กระทงหลงทางกับคนหลงชีวิต

จาริกธรรมในอเมริกา ตอนที่ ๑๒

โดย พระครูสมุห์สุพัฒน์ อนาลโย

"กระทงหลงทางกับคนหลงชีวิต" จาริกธรรมในอเมริกา ตอนที่ ๑๒ โดย พระครูสมุห์สุพัฒน์ อนาลโย
“กระทงหลงทางกับคนหลงชีวิต” จาริกธรรมในอเมริกา ตอนที่ ๑๒ โดย พระครูสมุห์สุพัฒน์ อนาลโย

วันเพ็ญเดือน​ ๑๒​ น้ำนองเต็มตลิ่ง มีชายหญิงมาลอยกระทง​… 

แม้ผ่านไปแล้วเกือบเดือนในประเทศไทย กับเทศกาลลอยกระทง สำหรับในต่างประเทศ บางแห่งชาวไทยเพิ่งจัดงานนี้ผ่านไป ปีนี้ได้มีโอกาสมาปฏิบัติศาสนากิจในประเทศสหรัฐอเมริกา ​ทางวัดได้จัดงานลอยกระทงตามประเพณีไทยอันดีงดงามที่แฝงด้วยคติธรรมนำชีวิต​

ประเพณีแบบนี้ที่บรรพบุรุษไทยได้คิดพิจารณาใคร่ครวญด้วยจิตที่ดีงาม​  จึงได้จัดงานลอยกระทงขึ้นมา ​ “Loy​ krathong​ Festival” ขอสรรเสริญความคิดของบรรพบุรุษไทยที่ได้มอบมรดกอันมีคุณค่าทางด้านจิตใจไว้ให้ลูกหลานไทยที่รักเคารพคุณค่าประเพณีลอยกระทงควรเป็นอย่างยิ่งที่จะอนุรักษ์ไว้ให้รุ่นลูกหลานสืบสานเจตนารมณ์ของบรรพบุรุษไทยสืบต่อไป

คติธรรมที่ได้จากการลอยกระทง​ที่เห็นได้คือ​

  • บูชาคุณสักการะรอยพุทธบาทของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
  • บูชาขอขมาโทษพระแม่คงคา​ ที่มีพระคุณให้เราได้ใช้สอยกินดื่ม​ มีชีวิตรอดเจริญเติบโต​  ขอขมาโทษที่นำสิ่งปฏิกูลขยะมูลฝอยลงใส่แม่น้ำจนเน่าเสีย
  • ทำให้ผู้คนได้มีกิจกรรมทำร่วมกัน​ ปลูกสร้างมนุษยสัมพันธ์กัน​ หรือเป็นกัลยาณมิตรที่ดีต่อกัน​ เพื่อนกัน​ ฉันพี่น้องกัน​
  • ความกตัญญู​กตเวที​ รู้จักบุญคุณแล้วตอบแทนแม่น้ำ​ เป็นคุณธรรมของสัตบุรุษหรือคนดี
  • ​ความสามัคคี​กัน

สำหรับคำว่า “กระทงหลงทาง” เป็นคำพูด หรือเพลงที่หลายคนคุ้นเคยหูเป็นอย่างดี​ เราไม่รู้ว่าผู้ประพันธ์เพลงนั้นมีแนวความคิดอย่างไร​ 

แต่ที่แน่ๆ ผู้เขียนเองนี้​  คิดว่า​ กระทงอาจจะลอยในน้ำไปอย่างโดดเดี่ยวไม่ไปตามกระทงอันอื่น​  อาจจะไปตามทิศทางลมที่พัดผ่านมาที่ไม่เหมือนใคร​ ก็ล่องลอยตามสายลมจากเพื่อนไป​

กระทงหลงทางก็ต่างกับคนหลงชีวิต​

ในที่นี้หมายถึงคนที่หลงเพลิดเพลินสนุกสนานกับชีวิตไปวันๆ หนึ่ง​  จนหลงลืมว่าชีวิตนี้มันสั้นนิดเดียว​  หลงว่าตนเองยังเป็นเด็ก​ เป็นหนุ่มสาว ยังหนุ่มยังแน่นอยู่​  ยังไม่แก่จะตายได้อย่างไร​ ก็เลยใช้ชีวิตกับการท่องเที่ยวในราตรีแถมเครื่องดื่มที่ทำให้ปั่นทอนสติ​ปัญญาจนทำให้ผู้ใกล้ชิดเดือดร้อน และจมปักอยู่กับสิ่งเหล่านั้น จนแยกทางกันไม่ได้ดุจเดียวกับของคู่กันฉันพี่น้องขาดกันวันไหนจะตายให้ได้

ในขณะเดียวกัน ก็ตายจากความดี​ทั้งเป็น​  ตายขณะมีชีวิต​ เพราะชีวิตที่มีแต่สิ่งเสพติดเช่น เครื่องดื่มเปลี่ยนนิสัย จากคนที่ไม่เคยพูดก็อาจจะเป็นคนพูดมากขึ้น​  ​จากคนไม่กล้าแสดงออกกลับกล้าแสดงออกในทางที่ผิด​  

ถ้าออกจากมันได้ก็จะได้ชีวิตใหม่กลับคืนมา​ สร้างความดีทางใจ​​ ทางวาจา ​ทางกาย  เพราะตราบใดเรายังมีลมหายใจก็ยังมีโอกาสทำความดีทางใจ​ คิดดี​  ทางวาจา​ พูดดีถูกต้อง​ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนทั้งกายและใจ​  ก็ทำให้เราสามารถทำประโยชน์ให้กับตนเองและช่วยเหลือผู้อื่นได้มากมายทั้งทางกาย วาจา และใจ​ ที่คิดดี ทำดี และพูดดี

หากมีโอกาสก็ไปตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ครูบาอาจารย์​ และสร้างบุญบารมีของตนในการปฏิบัติธรรมเจริญสติสัมปชัญญะ​ สิ่งเหล่านี้ไม่มีใครทำแทนได้นอกจากตนเองเท่านั้น​

รู้ได้ก็เฉพาะตน เปรียบดั่งการกินข้าว รู้รสชาติ และการอิ่มข้าว​เป็นอย่างไร​  เราก็รู้ได้เฉพาะตนเท่านั้น​ คนอื่นจะรู้แทนเราไม่ได้​  การปฏิบัติธรรมก็เช่นเดียวกัน

สุดท้าย​ กระทงจะหลงทางไปเพราะลมพัดหรือปัจจัยอื่นก็ตาม​ แต่คติธรรมที่แฝงซ่อนอยู่ในการลอยกระทงเป็นสาระสำคัญต้องมองลึกกว่าที่ตาเรามองเห็น มองให้เป็นโทษก็เป็นโทษ​  เพราะใจคนนั้นให้ความสำคัญโทษมากว่าคุณค่าแห่งความดี

ส่วนคนที่หลงชีวิต​เพลิดเพลินกับชีวิตมากเกินไปก็เท่ากับเราตายทั้งเป็น ตายจากความดี​  เราฝืนความหลงแล้ว มาฟื้นกับชีวิตใหม่ด้วยสติมีความรู้สึกตัว​ สร้างความดีปรับเปลี่ยนชีวิตให้คิดใหม่ก็เป็นคนใหม่​ คิดแบบเก่าก็เป็นแบบเก่า​ย่ำอยู่กับที่  แต่ก็ต้องอยู่ในทำนองคลองธรรมด้วย

“กระทงหลงทางกับคนหลงชีวิต” จาริกธรรมในอเมริกา ตอนที่ ๑๒ โดย พระครูสมุห์สุพัฒน์ อนาลโย จากคอลัมน์ ธรรมลิขิต (หน้าธรรมวิจัย นสพ.คมชัดลึก วันอังคารที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๒)

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here