จาริกธรรมในอเมริกา (ตอนที่ ๓๐)
กักตัวอย่างไรให้ใจเป็นอิสระ
โดย พระครูสมุห์สุพัฒน์ อนาลโย
กลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม
สถาบันพัฒนาพระวิทยากร
สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคง
แห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ
การกักบริเวณของตนเอง ช่วงระยะเวลาที่ไวรัสโควิด-๑๙ ระบาดนี้ คนที่เคยกักขังสัตว์เลี้ยงไว้ในกรงคงเข้าใจความรู้สึกถึงความเป็นอิสรภาพธรรมชาติขาดหายไป
พอมาถึงวันนี้ เรามาช่วยกันป้องกันการระบาดแพร่กระจายโรคโควิด ๑๙ ทางบ้านเมืองให้กักตัวอยู่ในภายในบริเวณบ้านของตนเอง ออกจากบ้านได้ด้วยมีเหตุจำเป็นเท่านั้น เช่นไปซื้ออาหารของใช้สอยสามวันต่อครั้ง ไปหาหมอต้องใส่หน้าอนามัยทุกครั้งที่ออกไปข้างนอกบ้าน ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ ยืนห่างกันเป็นเมตร
เป็นยุคที่ใส่หน้ากากเข้าหากัน ยืนห่างกัน หวาดระแวงไม่ไว้ใจกัน เอาตัวรอดเป็นยอดดี มือใครยาวสาวได้สาวเอา มีอำนาจบาตรใหญ่ ชิงดีชิงเด่นกัน ข้าวยากหมากแพง
ใช่ว่าจะเป็นด้านมืดอย่างเดียว
พระอาทิตย์มีขึ้นมีลง มีมืดมีสว่าง บางคนเห็นแก่ตัวเอารัดเอาเปรียบคนอื่น
แต่ก็ยังมีร่างมนุษย์ที่มีจิตใจเป็นเทวดา รู้จักให้แบ่งปันสิ่งของข้าวผักผลไม้ของใช้สอย น้ำดื่มและบริจาคปัจจัยช่วยเหลือหน่วยงานแพทย์พยาบาล ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการรับมือหลักกับโควิด ๑๙ โอกาสนี้ และยังมีน้ำใจกับเพื่อนมนุษย์ทั่วไป วัด พระเปิดโรงทานช่วยคนได้มากเลยช่วงนี้ มองไปทางไหน แม้มีทุกข์ก็ยังมีน้ำใจให้แก่กันและกันเสมอ
สำหรับหมอ และพยาบาล คุณคือ ฮีโร่ของเหล่าประชาชน ยังเป็นผู้ที่ปกป้องดูแลเพื่อนมนุษย์ช่วยรักษาค้นคว้าหาวัคซีนมาสู้เจ้าโควิดอย่างเติมที่สุดกำลังความสามารถ
ผู้เขียน ขอยอมรับเคารพน้ำใจที่ท่านทั้งหลายเสียสละเวลาส่วนตน เพื่อส่วนรวมของคนทั้งชาติ ขอปรบมือเป็นกำลังใจไมตรีจิตครั้งนี้ให้ด้วย
คงจะเข้าใจรู้ซึ้งถึงจิตใจของผู้ถูกกักขังตัว ขาดความอิสรภาพแล้วว่าเป็นอย่างไรบ้าง
ช่วงเวลากักตัวตนเองในบริเวณบ้านได้ดูได้เห็นตามช่องทาง YouTube
บางท่าน…ก็แต่งเพลงสร้างความสุขสนุกสนานให้ความเพลิดเพลินใจไปตามเสียงเพลงผ่อนคลายความตรึงเครียดได้บ้าง
บางคน…ก็อยู่กับลูกหลานหากิจกรรมต่างๆมาเล่นกัน ให้เวลาผ่านไปวันๆ หนึ่ง ได้ความสุขทางใจเห็นรอยยิ้มของลูกหลานก็จิตเบิกบานมีอายุยืดยาวอีกวันหนึ่ง
บางคน…ก็ทำงานบ้านจัดแจงล้างของใช้สอยทำความสะอาดบ้านเรือน ห้องนอน ห้องน้ำ ออกกำลังกายเสียสละเหงื่อที่เผาผลาญไขมันขับออกมาสู่ภายนอกร่างกาย เป็นผลดีต่อสุขภาพกาย และจิตใจด้วย
บางคน…ดูหนัง ฟังเพลง เปิดวีดีโอคอลคุยกันถามสารทุกข์สุขดิบ เล่นเกม กินแล้วนอนอย่างสบายใจ
ใช้ชีวิตตามความต้องการและความอยาก สิ่งที่จะถามหา คือความอ้วน จากการกินไม่รู้จักความพอดีของร่างกายตน ความตึงเครียด จากการหวาดระแวงไวรัสเกินเหตุจนกระต่ายตื่นตูม
ถ้าวางใจไม่เป็นในยุคนี้ก็จิตใจจะเติมเต็มด้วยความทุกข์ใจ จิตป่วยได้ ถูกกักตัวให้อยู่ในสถานที่ตนอยู่ จิตใจคิดว่าอึดอัด คับแค้นใจ ขาดความอิสรภาพกายและใจ
ในที่สุดถูกความคิดมาเล่นงานบนหัวทำให้ปวดศีรษะ มาเล่นงานที่จิตก็คิดเจ็บจิตปวดหัวใจ ความคิดที่กังวลหวาดระแวงไปข้างหน้า เราออกไปข้างนอกกลับมาจะไม่ติดไวรัสกับเขาหรือ
ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงมาหาคิดหวาดระแวงว่าเขาจะนำเชื้อไวรัสมาให้เราหรือเปล่า
คิดเรื่องหนี้สินเงินทอง ค่ารถ ค่าเช่าบ้าน น้ำประปา ค่าเทอมเล่าเรียนใช้สอยของลูก มีค่าอะไรต่ออะไรที่ต้องจ่ายอีกมากมาย ลำบากกับมากจริง
โรงงานหยุด ตกงานจะมีงานทำไหม จะมีเงินมาเลี้ยงปากท้องได้อย่างไรบ้าง
ความคิดเยอะก็พาจิตใจเพลีย เหนื่อยล้าจิตใจอ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะทำอะไร เพราะตึงเครียดหลงๆ ลืมๆ ไม่มีสติ ไม่ค่อยมีความรู้สึกตัว
เพราะไปยึดกับความคิดที่เป็นลบก็ทำให้ชีวิตติดลบ จมปลักผูกมัดรัดตัวไว้กับความคิดนั้น ยิ่งคิดนึกถึงตอนไหน จะรู้สึกเจ็บปวดหัวปี๊ดๆ ทุกครั้งไป
เมื่อเป็นแบบนี้จะทำอย่างไรดีหนอ ก็ให้เรากลับมาหาตนเองให้เร็ว รู้สึกตัวไวๆ อยู่กับปัจจุบันกับความจริงตอนนี้ เดี๋ยวนี้ ขณะนี้ ปล่อยวางความคิดลบนั้นเสีย
ดูเหมือง่ายนะ การปล่อยความคิดที่เจ็บปวด หรืออดีตนั้น ให้เปลี่ยนความคิดลบมาเป็นบวกพร้อมกับการทำใจทำความรู้สึกตัวกับปัจจุบันนี้
เช่น เมื่อคิดติดลบให้สูดลมหายใจเข้าแรงๆ แล้วค่อยๆ ปล่อยออกมาเบาๆ ตอนนี้เรามาอยู่ลมหายใจแล้ว มีสติรู้สึกตัวก็จะค่อยปล่อยความคิดลบไปได้
และเอามือมาตีที่หน้าขาหลายๆ ครั้ง ข้างใดข้างหนึ่ง แล้วเอาความรู้สึกตัวมาจับที่หน้าขารู้ว่าเราตีที่หน้าขา ทำความรู้สึกอย่างนี้ไปเรื่อยๆ แล้วความคิดติดลบก็จะค่อยหายไป
ใจก็เบาผ่อนคลายลงรู้สึกดี นี้เป็นการเรียกสติกลับมาอยู่ตนในปัจจุบัน ไม่หวนคิดถึงอดีตและกังวลใจถึงอนาคต
สุดท้าย การขาดความอิสรภาพจากที่เราเคยไปที่ไหนก็ได้ ทำตามความต้องการของคิดได้เกือบทุกอย่างก็จะไม่เป็นปัญหากับเรา
เพราะเข้าใจแล้วว่า เมื่อมาถูกกักตัว เพราะเจ้าโควิด๑๙ แล้ว เหมือนกักบริเวณจิตใจมันกระวนกระวาย อึดอัด ทุกข์ใจเหมือนขาดความอิสรภาพ ทำให้คิดมากกังวลเครียด ปวดหัวเจ็บใจ หรือไม่อาจจะเป็นประสาทได้ ทั้งหมดนี้ เพราะคิดพาเราพาเป็นไป
หากวางใจเป็น เปลี่ยนความคิดที่ติดลบให้เป็นบวก ใช้ชีวิตใหม่ให้อยู่กับปัจจุบันอย่างมีสติรู้สึกตัวรู้เนื้อรู้ตัวกำลังทำอะไรอยู่ก็ทำไป
ปล่อยวางความคิดที่ติดลบ มาอยู่กับความเป็นจริงสร้างชีวิตใหม่
อย่ากักขังใจของตนเองให้จมปลักกับอดีตหรือความคิดที่ติดลบนานเกินไป ปล่อยวางมันบ้างจะเข้าใจว่า ความคิดใหม่ที่ดีก็มีเหมือนกัน
ความคิดมันเป็นมายาไม่สามารถจับต้องด้วยมือเปล่าได้ นอกจากจะสร้างมายาความคิดมาเป็นวัตถุสิ่งของเท่านั้น จึงจะจับต้องได้
ความคิดไม่ยั่งยืนเดี๋ยวเดียวก็คิดเรื่องใหม่แล้ว
มีสติรู้สึกตัวเท่านั้น ที่จะออกจากความคิดไม่ยึดติดกับความคิดนั้นได้ เป็นเพียงผู้รู้คิด ไม่ใช่คิดรู้
ออกจากห้องกักตัวในบ้านมาสู่ภายนอกรู้สึกโล่งสบายตาสบายใจ เหมือนเราออกจากอดีตที่เลวร้าย คิดติดลบได้ จะรู้ว่า อ้อว่ามันสบายเช่นนี้นี่เอง เมื่อออกจากความคิดเป็น หรือเห็นความคิดนั่นเอง
จ๊อด
๑๓ เมษายน ๒๕๖๓
จาริกธรรมในอเมริกา (ตอนที่ ๓๐) ” กักตัวอย่างไรให้ใจเป็นอิสระ ” โดย พระครูสมุห์สุพัฒน์ อนาลโย กลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม สถาบันพัฒนาพระวิทยากร สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ