![เมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๐ เวลา ๑๗.๓๐ น. พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) เลขานุการเจ้าคณะภาค ๑๐ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร ในขณะนั้น เมตตาอนุเคราะห์ เป็นประธานเปิดงานนิทรรศการและปาฐกถาธรรม ในหัวข้อพิเศษ เรื่อง "พระพุทธศาสนากับศิลปะไทย" ณ วิทยาลัยเพาะช่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ กรุงเทพฯ](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2019/11/IMG_4129.png)
พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) เลขานุการเจ้าคณะภาค ๑๐
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร ในขณะนั้น
เมตตาอนุเคราะห์ เป็นประธานเปิดงานนิทรรศการและปาฐกถาธรรม
ในหัวข้อพิเศษ เรื่อง “พระพุทธศาสนากับศิลปะไทย”
ณ วิทยาลัยเพาะช่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ กรุงเทพฯ
รำลึกวันวาน… มโนปณิธาน พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) ตอนที่ ๔๒ การใช้ชีวิตอย่างมีศิลปะ คือ มงคลแห่งชีวิต
โดย มนสิกุล โอวาทเภสัชช์
(หน้าธรรมวิจัย นสพ.คมชัดลึก วันอังคารที่ ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๒)
![เมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๐ เวลา ๑๗.๓๐ น. พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) เลขานุการเจ้าคณะภาค ๑๐ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร ในขณะนั้น เมตตาอนุเคราะห์ เป็นประธานเปิดงานนิทรรศการและปาฐกถาธรรม ในหัวข้อพิเศษ เรื่อง "พระพุทธศาสนากับศิลปะไทย" ณ วิทยาลัยเพาะช่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ กรุงเทพฯ](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2019/11/IMG_4059.png)
ณ วิทยาลัยเพาะช่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ กรุงเทพฯ
สัปดาห์ที่แล้ว รำลึกวันวาน… พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) ในขณะนั้น ท่านได้พาให้นักศึกษา ย้อนกลับไปหารากของเราชาวไทย จากจุดกำเนิดแห่งศิลปะไทยที่มาจากวัด และการสร้างงานศิลปะให้อมตะจะต้องมีสามอย่างผสานกันคือ ศรัทธา อุดมการณ์ และปณิธาน เพื่อที่จะสร้างสรรค์วิชาศิลปะให้เป็นประโยชน์กับสังคมต่อไปในวันนี้และภายภาคหน้า ในปาฐกถาหัวข้อพิเศษ เรื่อง “พระพุทธศาสนากับศิลปะไทย” ณ วิทยาลัยเพาะช่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๐ เวลา ๑๗.๓๐ น.
ท่านอาจารย์เจ้าคุณพระราชกิจจาภรณ์ ในขณะนั้น กล่าวต่อมาว่า
“ศรัทธา อุดมการณ์ ปณิธาน จะทำให้นักศึกษาสามารถสร้างงานให้เป็นอมตะ กลายเป็นศิลปะที่ดำรงอยู่คู่กับชาติทั้งสามส่วน ถ้าเมื่อไรก็ตามที่เรามีศรัทธาซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะศรัทธาทำให้เรามีอุดมการณ์ในการสร้างงาน และอุดมการณ์นี่แหละเป็นที่มาของปณิธานในการที่จะสร้างงานให้เป็นอมตะขึ้นมาให้ได้”
สัปดาห์นี้ขอเปิดบันทึกความทรงจำกลับไปยังวันวานอีกกันต่อ เพื่อเป็นพละ เป็นกำลังให้กับผู้รักงานศิลปะและผู้ที่ทำงานอย่างมีศิลปะ ตลอดจนผู้ใช้ชีวิตอย่างมีศิลปะว่า เมื่อเราเข้าถึงแก่นของพุทธศิลป์ เราจะมีสติ สมาธิ และมีปัญญาในการสร้างสรรค์งานทุกอย่างได้เช่นเดียวกัน
![ขอขอบคุณ ภาพจากสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคง แห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2019/11/IMG_4092.png)
เพราะเมื่อเราดำรงชีวิตอย่างมีสติ ตั้งใจทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างใส่ใจมีจิตตั้งมั่น(สมาธิ) ให้เวลาเต็มร้อย ให้คุณค่าอย่างเต็มเปี่ยม งานชิ้นนั้นก็จะก่อเกิดปัญญาอันลุ่มลึกในตัวเรา เป็นงานศิลปะแห่งชีวิตขึ้นมาที่จะเป็นประโยชน์กับสังคม ต่อชาติบ้านเมืองต่อไป และจะดำรงอยู่ในใจเรา เป็นพละ เป็นพลังใจให้เราก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคงบนเส้นทางที่เราเลือกเดิน เพราะเรามีรากแห่งความศรัทธา อุดมการณ์ และปณิธานอย่างเต็มเปี่ยม
ดังที่ ท่านอาจารย์เจ้าคุณพระราชกิจจาภรณ์ ในขณะนั้นแสดงปาฐกถาธรรมต่อมาว่า ในสมัยก่อน วัดเป็นจุดเริ่มต้นของการแสดงศิลปะของศิลปิน เราจะเห็นว่า ขรัวอินโข่ง นักศึกษาทุกคนน่าจะรู้จัก ขรัวอินโข่งท่านเป็นพระ และสอนศิลปะให้กับลูกศิษย์ นอกจากสอนศิลปะแล้วก็ยังได้สร้างงานศิลปะด้วยตัวท่านเองมากมายในสมัยรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงโปรดผลงานของขรัวอินโข่งมากที่ผสานศิลปะไทยและศิลปะตะวันตกได้อย่างงดงาม
“และยังมีหลายๆ ท่าน เช่น ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ พระองค์ท่านได้ส่งพระออกไปตามหัวเมืองต่างๆ หนึ่งในนั้นก็คือ พระอริยวงศาจารย์ (พระอริยวงศาจารย์ ญาณวิมล อุบลสังฆปาโมกข์) ท่านจึงเป็นพระสงฆ์ยุคแรกที่มีบทบาทสำคัญในการศึกษาให้แก่เมืองอุบลราชธานีศรีวนาลัย ในขณะนั้นซึ่งยังเป็นประเทศราช ภายใต้พระบรมราชูปถัมภ์ของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ทำให้เมืองอุบลราชธานี เป็นราชธานีแห่งอีสาน รุ่งเรืองด้วยศาสนาศิลปวัฒนธรรม ตลอดสกุลช่างเฉพาะเมืองอุบลสืบต่อมาถึงปัจจุบัน จนได้รับการขนานนามว่า “เมืองนักปราชญ์” เพราะการปฏิบัติงานได้เป็นผลสำเร็จอย่างดียิ่งขึ้น
“โดยเมื่อท่านไปอยู่ที่หัวเมืองอุบลราชธานีศรีวนาลัย ท่านก็นำศิลปะจากภาคกลางไปใช้ที่หัวเมือง ท่านไปสร้างหอพระไตรปิฎกขึ้นมา ซึ่งจำลองจากวัดสระเกศ แล้วก็ไปสร้างที่หัวเมือง นอกจากนั้นก็ได้เขียนจิตรกรรมฝาผนังซึ่งแสดงถึงศิลปะ ที่เป็นศิลปะอย่างภาคกลางขึ้นมา จะเห็นได้ว่าทุกภาคส่วนของสังคมมีวัดเป็นจุดเชื่อมต่อและเกี่ยวเนื่องกัน
![พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) ในขณะนั้น เมตตาอนุเคราะห์ เป็นประธานเปิดงานนิทรรศการและปาฐกถาธรรม ในหัวข้อพิเศษ เรื่อง "พระพุทธศาสนากับศิลปะไทย" ณ วิทยาลัยเพาะช่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ กรุงเทพฯ](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2019/11/IMG_4095.png)
“ในทางพระพุทธศาสนา พระพุทธองค์ตรัสอยู่สุภาษิตหนึ่ง พหุสัจจัญจะ สิบปัญจะ วินะโย จะ สุสิกขิโต สุภาษิตา จะ ยาวาจา เอดัมมังคะละมุตตะมัง หมายความว่า ศิลปะ เมื่อพัฒนาถึงจุดสูงสุดแล้วก็เป็นมงคลกับชีวิตได้ ศิลปะอย่างใดอย่างหนึ่ง เมื่อพัฒนาให้ถึงจุดสูงสุดแล้ว ก็สามารถที่จะเป็นมงคลกับชีวิตได้ หมายความว่า จะสร้างงานให้เป็นอมตะก็ได้ จะนำศิลปะไปเพื่อประกอบอาชีพเลี้ยงชีวิตก็ได้
![พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) ในขณะนั้น เมตตาอนุเคราะห์ เป็นประธานเปิดงานนิทรรศการและปาฐกถาธรรม ในหัวข้อพิเศษ เรื่อง "พระพุทธศาสนากับศิลปะไทย" ณ วิทยาลัยเพาะช่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ กรุงเทพฯ](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2019/11/IMG_4066-1.png)
“เพราะฉะนั้น ในการเรียนศิลปะมีความสำคัญ
ไม่ว่าจะทำสิ่งใดก็แล้วแต่
จะประกอบอาชีพสิ่งใดก็แล้วแต่
ส่วนที่สำคัญก็คือ ความมีศิลปะนั่นเอง”
![พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) ในขณะนั้น เมตตาอนุเคราะห์ เป็นประธานเปิดงานนิทรรศการและปาฐกถาธรรม ในหัวข้อพิเศษ เรื่อง "พระพุทธศาสนากับศิลปะไทย" ณ วิทยาลัยเพาะช่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ กรุงเทพฯ](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2019/11/IMG_4113.png)
“ในวันนี้ อาตมภาพได้มาร่วมกับท่านคณาจารย์ทุกท่าน มีความรู้สึกยินดีว่า ในส่วนของวัดสระเกศ ก็มีส่วนเกี่ยวเนื่องกับอาจารย์ปัญญา เพ็ชรชู ซึ่งได้รับรางวัลศิลปินต้นธารศิลป์ จากสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมและความมั่นคง แห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้กับศิลปินที่ทุ่มเทให้กับงานของพระพุทธศาสนา ของวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร นอกจากนั้นยังได้เกี่ยวข้องกับอาจารย์ที่อยู่ที่เพาะช่างหลายๆ ท่าน อย่างอาจารย์มงคล ก็ทำงานร่วมกันในหลายๆ ส่วน
![พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) ในขณะนั้น เมตตาอนุเคราะห์ เป็นประธานเปิดงานนิทรรศการและปาฐกถาธรรม ในหัวข้อพิเศษ เรื่อง "พระพุทธศาสนากับศิลปะไทย" ณ วิทยาลัยเพาะช่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ กรุงเทพฯ](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2019/11/IMG_4126.png)
เมตตาอนุเคราะห์ เป็นประธานเปิดงานนิทรรศการและปาฐกถาธรรม
ในหัวข้อพิเศษ เรื่อง “พระพุทธศาสนากับศิลปะไทย”
ณ วิทยาลัยเพาะช่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ กรุงเทพฯ
“ในโอกาสที่ได้มาร่วมงานในวันนี้ อาตมาก็ขอแสดงความยินดีร่วมกันนักศึกษา ทุกๆ คน ทุกๆ ท่านด้วย ในโอกาสอันเป็นมงคลยิ่งนี้ อาตมภาพขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จงมารวมกันเป็นกำลังที่สำคัญ มาดลบันดาลให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกๆ ท่าน ได้มีความร่มเย็นเป็นสุขสัมฤทธิ์ ในสิ่งที่ปรารถนาทุกๆ ประการ ขอเปิดนิทรรศการตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป”
![พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) ในขณะนั้น เมตตาอนุเคราะห์ เป็นประธานเปิดงานนิทรรศการและปาฐกถาธรรม ในหัวข้อพิเศษ เรื่อง "พระพุทธศาสนากับศิลปะไทย" ณ วิทยาลัยเพาะช่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ กรุงเทพฯ](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2019/11/IMG_4131222.png)
ล้อมกรอบ
๘.การดำเนินจิตในสมาธิให้เกิดปัญญาเห็นไตรลักษณ์
![บันทึกธรรม “สัมมาสมาธิ” โดยพระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) ภาพประกอบโดย หมอนไม้](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2019/11/6E868DB5-B9AB-4779-83CE-417BF925FE26-786x1024.jpg)
ภาพประกอบโดย หมอนไม้
การจะทำการงานอย่างใดอย่างหนึ่งให้มีจิตตั้งมั่นก็คือ สมาธิ นั้น ต้องมีการฝึกฝน ในบันทึกธรรม “สัมมาสมาธิ” โดยพระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร)ในขณะนั้น อธิบายในบท “ความเป็นผู้ฉลาดในอารมณ์ของสมาธิ” ต่อมาอีกว่า
การดำเนินจิตในสมาธิ เมื่อปฏิบัตินานไปจะรู้สึกเบื่อความว่าง เบื่อความสงบ จะมีคำถามผุดขึ้นมาว่า ปฏิบัติสมาธิจนว่างจนสงบแล้วจะอย่างไรต่อ ก็ให้ยกธรรมดังกล่าว (คือ หมวดธรรมข้อใดข้อหนึ่ง) ขึ้นพิจารณาไปก่อน เพื่อให้จิตเกิดความเคยชินกับการพิจารณาธรรมที่หนุนเนื่องอยู่บนทางสายกลางกับอริยมรรค อย่าปล่อยให้จิตแช่นิ่งว่างๆ เฉยๆ อยู่เช่นนั้นนานเกินไป
เพราะแม้ได้ความสงบแล้วก็จริง แต่ยังไม่ได้ปัญญา ปัญญายังไม่เกิด การยกข้อธรรมดังกล่าวขึ้นมาพิจารณา ก็เพื่อหางานให้จิตทำ แต่เป็นงานของจิตเพื่อก่อปัญญา เป็นการเปิดอารมณ์ใหม่ขึ้นมาให้จิตรู้ อย่าไปรู้เรื่องเก่าที่เต็มไปด้วยราคะ โทสะ โมหะ ให้รู้เรื่องใหม่ คือ เรื่องธรรมที่จะไปหนุนมรรคให้เจริญ
ถ้าไม่หางานให้จิตทำ จิตก็จะแช่นิ่งจนเกิดความเคยชินติดอยู่กับความแช่นิ่ง หรือติดสงบ จะเรียกว่า ติดสุขในความสงบก็ได้ แล้วก็จะเกิดตัณหาและอุปาทานการยึดมั่นอย่างใหม่ขึ้นมาแทนซึ่งไม่ใช่จุดประสงค์ของสมาธิที่พระพุทธเจ้าต้องการ
ดังนั้น แทนที่จะปล่อยให้จิตดึงเอาอารมณ์อย่างหนึ่งอย่างใดที่เป็นอนุสัยดองอยู่ ขึ้นมาคิดปรุงแต่ง ก็ให้จิตขบคิด ปรุงแต่ง พิจารณาไปตามธรรมที่เกื้อหนุนต่อการรู้ธรรมเข้าใจธรรมและหัวข้อธรรมที่ยกขึ้นพิจารณา ก็ล้วนแต่เป็นหัวข้อธรรมที่หนุนเนื่องให้เกิดสมาธิและปัญญา ก็ยกขึ้นพิจารณาบ่อยๆ
อนึ่ง หากไม่ยกหัวข้อธรรมขึ้นพิจารณา จิตก็จะไปดึงเอาอนุสัยเกี่ยวกับราคะ โทสะ โมหะที่นอนเนื่องดองอยู่ในจิตขึ้นมาปรุงแต่ง สืบเนื่องเป็นกระแส เพราะถึงอย่างไรโดยธรรมชาติของจิตจะขาดอารมณ์ไม่ได้ก็ต้องหน่วงสิ่งใดสิ่งหนึ่งมาเป็นอารมณ์สืบเนื่องเป็นกระแสเป็นธรรมดา แม้กระทั่งความสงบ ก็คืออารมณ์อย่างหนึ่ง ที่จิตหน่วงขึ้นมาแล้วยึดเป็นอารมณ์ในขณะนั้นๆ
แต่ความสงบก็ไม่เที่ยง เพราะความสงบก็ตกอยู่ภายใต้อำนาจแห่งไตรลักษณ์ หมุนไปตามเหตุปัจจัยเช่นกัน เมื่อปฏิบัติแล้ว บางคราวสงบ บางคราวก็ไม่สงบให้เห็นเป็นธรรมดา
(โปรดติดตามตอนต่อไปสัปดาห์หน้า)
รำลึกวันวาน… มโนปณิธาน พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) ตอนที่ ๔๒ การใช้ชีวิตอย่างมีศิลปะ คือ มงคลแห่งชีวิต
โดย มนสิกุล โอวาทเภสัชช์
(หน้าธรรมวิจัย นสพ.คมชัดลึก วันอังคารที่ ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๒ )
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2019/11/15KLE6S1_12112019-122-1024x591.jpg)
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2019/11/15KLE6S1_12112019-671x1024.jpg)