ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เวลา ๑๖.๒๐ น. สมเด็จพระอริยวงคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรมในวันวิสาขบูชา ทรงแนะให้ชาวพุทธดำรงตนอยู่ในความไม่ประมาท
โดยทรงประทานพระคติธรรมอย่างเป็นทางการ สำหรับวันวิสาขบูชา ๑๘ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๒ ที่เพิ่งผ่านไปเมื่อวานนี้ ความว่า
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2019/05/ภาพจาก-สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช.jpg)
สมเด็จพระอริยวงคตญาณ สมเด็พระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทาน พระคติธรรม เนื่องในวันวิสาขบูชา วันเสาร์ที่ ๑๘ พ.ค. ๖๒ ความว่า
“ดิถีวิสาขบูชา อันเป็นวันคล้ายวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเป็นวันสำคัญสากลของโลก ได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่งแล้ว
พระโพธิสัตว์สิทธัตถราชกุมารเสด็จอุบัติขึ้นบนโลกนี้เมื่อกว่า ๒,๖๐๐ ปีก่อน ทรงถึงพร้อมด้วยพระชาติ มีพระกายลักษณะอย่างมหาบุรุษครบถ้วนเป็นอัศจรรย์ แต่ที่วิเศษยิ่งกว่านั้นคือพระคุณ ด้วยเหตุแห่งการตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ยังให้ทรงบริบูรณ์ด้วย ‘พระปัญญาคุณ’ สามารถชำระกิเลสเครื่องเศร้าหมองให้หมดสิ้นไปจากพระทัย บรรลุถึงความสะอาดผ่องใสที่เรียกว่า ‘พระบริสุทธิคุณ’ แล้วจากนั้นไม่นานก็ได้ทรงเผยแผ่พระธรรมสั่งสอนโลก ด้วยอำนาจแห่ง ‘พระมหากรุณาคุณ’ ครบถ้วนแห่งองค์คุณของความเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ตลอด ๔๕ พรรษาแห่งการบำเพ็ญพุทธกิจ
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีพระปัจฉิมวาจาก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพานว่า ‘วยธมฺมา สงฺขารา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ’ แปลความว่า ‘สังขารมีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด’ ดังนี้
ขอทุกท่านหันกลับมาพิจารณาสังขารธรรม หรือความปรุงแต่งในรูปและนาม ณ บัดนี้ แล้วจงฉุกคิดถามตนเองว่า ในขณะที่รูปและนามกำลังเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านได้อบรมเจริญปัญญา เป็นเสบียงแห่งอนาคตไว้มากน้อยเพียงไรแล้ว ท่านกำลังมีความประมาทในชีวิต เผลอคิดไปว่ายังเหลือเวลาอยู่อีกมากหรือไม่ ในเมื่ออันที่จริง ทุกคนไม่อาจทราบได้ว่าความตายจะมาถึงเมื่อไร
ชีวิตนี้สั้นนัก เพราะฉะนั้น ‘ความไม่ประมาท’ ณ ขณะปัจจุบัน จึงเป็นบทสรุปแห่งพระบรมพุทโธวาทที่สั้นที่สุด แต่มีความสำคัญสูงสุดสำหรับชาวพุทธทุกคน
ขอสาธุชนอย่าละเลยการบำเพ็ญทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา อันนับเป็น ‘ปฏิบัติบูชา’ ที่พึงกระทำต่อพระรัตนตรัย เพื่อความดำรงคงมั่นแห่งพระสัทธรรมของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นประทีปส่องใจเวไนยนิกรทั้งปวงสืบไปตลอดกาลนาน เทอญ
![ขอขอบคุณ ภาพจาก fb สำนักงาน เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2019/05/S__65175643.jpg)
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2019/05/60443047_2211753592468866_2962991881882959872_n.jpg)
ขอขอบคุณ ภาพจาก fb สำนักงาน เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช
Note : คำว่า “ไม่ประมาท” ยังเป็นหนึ่งในมงคล ๓๘ ประการ ข้อที่ ๒๑ ว่า
” ไม่ประมาทในธรรมทั้งหลาย”
ไม่ประมาทในธรรมทั้งหลายมีนัยสำคัญองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงโปรดชี้ทาง
สิ่งที่ไม่ควรประมาทได้แก่
๑. การประมาทในเวลา
คือการปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปโดยไม่ทำอะไรให้เกิดประโยชน์ หรือผลัดวันประกันพรุ่งเป็นต้น
๒. การประมาทในวัย
คือ คิดว่าอายุยังน้อย ไม่ต้องทำความเพียรก็ได้เพราะยังต้องมีชีวิตอยู่อีกนานเป็นต้น
๓. การประมาทในความไม่มีโรค
คือคิดว่าตัวเองแข็งแรงไม่ตายง่ายๆ ก็ปล่อยปละละเลยเป็นต้น
๔. การประมาทในชีวิต
คือการไม่กำหนดวางแผนถึงอนาคต คิดอยู่แต่ว่ายังมีชีวิตอยู่อีกนานเป็นต้น
๕. การประมาทในการงาน
คือไม่ขยันตั้งใจทำให้สำเร็จ ปล่อยตามเรื่องตามราว หรือปล่อยให้ดินพอกหางหมูเป็นต้น
๖. การประมาทในการศึกษา
คือการไม่คิดศึกษาเล่าเรียนในวัยที่ควรเรียน หรือขาดความเอาใจใส่ที่เพียงพอ
๗. การประมาทในการปฏิบัติธรรม
คือการไม่ปฏิบัติสมาธิภาวนา หรือศึกษาหลักธรรมให้ถ่องแท้ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัวเป็นต้น