ช่วงนี้ประเทศเกาหลีใต้ กำลังเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง (Autumu) ฤดูนี้ถือเป็นฤดูที่สวยงาม เพราะนอกจากอากาศจะสดชื่น เย็นสบาย อุณภูมิอยู่ที่ประมาณ ๑๐-๒๐ องศาแล้ว หลายพื้นที่ใบไม้กำลังจะเปลี่ยนสีเป็นสีเหลือง สีแดงเต็มต้น หลายคนที่มาวัดเล่าให้ฟังว่า ปีนี้ใบไม้เปลี่ยนสีช้า ปกติในช่วงกลางเดือนตุลาคมใบไม้จะเปลี่ยนสีหมดแล้ว แต่ปีนี้ต้องรอช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ใบไม้ถึงจะเปลี่ยนสีทั้งหมด
เรามีความลับอะไรก่อนที่จะละโลกนี้
ขอแบ่งปันให้คนอื่นได้เรียนรู้บ้าง
โดย พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท วัดพุทธารามเกาหลี เมืองอันซัน ประเทศเกาหลีใต้
จากคอลัมน์ จาริกบ้าน จารึกธรรม (หน้าพระไตรสรณคมน์ นสพ. คมชัดลึก วันพฤหัสบดีที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๒)
ตามธรรมชาติใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนสีจากพื้นที่ที่มีอากาศหนาวปกคลุม ซึ่งก็คือทางภาคเหนือของประเทศเคลื่อนลงไปสู่ภาคใต้ ซึ่งระยะเวลาในการเปลี่ยนสีของใบไม้ ใช้เวลาไม่กี่สัปดาห์ในฤดูใบไม้ร่วง ในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ในฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้จะเริ่มหยุดผลิตอาหารและจะดึงเอาอาหารที่สร้างเก็บไว้เมื่อฤดูร้อนและฤดูใบไม้ผลิมาใช้แทน ส่วนตัวใบไม้เองจะเริ่มเปลี่ยนสีจากสีเขียวไปเป็นสีเหลืองหรือสีส้ม สีแดง จนกระทั่งค่อยๆ ร่วงจนเหลือแต่ลำต้นและกิ่ง
ธรรมชาติกำลังสอนให้มนุษย์เราได้เข้าใจถึงเรื่องความเปลี่ยนแปลง และการปรับตัวเพื่อความอยู่รอด พิจารณาให้เห็นถึงความจำเป็น ตามความเป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเครื่องนุ่งห่ม อาหาร ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค
ในทางพระพุทธศาสนาก็มีบทพิจารณาตังขะณิกะปัจจะเวกขะณะวิธี ซึ่งเป็นการพิจารณาให้เหมาะกับการใช้สอยปัจจัยสี่เหล่านี้ ซึ่งไม่ได้นำมากล่าว ใครใคร่จะศึกษาเพิ่มเติมก็สามารถศึกษาได้ที่หนังสือในทางพระพุทธศาสนาหรือตามสื่อออนไลน์
ผู้เขียนมาปฏิบัติศาสนกิจที่เกาหลีเป็นปีแรกยังไม่เคยได้สัมผัสบรรยากาศใบไม้เปลี่ยนสี ซึ่งบริเวณพื้นที่ใกล้ๆ วัดเริ่มมีใบไม้เปลี่ยนสีแล้ว สองสามวันก่อนมีญาติโยมมาปฏิบัติธรรมก็เลยได้พาไปบริเวณสวนสาธารณะใกล้วัด เดินจงกรม นั่งสมาธิ สนทนาธรรม ท่ามกลางบรรยากาศใบไม้เปลี่ยนสี
มีหลากหลายเรื่องราวที่น่าสนใจ ผู้เข้าปฏิบัติธรรมคนหนึ่งได้สนทนาพูดคุยถึงเรื่องการจากโลกนี้ไป ผู้เขียนก็เลยได้ยกเรื่องราวที่ได้เคยดูจากรายการเจาะใจ ซึ่งเป็นการพูดคุยกันระหว่างพิธีกร คือ คุณสัญญา คุณากร กับแขกรับเชิญ คือ คุณโหน่ง วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ ทั้งสองคุยกันถึงเรื่องราวความเป็นไปของชีวิต ซึ่งในช่วงสุดท้ายได้พูดถึงการละโลกนี้ไป และความลับของชีวิต
ผู้เขียนก็เลยอยากจะนำมาแบ่งปัน ถึงเรื่องการที่มนุษย์เกิดขึ้นมามีชีวิตอยู่ แล้วใช้ชีวิตจนถึงเวลาที่จะละต้องละโลกนี้ไป มีลักษณะที่พูดกันถึงคนอยู่สองประเภท
ประเภทแรก
คือ คนที่ยังมีเรื่องค้างอยู่ในใจ ยังเป็นปมชีวิต ยังทำไม่สำเร็จ ยังไม่พร้อมที่จะละโลกนี้ไป
กับอีกประเภทหนึ่งคือ
คนที่ละโลกนี้ไปแบบไม่มีอะไรติดค้างแล้ว ชีวิตนี้ได้ทำทุกอย่างที่อยากจะทำแล้ว อ่านมาถึงตรงนี้ ก็อยากจะให้เราได้ย้อนถามตัวเราเองว่า เราจะเป็นคนที่ละโลกนี้ไปแบบไหน
อีกประเด็นที่จะได้พูดถึง คือ ความลับของชีวิต
ความลับ ๕ ข้อ ที่คุณต้องค้นให้พบก่อนตาย ซึ่งคุณโหน่ง วงศ์ทนง ได้นำเนื้อหามาจากหนังสือของหนังสือ “The Five Secrets You Must Discover Before You Die” เขียนโดยดร.จอห์น โอไซ เขาเป็นนักคิด นักเขียนในเชิงจิตวิเคราะห์และการพัฒนา นักวิเคราะห์ศักยภาพ เป็นชาวอเมริกัน
เขาเกิดความคิดขึ้นว่า ทำไมคนจำนวนมากถึงไม่ได้คิดเรื่องความตายกัน แล้วก็มันจะดีกว่านี้ไหมที่เราสามารถได้ล่วงรู้สึกที่เป็นความลับก่อนที่เราจะลาจากโลกนี้ไป คงจะดีมากที่มีคนผ่านชีวิตมาประมาณหนึ่งแล้ว มาบอกถึงเรื่องปัญญาญาณที่สำคัญสำหรับชีวิตให้เราฟัง
วิธีการของเราก็คือให้เสนอชื่อคนแก่ผ่านประสบการณ์ชีวิตมาแต่ละด้าน แล้วสุดท้ายก็มาคัดเหลือแค่ ๒๓๕ คน แล้วก็ไปนั่งคุยกับคนเหล่านี้คนละ ๑-๓ ชั่วโมง ถ่ายทอดเป็นรายการทีวีและมาเป็นหนังสือเล่มนี้ ที่จะบอกว่า ความลับ ๕ ข้อ ที่คุณต้องค้นให้พบก่อนตาย คืออะไร
ความลับข้อที่ ๑ ซื่อสัตว์กับตนเอง
คนจำนวนมากไม่ได้ถามตัวเองอย่างแท้จริงว่า เราเป็นใคร เราควรจะทำอย่างไร เราเกิดมาเพื่อที่จะทำอะไร เราควรจะวางตำแหน่งตัวเองไว้ตรงไหน เพื่อที่เราจะทำสิ่งที่เป็นความสุข ความใช่ที่แท้จริงของชีวิตเรา
ความลับข้อที่ ๒ อย่าปล่อยให้เสียดาย
ซึ่งคนจำนวนมาก พอผ่านชีวิตไประยะหนึ่งแล้ว รู้สึกเสียดายจังเลยที่ไม่ได้อันนี้ตอนนั้น เสียดายจังที่ไม่ได้เลือกคนนี้ตอนนั้น คำแนะนำสำหรับควบคู่กันสำหรับข้อนี้ ต้องใช้ชีวิตอย่างกล้าหาญ กล้าที่จะเลือก กล้าที่จะแลก กล้าที่จะตัดสินใจ
ความลับข้อที่ ๓ ให้ใช้ชีวิตด้วยความรัก
คนจำนวนมากมักจะให้ความสำคัญกับเรื่องวัตถุ ทั้งแท้จริงแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือคนรอบข้าง ความรักจะให้ทุกอย่างตามมา ความร่วมมือ ความมีทัศนคติที่ดี คนเดินมาถ้าเรารักเขาแล้ว เขาทำอะไรก็ดีไปหมด ถ้าเรารักทุกคน ทุกคนรักเรา ก็ยิ่งดีไปใหญ่ เขาขับรถมาไม่ดี เรารักเขาก็ให้อภัยเขา
ความลับข้อที่ ๔ อยู่กับปัจจุบัน
นึกถึงอดีตก็แก้ไม่ได้ นึกถึงอนาคตก็ยังมาไม่ถึง ก็ไปกลัวชะว่าจะเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ ก็เป็นทุกข์ คนจำนวนมากเป็นอย่างนั้น ทั้งๆ ที่สิ่งที่อยู่ในกำมือของเรา คือปัจจุบัน เราสามารถปฏิบัติกับมันอย่างไรก็ได้ ทำให้มันดีก็ได้ ทำให้มันร้ายก็ได้ ก็คือปัจจุบัน แต่เรามักจะไม่ทำ ผู้ถูกสัมภาษณ์ ๒๓๕ คนโดยส่วนใหญ่แนะนำให้อยู่กับปัจจุบัน
ความลับข้อที่ ๕ ให้มากกว่ารับ
เพราะสิ่งต่างๆ บนโลก ตั้งอยู่เดี่ยวๆ ไม่ได้ ทุกอย่างต้องเกื้อกูลกัน ลองสังเกตดู ตอนที่เรายังเล็กเราอยากได้เยอะ เราอยากได้โน่น อยากได้นี่มากมาย แต่พอเราผ่านชีวิตร้อนหนาวมาประมาณหนึ่ง เราจะเริ่มค้นพบแล้วว่า การให้นี้เป็นความสุขที่ยั่งยืนและก็จริงแท้กว่าที่เรารับ
เราสังเกตไหมว่า ทั้งหมด ๕ ข้อ ล้วนเป็นเรื่องเรารู้แล้ว แต่เราก็ชอบมองข้าม เราขาดการตระหนักถึงมันว่ามันสำคัญ เราอาจจะเคยพบคนจำนวนมากที่ไม่ชอบตัวเอง สิ่งที่ตัวเองเรียนอยู่ ไม่ชอบงานที่ตัวเองทำ แต่ก็ยอมจำนนทำอยู่เรื่อยๆ พอจนถึงวันหนึ่งแล้วก็มักจะบอกว่า ถ้ารู้อย่างนี้ เราจะทำอย่างนั้นอย่างนี้
วันนี้ก็เลยอยากจะเชิญชวนให้เราได้กลับมาทบทวนตัวเอง กลับมาถามใจตัวเอง มาตอบใจตัวเอง หาเวลาอยู่กับตัวเอง แล้วตอบคำถามว่า เรามีความลับอะไรก่อนที่เราจะละโลกนี้ มาแบ่งปันให้คนอื่นได้เรียนรู้บ้าง
เรามีความลับอะไรก่อนที่จะละโลกนี้ ขอแบ่งปันให้คนอื่นได้เรียนรู้บ้าง
โดย พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท วัดพุทธารามเกาหลี เมืองอันซัน ประเทศเกาหลีใต้
จากคอลัมน์ จาริกบ้าน จารึกธรรม (หน้าพระไตรสรณคมน์ นสพ.คมชัดลึก วันพฤหัสบดีที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๒)