหารแบบนี้ เมื่อครั้งประจำการอยู่ที่จังหวัดตรัง ท่านก็ให้กำลังใจ บอกว่าจะมาเยี่ยมอีก วันนี้หลวงพ่อสมเด็จมรณภาพแล้ว ก็ยังส่งพระมาเยี่ยมถึงที่นี่

           “มีอะไรจำเป็นที่กำลังเจ้าหน้าที่ต้องการไหม? อาตมาจะได้สื่อสารต่อไปยังสาธุชนที่เขาอยากทำบุญ” อาตมาถามก่อนกลับ “อยากได้อุปกรณ์อะไรก็ได้ครับ พอได้ออกกำลังกาย ส่วนกำลังใจพวกผมตอนนี้แข็งแรงดีอยู่แล้ว”
แววตามุ่งมั่นบนใบหน้าเปื้อนยิ้ม มือที่ถือหนังสือธรรมะเยียวยาใจ สายใยปลายด้ามขวานอยู่ บอกเราว่านี่ไม่ใช่คำพูดที่เกินไปจากความจริงเลย

           ในขณะที่รถกำลังแล่นออกมาจากฐานปฏิบัติการ อาตมาเปิดอ่านหนังสือที่ถูกลืมไปอีกครั้ง

“…การมาของเราเป็นการนำน้ำคือธรรมะ มารดดอกไม้ ดอกไม้แห่งความดีงามในใจผู้คน ให้ผลิบานท่ามกลางกระสุนปืนและควันระเบิด มาให้เห็นจริง ๆ ว่าที่นี่ไม่มีคนภาคใต้ ไม่มีคนภาคไหน มีแต่คนไทยที่มีความเชื่อ ความหวังตรงกันว่า วันหนึ่งไฟที่กำลังไหม้ด้ามขวานของไทยจะดับมอด” ประโยคสุดท้ายในบทแรกของหนังสือที่ถูกลืมบอกไว้เช่นนั้น

           แต่สิ่งที่จะไม่มีวันถูกลืม คือปณิธานอันแน่วแน่ อันสืบมาแต่เจ้าประคุณสมเด็จฯ ซึ่งจะได้รับการสืบต่อ ให้ผลิดอกออกผล เป็นบันทึกเรื่องราวบทต่อไป อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

“หัวใจไร้สารพิษ” บทแรกของหนังสือที่ถูกลืม โดย พระมหาธนเดช ธมฺมปญฺโญ

จากคอลัมน์ เย็นกายสุขใจ (หน้าธรรมวิจัย นสพ.คมชัดลึก วันอังคารที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๑)

พระมหาธนเดช  ธมฺมปญฺโญ ผู้เขียน  ประธานกลุ่มใต้ร่มพุทธธรรม สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัะตริย์ วัดสระเกศ
พระมหาธนเดช-ธมฺมปญฺโญ ผู้เขียน ประธานกลุ่มใต้ร่มพุทธธรรม สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัะตริย์ วัดสระเกศ

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here