วันนี้วันพระ
วันแม่แห่งชาติ
“พระพุทธองค์ตรัสว่า “การให้ธรรมทาน ชนะการให้ทุกอย่าง” การให้ธรรม คือ การบอกทางที่จะเดินไปสู่ความดี คุณพ่อ คุุณแม่ สอนลูกให้เป็นลูกที่ดี คือ การบอกทางที่จะเดินไปสู่ความดี คือ การให้ธรรมเป็นทาน นั่นเอง”
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) จากหนังสือ ธรรมะให้ลูกดี
วันศุกร์ที่ ๑๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๙
“ปูชา จ ปูชนียานํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ.
ขอนอบน้อมแด่ครู พระอุปัฌชาย์ อาจารย์
ผู้ให้ชีวิตในพระศาสนาของพระพุทธองค์ ด้วยเศียรเกล้าฯ”
สำหรับตอนนี้ผู้เขียนเล่าย้อนไปในช่วงที่เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) ได้เข้ามาทำหน้าที่เป็นเลขาธิการ หรือหัวหน้าคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ต่อเนื่องยาวนานถึง ๑๕ ปี (พ.ศ.๒๕๐๗-๒๕๒๑) ผ่านบันทึกของพระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) ปัจจุบัน สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์
วิถีแห่งผู้นำ
: สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถร)
๖๑. มหาจุฬาฯ สู่ยุคของเลขาธิการ
เรียบเรียงโดย พระครูอมรโฆสิต (ปรีชา สาเส็ง)
๖๑. มหาจุฬา สู่ยุคของเลขาธิการ
ท่านเจ้าคุณเลขาธิการ เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) เมื่อเป็นเลขาธิการมหาจุฬาฯ ครั้งดำรงสมณศักดิ์ พระราชวิสุทธิเมธี, พระเทพคุณาภรณ์, พระธรรมคุณาภรณ์ จนถึงพระพรหมคุณาภรณ์ ดํารงตำแหน่งเลขาธิการมหาจุฬาฯ ระหว่าง พ.ศ. ๒๕๐๗ – ๒๕๒๑
ก่อน พ.ศ. ๒๕๐๗ โดยเฉพาะตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ร้ายในปี พ.ศ. ๒๕๐๓ เป็นต้นมา ได้มีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงของตำแหน่งงานบริหารและตัวบุคคลผู้บริหารงานของมหาจุฬาฯ นับว่าบ่อยทีเดียว มีอธิการบดี หรือผู้รักษาการอธิการบดี เรียกตำแหน่งไม่ลงตัว มีรองอธิการบดีแล้วไม่มี มีสั่งการเลขาธิการหลายท่าน แล้วมีเลขาธิการในเวลาสั้นๆ และไม่เฉพาะตัวบุคคลเท่านั้นที่เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีกไม่แน่นอน แม้แต่ขอบเขตของงานในความรับผิดชอบก็อาจจะค่อนข้างสับสน
จนกระทั่งถึง พ.ศ. ๒๕๐๗ เมื่อยุติเรื่องตัวบุคคล โดยท่านเจ้าคุณเลขาธิการ เข้ารับงานประจําหน้าที่แล้ว ก็เป็นอันถึงจุดนิ่ง ลงตัว แล้วงานก็ต่อเนื่องสืบมา
ผู้เล่า (พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) ปัจจุบัน สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์) ไม่ได้ร่วมรู้ร่วมเห็นแจ้งชัดถึงสถานการณ์ในช่วงก่อนปี พ.ศ. ๒๕๐๗ เพราะตนเองได้รับการแต่งตั้งเข้ามาเป็นผู้ช่วยเลขาธิการ เมื่อเรื่องราวกําลังเข้าสู่จุดลงตัวในปี พ.ศ. ๒๕๐๗ นั้นแล้ว ก็ทํางานในระยะเวลาที่ตําแหน่งต่างๆ และตัวบุคคลทั้งหลายเข้าที่นิ่ง เข้าขบวนไปกับท่านเจ้าคุณเลขาธิการสืบมาแต่บัดนั้น
ได้บอกแล้วว่า ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเลขาธิการรูปที่ ๒ แบบฉับพลัน ไม่ทันได้รู้ตัวมาก่อน ณ วันที่ ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๗ นึกไม่ออกว่า ไม่รู้ความใดก่อนมีประกาศแต่งตั้งนั้นออกมา มีแต่ว่าก่อนนั้นไม่กี่วัน เมื่อ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๗ ได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าฝ่ายวิชาการ แผนกโรงเรียน พุทธศาสนาวันอาทิตย์
มีความจําเลาๆ เป็นภาพเลือนๆ ไม่แน่นักว่าจะจำถูกเวลาแน่ไหมว่า ก่อนมีการประกาศนั้นออกมา ๒ – ๓ – ๔ วัน ขณะอยู่ในห้อง ในกุฏิที่วัดพระพิเรนทร์ จู่ๆ พระอาจารย์เจ้าคุณพระราชวิสุทธิเมธี (สมเด็จเกี่ยว) และพระอาจารย์เจ้าคุณ พระกวีวรญาณ ก็เข้าไปเยี่ยมในห้องที่อยู่นั้น
น่าแปลกใจ ทําไมพระอาจารย์เปี่ยมเมตตามาเยี่ยมลูกศิษย์แบบไม่รู้ตัวถึงในกุฏิ ในห้องเล็กๆ ราว ๓.- ๓.๕ เมตร เข้าใจว่าท่านมางานศพที่ศาลาข้างนอก แล้วก็เลยถือโอกาสแวะเข้ามาดูว่าลูกศิษย์เป็นอย่างไร แล้วหลังจากนั้นไม่กี่วันที่มหาจุฬาฯ ก็มีประกาศแต่งตั้งพระมหาประยุทธ์ ปยุตฺโต เป็นผู้ช่วย เลขาธิการรูปที่ ๒ ดังได้เล่าข้างต้น
อีก ๔ วันจากนั้น คือ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๗ ท่านก็ให้ไปนั่งประจำที่โต๊ะทํางานของท่านเจ้าคุณพระกวีวรญาณ แล้ว ณ วันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๐๗ ท่านเองก็ลาออกจากตําแหน่งไป
ต่อแต่นั้น ในห้องสํานักงานเลขาธิการ ที่หน้ามุขชั้น ๒ ท้ายตึกด้านตะวันตก ก็เป็นที่ทํางานของผู้เล่า โดยมีท่านที่อยู่ด้วยกันตลอด ๙๐ ปี จนผู้เล่านี้ลาจากไปในปี พ.ศ.๒๕๑๗ คือ อาจารย์สมบูรณ์ (พระมหาสมบูรณ์ สมฺปุณฺโณ)
ส่วนท่านเจ้าคุณเลขาธิการอยู่ในห้องอธิการบดีที่หน้ามุขชั้นล่างท้ายอาคาร ด้านตะวันออก ท่านมาสม่ำเสมอโดยไม่ทิ้งช่วงยาว เพราะนอกจากงานในตําแหน่งหน้าที่แล้ว ก็ยังมีงานสอน งานจร และกิจนัดหมายพิเศษ แต่ท่านมาทุกวันไม่ได้ เพราะมีงานด้านอื่นหลายอย่าง โดยเฉพาะงานด้านการคณะสงฆ์ที่ว่าเป็นการดูแลวงล้อมรอบมหาจุฬาฯ รวมทั้งเรื่องของวัดสระเกศฯ ซึ่งเป็นพระอารามหลวงอันมีกิจการมากมายใหญ่โต แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่ให้พร่อง การสื่อสาร การบอกเล่า รายงาน และการปรึกษา ฯลฯ”
คําบอกเล่าซึ่งนํามาบันทึกไว้ส่วนหนึ่งจากหนังสือ “มหาจุฬาฯ งามสง่าสดชื่นกลางทะเลแห่งคลื่นลม” ซึ่งตัดตอนมาให้เห็นว่า ในช่วง ๑๐ ปีที่ พระมหาประยุทธ์ ปยุตฺโต กับเจ้าประคุณพระราชวิสุทธิเมธี (สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ)) ทําหน้าที่ในฐานะเลขาธิการและผู้ช่วยเลขาธิการร่วมกันมาอย่างใกล้ชิดยาวนานในมหาจุฬาฯ ถึง ๑๐ ปี ปริศนาธรรมอันลี้ลับนี้ สาธารณชนทั่วไปไม่มีใครทราบมาก่อนเลย
ความสัมพันธ์ในการทํางานร่วมกันเช่นนี้เอง ทําให้ได้แลเห็นการประสานความคิดของสองปราชญ์ เพื่อประกาศพุทธธรรมเคียงข้างกันและกัน ทั้งในมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย รวมทั้งการทําหน้าที่สําคัญในประวัติศาสตร์ เมื่อสามปราชญ์คือ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ พระเทพวรเมธี สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ พระธรรมคุณาภรณ์ และ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ พระศรีวิสุทธิโมลี มีโครงการเยี่ยมเยือนเพื่อนร่วมโลกในทวีปเอเชียและสหรัฐอเมริกา และทวีปยุโรปในฐานะผู้แทนจากประเทศไทย ประกอบด้วยนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิด้านศาสนา ดังรายงานการบันทึกของพระธรรมปิฎก หรือ พระมหาประยุทธ์ ปยุตฺโต (ปัจจุบัน สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์) ดังที่ได้เล่าไว้ในข้างต้น