![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/03/IMG_6203.png)
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/03/IMG_6218.png)
“ปาฏิหาริย์พระบรมสารีริกธาตุ ณ บรมบรรพต (ภูเขาทอง) วัดสระเกศ ” ภาพยนตร์การ์ตูนอิงประวัติศาสตร์ ถ่ายทอดความเป็นมาของ พระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งได้อัญเชิญมาจากประเทศอินเดีย ในสมัยรัชกาลที่ ๕ พร้อมทั้งประวัติ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร จุดเริ่มต้นแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยผ่านตัวการ์ตูน สอดแทรกสาระ ความรู้ ความสนุกสนาน และสัมผัสกับ ปาฏิหาริย์ ของพระบรมสารีริกธาตุ ที่ประดิษฐาน ณ บรมบรรพต (ภูเขาทอง) จนเป็นที่น่าอัศจรรย์ใจแก่ผู้พบเห็น และเป็นที่เคารพสักการะ ของปวงชนชาวไทย และชาวพุทธทั่วโลกมาจนถึงทุกวันนี้ จัดทำโดย สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ
๑๒๒ ปี แห่งการเดินทางของพระบรมสารีริกธาตุ
จากกรุงกบิลพัสดุ์ สู่สยามประเทศ
จากภาพยนต์การ์ตูนอิงประวัติศาสตร์
เรื่อง “ปาฏิหาริย์พระบรมสารีริกธาตุ
ณ บรมบรรพต (ภูเขาทอง) วัดสระเกศ ”
ตอนที่ ๓
“การเดินทางผ่านโรคระบาดในปีพ.ศ.๒๔๔๑”
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/03/IMG_649911.png)
ความเดิมตอนที่แล้ว หลังจาก พระยาสุขุมนัยวินิต (ปั้น สุขุม) รับมอบพระบรมสารีริกธาตุจากรัฐบาลอังกฤษในประเทศอินเดียแล้ว ก็ออกเดินทางเรือ ในระหว่างการเดินทางนั้นเอง ก็เกิดพายุไต้ฝุ่นลูกใหญ่มาข้างหน้าอย่างรุนแรง จนกับตันเรือคิดว่าคงจะไม่รอดแน่ๆ แต่พระยาสุขุมนัยวินิตก็บอกว่า อย่าเพิ่งหมดหวัง
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/03/IMG_6273-11.png)
ในเวลาวิกฤตินั้นเอง พระยาสุขุมนัยวินิต กราบนมัสการพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมา ตั้งอธิษฐานจิตว่า
ขอให้องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า คุ้มครองเหล่าลูกช้างในการเดินทางครั้งนี้ด้วยเทอญ
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/03/IMG_6509-111.png)
เพื่อที่ลูกช้างจะได้นำพระบรมสารีริกธาตุ ไปประทับที่กรุงสยาม ให้เป็นที่สักการะของชาวพุทธโดยทั่วกัน
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/04/IMG_65132.png)
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/04/IMG_651222-1.png)
หลังจากกล่าวคำอธิษฐานจบลงก็เกิดแสงสว่างโชติช่วงจากพระบรมสารีริกธาตุ จากนั้นพายุไต้ฝุ่นก็สงบลง
ทุกคนที่อยู่ในเรือต่างอัศจรรย์ใจว่าเกิดอะไรขึ้น
พระยาสุขุมนัยวินิตก็อุทานว่า ปาฏิหาริย์แท้
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/03/IMG_650022.png)
ครั้นมาถึงเกาะหมาก เขาก็ไม่อนุญาตให้เรือขึ้นฝั่งได้ เพราะมีข่าวว่า ทางอินเดียมีโรคระบาด คือ กาฬโรค* ต้องขอให้ทุกคนรออยู่ในเรือ เพื่อตรวจดูว่า มีเชื้อโรคระบาดหรือไม่ เป็นเวลาสามวัน พระยาสุขุมนัยวินติจึงตัดสินใจย้ายคณะไปลงเรือหลวงดำรงรัตน์ แล้วไปขึ้นฝัางที่ตรังแทน
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/04/IMG_6754.png)
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/04/IMG_6755-1.png)
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/04/IMG_6756.png)
เมื่อได้ขึ้นฝั่งที่ตรังแล้ว ก็ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุขึ้นบุษบกแล้วอัญเชิญประดิษฐานที่พลับพลา เพื่อให้บรรดาภิกษุสามเณรตลอดจนพ่อค้า ข้าราชการ ประชาชน ที่มีถิ่นอาศัยในละแวกนั้นได้อาศัยสักการบูชาโดยทั่วกัน จากนั้น จึงได้จัดขบวนแห่ไปยังเมืองพัทลุง ต่อไปยังเมืองสงขลา เพื่อลงเรือมหาพิชัยเชษฐกลับมาที่ปากน้ำ จังหวัดสมุทรปราการ และได้มีการเฉลิมฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่ ที่บริเวณพระสมุทรเจดีย์ เป็นเวลา ๓ วัน ๓ คืน
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/04/IMG_6757-1024x577.png)
และที่พระสมุทรเจดีย์นี่เอง ก็เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
โปรดติดตามตอนต่อไป
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/04/431.jpg)
วันที่ ๒ มีนาคม พ.ศ.๒๔๔๑ (ร.ศ.๑๑๗) เวลาบ่าย ๕ โมง คณะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากสยามประเทศ ได้ออกเดินทางกลับถึงเมือตรัง ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุขึ้นบุษบกแห่ผ่านเมือง ตรัง พัทลุง สงขลา แต่ละเมืองที่ผ่านมามีประชาชนเข้าร่วมขบวนแห่พระบรมสารีริกธาตุ และสักการบูชา ด้วยดอกไม้ธูปเทียน แก้วแหวน เงินทองมากมาย แสดงให้เห็นถึงความเลื่อมใสศรัทธาของประชาชนในแต่ละเมืองได้เป็นอย่างดี จากนั้นได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุลงเรือหลวงต่อไปยังเมืองสมุทรปราการ
วันที่ ๑๕ มีนาคม พ.ศ.๒๔๔๑ (ร.ศ.๑๑๗) คณะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุถึงเมืองสมุทรปราการ รัชกาลที่ ๕ โปรดเกล้าฯ ให้นำพระบรมสารีริกธาตุไปประดิษฐานในพระวิหาร เกาะพระสมุทรเจดีย์ ทำการเฉลิมฉลองเป็นเวลา ๓ วัน ๓ คืน แล้วจัดขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ เดินทางมากรุงเทพมหานคร
พ.ศ.๒๔๔๒ (ร.ศ.๑๑๘ ) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประกอบพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่เจดีย์บรมบรรพต ภูเขาทอง วัดสระเกศ ในวันอาทิตย์ที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๔๒ (ร.ศ.๑๑๘) โดยกำหนดฤกษ์ตามวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
![ขอขอบคุณ ภาพนิทรรศการพระบรมสารีริกธาตุ จากสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/04/S__2850887-1024x377-1.jpg)
หมายเหตุ * ประมาณร้อยกว่าปีก่อน ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ราวพ.ศ.๒๔๓๗ เกิดการระบาด “กาฬโรค” ตามเมืองท่าของประเทศจีนและเกาะฮ่องกง เส้นทางการระบาดเคลื่อนตัวไปยังอินเดียแอฟริกา รัสเซีย ยุโรป สิงคโปร์ ไทย และออสเตรเลีย ซึ่งวิธีการที่ตรงไปตรงมาที่สุดในการป้องกันกาฬโรคระบาดเข้าสยามคือการบังคับให้เรือที่มาจากดินแดนเกิดกาฬโรคและใกล้เคียง ต้องจอดให้เจ้าหน้าที่ตรวจโรคทุกคนบนเรือเสียก่อนรัฐบาลจึงตั้งด่านตรวจโรคขึ้นที่ “เกาะไผ่” (ปัจจุบันอยู่ห่างจากเมืองพัทยาราว ๙ กิโลเมตร) โดยมีพระบำบัดสรรพโรค หรือ หมออะดัมสัน เป็นนายแพทย์ประจำด่าน
พระบำบัดสรรพโรคหรือหมอฮันส์ อะดัมสัน (Hans Adamsen) เป็นลูกครึ่งเดนมาร์ค-มอญ เกิดเมื่อ พ.ศ.๒๔๐๐ ที่อำเภอพระประแดง สมุทรปราการ ได้รับปริญญาแพทยศาสตร์บัณฑิต จากมหาวิทยาลัยเจฟเฟอร์สันสหรัฐอเมริกา ต่อมาได้เข้ารับราชการเป็นนายแพทย์ประจำด่านตรวจโรคที่เกาะไผ่ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๑ นับเป็นครั้งแรกที่มีการป้องกันโรคติดต่อ เช่น กาฬโรค จากต่างประเทศไม่ให้แพร่กระจายเข้าสู่ประเทศไทย และถือว่าเขาเป็นแพทย์ประจำด่านตรวจโรคคนแรกในประเทศไทย
ในเวลานั้น หมอฮันส์ ออกประกาศจัดการป้องกันกาฬโรคลงวันที่ ๗ เมษายน พ.ศ.๒๔๔๑ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ การบังคับเรือที่มาจากเกาะฮ่องกงให้จอดที่เกาะไผ่จนกว่าจะครบ ๙ วัน ต่อเมื่อมีการตรวจโรคทุกคนและออกใบรับรองว่าไม่มีใครเป็นกาฬโรค จึงจะอนุญาตให้เดินทางเข้ามากรุงเทพฯ และบังคับให้เรือจากเมืองท่าในประเทศจีนต้องจอดเพื่อตรวจโรคทุกคนบนเรือก่อนโดยที่กรณีหลังจะไม่มีการกักเรือไว้ ด่านตรวจโรคที่ “เกาะไผ่” ดำเนินงานไป ๒ ปี ก็ย้ายมาตั้งที่ฝั่งตรงข้ามกับสถานศุลกากรเมืองสมุทรปราการ แล้วจึงย้ายไปตั้งที่ “เกาะพระ”อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี (ปัจจุบันเป็นหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ ในความดูแลของฐานทัพเรือสัตหีบ) ด้วยเหตุผลเรื่องความคล่องตัวในการทำงาน โดยที่บทบาทขณะนั้น เป็นการตรวจเรือเฉพาะช่วงที่มีโรคระบาดเกิดขึ้น และเลิกตรวจเมื่อเหตุการณ์สงบลง
กว่าที่การระบาดของ “กาฬโรค” ครั้งนั้นจะหมดไป ต้องผ่านเวลามาหลายสิบปี โดยพบผู้ป่วยรายสุดท้ายที่จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๕ และจวบจนปัจจุบันก็ยังไม่พบอีกเลยการเกิดขึ้นของ “เกาะไผ่” นับเป็นจุดกำเนิดของด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศแห่งแรกของประเทศไทย ก่อนที่บทบาทของด่านฯ จะปรับตัวและเปลี่ยนแปลงอีกหลายครั้ง เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทของแต่ละยุคสมัย ที่การสัญจรข้ามประเทศมีรูปแบบหลากหลายกว่าในอดีต
หมายเหตุ * ขอขอบคุณ จากบทความเรื่อง “สมัยรัชกาลที่ ๕ สยามกักคนจีนบนเกาะร้าง ๙ วัน ป้องกัน ‘กาฬโรค’ ระบาดเข้าสู่สยาม ” ขอขอบคุณข้อมูลจาก สำนักข่าว Hfocus เจาะลึกระบบสุขภาพ www.hfocus.org เก็บความจาก ขวัญชาย ดำรงขวัญ. (๒๕๕๙).UNSEEN กรมควบคุมโรค เส้นทางประวัติศาสตร์และความทรงจำ. นนทบุรี: สถาบันวิจัย จัดการความรู้และมาตรฐานการควบคุมโรค กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. และ โกมาตร จึงเสถียรทรัพน์ บรรณาธิการ. ปกิณกคดี ๑๐๐ ปี การสาธารณสุขไทย. หอจดหมายเหตุสาธารณสุขแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข, พ.ศ. ๒๕๖๑
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/04/S__68935941-720x1024.jpg)
ต่อมาในช่วงปีพ.ศ.๒๔๖๒ หรือประมาณ ๑๐๐ ปีมาแล้ว สยามประเทศในขณะนั้นมีประชาชากรรวม ๙,๒๐๗,๓๕๕ คน เกิดมีโรคระบาดจากไข้หวัดใหญ่อีก โดยมีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ถึง ๒,๓๑๗,๖๖๒ คน และเสียชีวิตถึง ๘๐,๒๒๓ ราย
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/04/S__68935943.jpg)
โรคระบาดจากโควิด -๑๙ ในวันนี้ จึงไม่ใช่เรื่องใหม่ ที่เราชาวไทยและชาวโลกกำลังหาวิธีรับมือกับการระบาดอย่างรวดเร็วให้ชลอลง และจะระงับได้ในที่สุด ไม่ว่าช้าหรือเร็ว วิกฤตินี้ก็จะผ่านพ้นไป ขอเราร่วมแรงร่วมใจหยุดเดินทางด้านนอกแล้วย้อนกลับมาดูกายใจ มีธรรมเป็นเพื่อนคอยย้ำเตือนว่าความตายนั้นอยู่ทุกลมหายใจเข้าออกเลยทีเดียว
![ขอขอบคุณ ภาพถ่ายจาก พระมหาปฐมพงษ์ ญาณวํโส จริยธรรมแชนแนล สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/04/DJI_0040-1024x576.jpg)
หากเราระลึกถึงพลังใจจากที่ใดไม่ได้ ก็สามารถระลึกถึงพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นตัวแทนแห่งพระองค์ เข้าพึ่งพระรัตนตรัยเป็นที่ตั้ง รักษาศีล เจริญเมตตาภาวนา จนก่อเกิดสติ สมาธิ และปัญญาในการหาทางออกจากปัญหานี้และทุกปัญหาที่จะเกิดข้างเคียงจากผลกระทบของโรคระบาด ด้วยหนทางที่สร้างสรรค์ ร่วมแบ่งปันอาหาร พื้นที่ว่าง เครื่องอุปโภคบริโภคตามกำลัง ตลอดจนสร้างอาชีพที่สร้างสรรค์เพื่อช่วยคนตกทุกข์ได้ยากในช่วงนี้ให้มีงานทำอยู่กับบ้าน ฯลฯ ตามกำลังที่เราสามารถช่วยกันได้ ก็จะทำให้วิกฤตินี้เป็นโอกาสที่เราจะได้ฝึกกรรมฐานทุกอย่างในชีวิตจริงกระทั่งมรณานุสติที่เราพึงระลึกไว้ทุกลมหายใจเข้าออก เพราะถึงที่สุดแล้ว ชีวิตมีไว้ให้เราฝึกฝน สร้างคุณงามความดี ตลอดจนลด ละอุปกิเลสทั้งปวง และยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างด้วยใจที่ปล่อยวาง เข้าใจสรรพสิ่งล้วนอนิจจัง เป็นทุกข์ และมิใช่ตัวเราของเราสักอย่างเดียว และดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท ดังปัจฉิมโอวาทของพระพุทธองค์ก่อนจะปรินิพพานว่า
“วยธมฺมา สงฺขารา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ”
“สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจง (ยังประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่น) ให้ถึงพร้อม ด้วยความไม่ประมาทเถิด”
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/03/IMG_6198.png)