เรื่องราว เหตุการณ์ในอดีตที่ไม่ดี ไม่ใช่หน้าที่ของเราที่ต้องไปวิตกกังวล

อดีต ก็คือ อดีต ซึ่งจบลงไปเรียบร้อยแล้ว

เรื่องราวเดียวกัน เวลาต่างกัน บุคคลเดิมหรือต่างกัน

อาจเกิดขึ้นเหมือนกันหรือต่างกัน ก็อยู่ที่การสร้างเหตุปัจจุบันใหม่

เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

เมื่อเกือบ ๒ ปีที่แล้ว เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสนามบินแอลเอ สหรัฐอเมริกา กักตัวอาตมาไว้ ๔ ชั่วโมง พร้อมการสัมภาษณ์ ๓ รอบ เนื่องจากไม่มีเงินติดตัว มาอยู่ครบ ๖ เดือนตามกำหนดวีซ่าท่องเที่ยวทุกครั้ง และปีก่อนหน้านั้น ขอต่อวีซ่าอยู่เป็นเวลา ๑ ปี เขาอาจพยายามหาเหตุผลหลายอย่างเพื่อไม่ให้เข้าประเทศ แต่เขาทำไม่ได้  เขาจึงอนุญาตให้เข้าประเทศในครั้งนั้น พร้อมกับกำชับว่า ครั้งต่อไป คุณต้องเข้าประเทศด้วยวีซ่าศาสนาไม่ใช่วีซ่าที่ใช้ปัจจุบันนี้

ถึงเวลาหรือยัง…ที่จะมอบความสุขที่แท้จริงให้กับตนเอง

โดย พระพิทยา ฐานิสสโร

ถึงเวลาหรือยัง…ที่จะมอบความสุขให้กับตนเอง โดย พระพิทยา ฐานิสสโร

ลูกศิษย์ชาวอเมริกันที่นิมนต์มาได้รับทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น ด้วยต้องทำธุรกิจที่ยุ่งมากและอีกหลายเหตุปัจจัยจึงยังไม่สามารถดำเนินการทำวีซ่าศาสนาได้ทัน ดังนั้นการเดินทางมาอเมริกาในครั้งนี้ จึงถือวีซ่าท่องเที่ยวอันเดิม เมื่อเดินทางมาถึงสนามบินโลแกน เมืองบอสตัน ได้ตั้งจิตว่า ถ้าบรรพบุรุษของชาวอเมริกันต้องให้การเข้าประเทศนี้ จงเปิดทาง แต่ถ้าท่านไม่ต้องการให้เข้าก็ไม่ต้องให้ผ่านการตรวจ เรายอมรับการตัดสินใจของพวกท่าน

และแล้ว ขณะต่อแถวรอการตรวจ หญิงชาวอินเดียที่นั่งเครื่องบินลำเดียวกัน กวักมือเรียกไปต่อหลังจากเธอ จึงเดินไปและรอ เมื่อถึงคิวก็เดินไปยังเจ้าหน้าที่ มองที่ป้ายเล็กๆ ด้านบนป้ายชื่อ เขียนว่า THAI เจ้าหน้าที่ท่านนั้น ถามเป็นภาษาอังกฤษว่า “จะอยู่นานแค่ไหน เมืองอะไร” ก็ตอบเธอกลับไป เธอตอบกลับมาว่า “YOU ARE DONE.” พร้อมแสตมป์ เขียนระยะเวลา ๖ เดือนที่สามารถอยู่ ณ ประเทศแห่งนี้ได้

ในคำพูดที่ว่า YOU ARE DONE.” ส่วนใหญ่ผู้พูดจะแสดงความรู้สึกว่า บุคคลที่อยู่ตรงหน้าอาจเหนื่อยล้า อ่อนแรงกับปัญหา หรือ เรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตที่ไม่สามารถไปต่อ ในที่นี้เจ้าหน้าที่อาจหมายความเช่นนั้นหรือไม่ก็เป็นได้?

 ซึ่งไม่ว่าบุคคลภายนอกจะคิดอย่างไรหรือสถานการณ์ภายนอกจะเป็นเช่นไร ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับชีวิตเรา ถ้าเราสามารถวางจิตเป็นกลางไม่ว่าการติดสินใจของเจ้าหน้าที่จะเป็นเช่นไรหรือเหตุการณ์อะไรจะเกิดขึ้นต่อไป เราจะรับรู้พลังแห่งความเบาสบายภายใน และปรับไปตามสถานการณ์ ถ้าเกิดผลที่ไม่ดีหรือไม่เป็นอย่างที่ตั้งใจไว้ จิตใจเราก็จะปล่อยวาง ไม่เครียดหรือเสียใจ เพราะเราได้กระทำหน้าที่ตรงนั้น ตามเหตุตามปัจจัย ตามเงื่อนไขที่ปรากฏ ทำหน้าที่ในส่วนของเราอย่างดีที่สุดด้วยสติสัมปชัญญะ ทุกการกระทำไม่ว่าจะเป็นหน้าที่ใดๆ จะมีประโยชน์ต่อเราเองและคนรอบข้างเสมอ

ถึงเวลาหรือยัง…ที่จะมอบความสุขให้กับตนเอง โดย พระพิทยา ฐานิสสโร

        เรื่องราว เหตุการณ์ในอดีตที่ไม่ดี จะเกิดขึ้นซ้ำอีกหรือไม่ ไม่ใช่หน้าที่ของเราที่ต้องไปวิตกกังวล กลุ้มใจหรือเครียด  อดีต ก็คือ อดีต ซึ่งจบลงไปเรียบร้อยแล้ว เรื่องราวเดียวกัน เวลาต่างกัน บุคคลเดิมหรือต่างกัน อาจเกิดขึ้นเหมือนกันหรือต่างกัน เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

สิ่งสำคัญสำหรับผู้กระทำหน้าที่ ณ ขณะนั้น คือ ไม่สูญเสียสติ ณ ปัจจุบันขณะ

หากเราสามารถวางใจเป็นกลาง ไม่ยินดี ยินร้าย ตื่นเต้นดีใจ หรือ ตระหนกตกใจไม่ว่าสถานการณ์จะปรากฏเช่นไร ถ้าเราสามารถกระทำเช่นนั้นได้ สถานที่ใดๆ เวลาไหน จิตจะปลอดภัย เราจะไม่ตกเป็นเหยื่อของสถานการณ์  เพราะจิตเข้าใจเหตุและปัจจัยที่เกิดขึ้น จึงปล่อยวางได้ จิตที่ส่งออกไปกับบุคคลหรือสถานการณ์ภายนอกจึงเป็นเพียงจิตที่รับรู้เท่านั้น ไม่มีการปรุงแต่งที่จะทำให้ทุกข์หรือสุขได้

ถึงเวลาหรือยัง…ที่จะมอบความสุขให้กับตนเอง โดย พระพิทยา ฐานิสสโร
ถึงเวลาหรือยัง…ที่จะมอบความสุขให้กับตนเอง โดย พระพิทยา ฐานิสสโร

ถ้าเราไม่ฝึกฝนให้มีสติสัมปชัญญะกับปัจจุบันขณะ กับสิ่งที่กำลัง พูด คิด หรือกระทำอยู่ เมื่อเกิดเหตุการณ์ร้าย คับขัน ไม่คาดคิด คนส่วนใหญ่จะตระหนกตกใจ กระวนกระวาย ลุกลี้ลุกลน ร้องไห้ฟูมฟาย อึดอัดทรมานหรืออาจทนอยู่ในสถานการณ์ไม่ดีเช่นนั้นไม่ได้ แม้มีใครบอกให้ตั้งสติ สงบ อาจเป็นยากถึงยากที่สุด

ถ้าใครเป็นเช่นนั้น สิ่งที่บ่งบอกชัดเจน คือ สติดำรงอยู่กับสิ่งที่คิด พูด กระทำในชีวิตประจำวันน้อยมาก ปล่อยให้จิตล่องลอย ฟุ้งซ่านเกือบตลอดเวลา ส่งผลให้จิตใจหวั่นไหว ไม่มั่นคงเมื่อเกิดการกระทบในทางที่ไม่ดี และจะตื่นเต้น ดีใจ ลิงโลดเมื่อประสบสิ่งดีๆ ในชีวิตบางทีจนเกินงาม แต่นั่น คือ ความปรกติของจิตที่ยังไม่ได้ฝึกเป็นเช่นนั้น

จิตที่ยังไม่ได้อบรม หรือจิตที่ยังไม่ได้ฝึก จะไหลไปตามอารมณ์ ทำให้จิตที่ไม่สามารถดำรงอยู่ในปัจจุบันขณะ เป็นจิตใจที่ขาดเมตตากรุณาต่อตนเอง

เพราะทำสิ่งใดๆ ในชีวิตแบบขอไปที สุกเอาเผากิน ไม่จดจ่อ ไม่มีความสุข เบิกบาน ไม่เห็นคุณค่าในขณะที่กำลังกระทำสิ่งนั้นๆ อยู่ หลายครั้งที่เกิดความเบื่อหน่าย หงุดหงิด เครียด กดดัน ลุกลี้ลุกลน เฉื่อยชา เหม่อลอยฯลฯ ส่งผลให้ชีวิตต้องวิ่งหา ไขว่คว้า เสพติดความสุขที่ไม่เที่ยงแท้ ไม่ยั่งยืนอยู่เสมอ เป็นจิตใจที่โหยหา ไม่อิ่มเต็ม ไม่เคยเพียงพอ แม้อาจมีอยู่อย่างพอเพียง

การที่นั่งนิ่งๆ ยืนนิ่งๆ อยู่กับตัวเองมองธรรมชาติตรงนั้นรอบๆ โดยที่ไม่ต้องใช้มือถือ ไม่ว่าจะฟัง หรือดูอะไรก็ตาม เป็นการยากมากสำหรับคนส่วนใหญ่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ หรือ คนอเมริกัน เราจะเห็นคนวิ่งพร้อมเสียบหูฟังอยู่ทั่วไป เกือบทุกที่ คนส่วนใหญ่ นั่งดื่ม กิน หรือนั่ง ยืนทั่วๆ ไปพร้อมจ้องมองโทรศัพท์หรือเสียบหูฟัง เขาเหล่านั้นปล่อยให้จิตใจส่งออกอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้เราอาจจะเห็นรอยยิ้ม เสียงหัวเราะขณะทำสิ่งเหล่านั้น แต่นั่น คือ ความไม่รู้ ซึ่งเป็น รากของความทุกข์

        จิตใจที่มีภาวะอารมณ์ที่ไม่มั่นคง เปลี่ยนแปลงง่ายอยู่ตลอดเวลา ไหลไปกับสิ่งภายนอกขาดการยับยั้ง เป็นสิ่งที่น่ากลัว ซึ่งสังคมที่ทันสมัยด้วยเทคโนโลยี สะดวกรวดเร็ว ทันใจกำลังสร้างคนที่มีจิตใจเช่นนี้เพิ่มมากขึ้น

ถึงเวลาหรือยัง…ที่จะมอบความสุขให้กับตนเอง โดย พระพิทยา ฐานิสสโร
ถึงเวลาหรือยัง…ที่จะมอบความสุขให้กับตนเอง โดย พระพิทยา ฐานิสสโร

สังคมโลกกำลังพาคนให้หลงใหล เสพติดความสะดวกสบาย แม้ต้องทุ่มแรงกายแรงใจกว่าจะได้มา จนไม่มีเวลา หยุดดูแลใจ หรือกระทำสิ่งต่างๆ กระทำหน้าที่ไปพร้อมกับการดูแลใจ แต่กระทำเพียงเพื่อสำเร็จลุล่วงยังเป้าหมายที่เป็นผลประโยชน์ กำไร แม้ต้องขาดซึ่ง ศีลธรรม คุณธรรม ขาดความเมตตากรุณาต่อกัน เพราะไม่เช่นนั้นจะอยู่ยากในสังคมที่แก่งแย่งแข่งขัน ใครดีใครอยู่ ทั้งที่เราต่างล้วนต้องพึ่งพา แต่เปลี่ยนรูปแบบ จากพึ่งพาเพราะเมตตา เห็นอกเห็นใจ แต่กลับกลายเป็นพึ่งพาเพราะมีผลประโยชน์ร่วมกัน ทำให้จิตใจยิ่งแห้งแล้ง ไร้ความเมตตาจริงใจ ไร้ความสุขเบิกบานที่แท้จริง ส่วนใหญ่จะเป็นพวก หน้าชื่นอกตรม ลิงหลอกเจ้าไปวันๆ

        ความเสื่อมทางคุณธรรม จริยธรรม เอาความคิดของตนเป็นใหญ่ ประชาธิปไตยแต่ไร้ธรรมาธิปไตย ศีลที่เป็นสิ่งให้สังคมอยู่ร่วมกันด้วยความสงบสุข เริ่มจางหายจากคนในสังคมปัจจุบัน

นักธุจกิจรายใหญ่กลัวไม่มี ไม่ได้ แต่ไม่กลัวที่ต้องทำผิด โกง เอารัดเอาเปรียบกันในนามของอำนาจ ธุรกิจอิงอาศัยกับรัฐ ปล่อยให้ประชาชนคนเล็กๆ เป็นผู้พยุงประเทศไว้ด้วยการจ่ายภาษีทุกด้านอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ถูกหักรายได้ไปส่วนหนึ่งให้กับเจ้าของธุรกิจ ถูกกดขี่แรงงานทุกรูปแบบ ทำให้รายได้เกิดขึ้นน้อยกว่าตัวงานที่ทุ่มลงไปโดยไม่สามารถเรียกร้องได้ ไม่สามารถออมเงินได้ เพราะค่าครองชีพทุกอย่างแพงหมด อีกทั้งเจ้าของธุรกิจใหญ่มีพันธสัญญากับรัฐไปแล้วมากมายหลายแห่ง สินค้าอุปโภคบริโภคจึงมีราคาแพงกว่าที่ควรจะเป็น แต่ผู้ทำงานหนัก มีรายได้น้อยก็ทำอะไรไม่ได้ เมื่อบ่นไปก็หาว่า คนจนเพราะขี้เกียจ แต่จริงๆ คนไม่ได้จนเพราะขี้เกียจ แต่จนเพราะระบบสังคมแห่งรัฐกับนักธุรกิจเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน ไม่เคยมีใครนึกถึงคนเล็กๆ อย่างแท้จริง

เราเดินไปบนหนทางที่สร้างความสุขที่แท้แก่ตนเองจริงหรือ?

รามีความสุขกับชีวิตเช่นปัจจุบันนี้ใช่ไหม?

ถึงเวลาหรือยัง…ที่จะมอบความสุขให้กับตนเอง โดย พระพิทยา ฐานิสสโร
ถึงเวลาหรือยัง…ที่จะมอบความสุขให้กับตนเอง โดย พระพิทยา ฐานิสสโร

        หมอชาวอเมริกันที่ดูแลรักษาพระเรื่องปัญหาไหล่ติด ยกแขนไม่ขึ้น(Frozen Shoulder) ในครั้งนี้ ไม่เคยคิดค่าใช้จ่ายใดๆ จะไปรักษาตอนไหนก็ได้ ขอให้แจ้งไปจะจัดเวลาให้ทันที แม้เขาจะไม่ได้รับค่ารักษาชั่วโมงละ ๑๕๐ ดอลล่าร์ก็ตาม แต่สังเกตเห็นเขามีความสุขทุกครั้ง หลังการรักษาพระ และขอบคุณพระที่มา โยมชาวอเมริกันอีกท่านยกบ้านติดทะเลสาบที่เงียบสงบ  ล้อมรอบด้วยป่าให้พระมาพัก นำภาวนาตอนไหนก็ได้ ขอให้แจ้งให้ทราบ

ชาวอเมริกันจำนวนไม่น้อยเริ่มหันมาตระหนักรู้คุณค่าแห่งการอยู่ร่วมกันและฝึกปฏิบัติเจริญสติ วิปัสสนา ฝึกที่จะปล่อยวาง สละในสิ่งที่ตนยึด สิ่งที่ตนมี เพื่อสัมผัสความสุขของจิตใจที่แท้จริง จากการไม่เป็นเจ้าของ ครอบครอง ฝึกที่จะมอบอิสระให้กับจิตใจเมื่อมีโอกาสตามกำลัง ตามความสามารถ และปฏิบัติในวิถีแห่งสติในชีวิตประจำวันไปกับการดำเนินชีวิตอย่างรู้สึกตัวทั่วพร้อม แต่ก็มีคนอเมริกันอีกจำนวนมากที่ทุกข์กับการเสพติดวัตถุ ไม่ต่างจากคนเอเชีย

ถึงเวลาหรือยัง ที่จะมอบความสุขที่แท้ให้กับตัวเอง?

ไม่มีสิ่งใด ใครๆ ทำให้ทุกข์ เมื่อไม่นำจิตไปเกี่ยวข้อง

       จิตใจที่อิสระ คือจิตไร้ความเป็นเจ้าของ ครอบครอง

       สุขสงบไม่มี ในจิตที่ไม่ดำรงอยู่ ณ ขณะนี้ เดี๋ยวนี้

สิ่งสำคัญสำหรับผู้กระทำหน้าที่ ณ ขณะนั้น คือ ไม่สูญเสียสติ ณ ปัจจุบันขณะ

พระพิทยา ฐานิสสโร ผู้เขียน

ถึงเวลาหรือยัง ที่จะมอบความสุขที่แท้ให้กับตัวเอง?

โดย พระพิทยา ฐานิสสโร

จากคอลัมน์ บาตรเดียวท่อง นสพ.คมชัดลึก

หน้าธรรมวิจัย วันอังคารที่ ๑๗ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๒

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here