อาทิตย์ที่ ๔ ตุลาคม ๖๓

เวลา ๗ โมงเช้า ป๋าตื่นเองโดยไม่ต้องให้ปลุก  ป๋าคงมีใจจดจ่อที่จะไปงานกฐิน  วัดดงละคร  จังหวัดนครนายก  ที่เราชวนไว้  (นี่ถ้าป๋าไม่ตื่นเองก็จะปลุก  เพราะเห็นป๋าดูเพลียๆ  ตลอดอาทิตย์ที่เคยนั่งเขียนหรืออ่านหนังสือ ก็จะนอนหลับพัก  ที่เคยเข้านอนดึกก็นอนเร็ว )  โต้ง  ลูกชายของยนต์  ลูกสาวแม่จันทร์ซึ่งเป็นหลานของปู่ผายเป็นคนขับรถพาไป

ใช้เวลาเดินทางราว ๒ ชั่วโมง ถึงวัดก่อนพระฉันเพล  เราแยกอยู่เฉพาะกลุ่มของเรา ๕ คน  มีโรงทานของชาวบ้านมากมาย  ป๋าได้รับประทานไก่ทอดและไอศกรีมของโปรด  ช่วงพิธีกฐินป๋ากำชับให้เอาเงินป๋าร่วมทำบุญ ๑,๐๐๐ บาท  ป๋าได้มีโอกาสถวายแผ่นป้ายชื่อห้องเรียน “ฤทธิรน”  ที่ทางวัดทำเตรียมไว้ให้   มีชื่อแม่บริจาคเงิน ๖๒๐,๐๐๐ บาท  ร่วมสร้างอาคารโรงเรียนสำหรับเด็กยากจนได้เรียนฟรี  ป๋าพูดกับท่านเจ้าอาวาสพระมหาสิริวัฒนา สีลลาโร  ว่า “ ฝากเด็กๆ ด้วยนะครับ” 

ขากลับจากวัด  พอป๋าบอกว่าอยากแวะร้านกาแฟชายทุ่งของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า  กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  รถก็ผ่านพอดี  ได้แวะดื่มกาแฟ  และรับประทานเค้กมะตูมของโปรดอีกอย่างสมใจป๋า  ก่อนออกจากร้านป๋าขอให้โต้งเข็นรถพาไปดูบรรยากาศชายทุ่ง  แล้วเปรยขึ้นว่า  วันนี้ได้มาอยู่กับธรรมชาติแทนกองหนังสือ  พอกลับถึงบ้านป๋าเพลียมากและเป็นไข้

จันทร์ ๕ ตุลาคม ๖๓

พาป๋าไปหาหมอที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน หมอจัดให้อยู่ในห้องปลอดเชื้อคนเดียวเพื่อตรวจเช็ก โควิด -19

อังคาร ๖ ตุลาคม ๖๓

ผลโควิด-19 ยังไม่ออก

พุธ ๗ ตุลาคม ๖๓

ป๋าไม่ติดเชื้อโควิด -19 แต่ต้องอยู่ต่อคนเดียวในห้องปลอดเชื้อ เพื่อตรวจเช็กวัณโรค

พฤหัส ๘ ตุลาคม ๖๓

ป๋าไม่ติดเชื้อวัณโรค  ได้ย้ายไปอยู่ห้องพิเศษ A3 ชั้น ๑๓  ป๋าดีใจมากที่พวกเราไปเยี่ยม  เกิดมีดราม่ากับพยาบาลว่า  ใครควรเฝ้าป๋าตอนกลางคืน  ตกลงเป็นโต้ง  พวกเรา ๓ ส.ว.ต้อย-ติ๋ม -คุณแตน ถูกปฏิเสธไม่ให้อยู่   เราก็เปลี่ยนเวรกันเฝ้าป๋าตอนกลางวัน

ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์  ๙-๑๐-๑๑ ตุลาคม ๖๓  

หมอบอกว่า x-ray ป๋ามีลิ้นหัวใจตีบ  ซึ่งเป็นตามวัย  และรักษาอยู่แล้วด้วยการทานยา  แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ มีปริมาณน้ำในปอดมากเกินไป  ต้องจำกัดน้ำดื่ม ป๋าบ่นว่า “อาหารที่โรงพยาบาลมีคุณภาพ  แต่ไม่มีรสชาติ”  กาแฟของโปรดก็ถูกห้าม  แม้แต่ทอฟฟี่กาแฟเม็ดเดียวก็ยังไม่ได้  ป๋าพูดเสียงแข็งเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า  “จะออกจากโรงพยาบาลพรุ่งนี้  แล้วจะไปre-hab เองที่บ้าน”

จันทร์ ๑๒ ตุลาคม ๖๓

ป๋านอนหลับพักเป็นส่วนใหญ่  ฝืนรับประทานอาหารได้บ้าง

อังคาร ๑๓ ตุลาคม ๖๓

(วันเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร  มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร  และวันที่คุณย่าลิ้นจี่ เทพสิทธา ถึงแก่กรรม)

คุณแตนอยู่เฝ้าช่วงเช้าและกลางวัน  ป๋านอนมากแต่รับประทานน้อย  น้ำในปอดยังไม่ลด  ทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น  ราวบ่านสามโมงเศษๆ ขณะนอนอยู่ ป๋าลืมตาขึ้นครู่หนึ่งแล้วหลับตาลง   คุณแตนเห็นว่าอาการไม่ดีจึงตามหมอมาดู  พบว่าอาการป๋าทรุดหนัก หมอต้องโทรศัพท์ขออนุญาตปั๊มหัวใจที่หยุดเต้น

ที่โรงพยาบาล   พวกเราลูกป๋า ๓ คน  ต้อย-จิมมี่-ติ๋ม  เตรียมทำใจกัน  ได้อนุญาตให้หมอปั๊มหัวใจป๋าต่ออีกครึ่งชั่วโมง  และขอต่ออีก ต่ออีก  เพื่อช่วยยื้อชีวิตป๋าของพวกเราไว้   จนในที่สุดหัวใจป๋าที่เต้นและหยุดเป็นระยะสั้นๆ  ก็ต้องถูกปล่อยให้หยุดเต้นไปเองด้วยอาการหัวใจล้มเหลว  เมื่อเวลา ๑๗.๒๓ น. ป๋าก็จากพวกเราไป

จากหนังสือ “ชีวิตนี้เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ นายสมพร เทพสิทธา ม.ป.ช., ม.ว.ม., ท.จ. (หน้า ๕๙-๖๐)

(เพจสมพร เทพสิทธา วันเสาร์ที่ ๑๒ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๔)

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here