จาริกธรรมในอเมริกา​ ตอนที่​ ๑๙​

เรียนรู้ทางโลกมามากแล้ว​ อย่าลืมมาเรียนรู้ทางธรรมบ้าง

โดย พระครูสมุห์สุพัฒน์  อนาลโย

พระครูสมุห์สุพัฒน์  อนาลโย กับ โยมพ่อ
พระครูสมุห์สุพัฒน์ อนาลโย กับ โยมพ่อ

โลกใบนี้ที่ทุกคนเกิดมาก็เจอพ่อแม่ญาติพี่น้องที่มาคอยยินดีชื่นชม​ ได้รู้จักการเรียนรู้จากคุณครูคู่แรกคือคุณพ่อคุณแม่ที่สอนลูกให้เรียกว่า​ “พ่อว่าพ่อ​  แม่ว่าแม่” รวมทั้งได้ซึมซับอุปนิสัยใจคอจากพ่อแม่ด้วย​

เราเรียนรู้ทักษะชีวิตในการดำรงชีพ​ ความรักความอบอุ่น​ ร่วมสุขร่วมทุกข์ของคนในครอบครัว​ ได้ยินเสียงหัวเราะเพราะทุกคนมีความสุข​ดีใจสมหวังในสิ่งที่หวังไว้​  ร้องไห้เพราะความโศกเศร้าเสียใจผิดหวัง​ และได้รับความเป็นห่วงเป็นใยหวังดีจากพ่อแม่

นอกจากพ่อแม่แล้วคุณครูที่สองคือ​ คุณครูที่สอนวิชาศิลปะและสรรพวิทยาให้กับเราได้เรียนวิชาชีพสามารถนำเอาวุฒิการศึกษาไปสมัครงานเลี้ยงตนเองและเลี้ยงพ่อแม่ได้ด้วยกำลังสติปัญญาอันบริสุทธิ์ใจ ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่การงาน​ บางคนเรียนจบก็นำเงินเดือนแรกของตนไปบูชาคุณของพ่อแม่​  

ก่อนที่จะจบการศึกษาแล้วทำงานนั้น​  ต้องฝ่าฟันปัญหาอุปสรรคจากตนเอง​ ต้องอดทนขยันเรียน​ อดทนจากคำดูถูกเหยียบยามจากคนอื่น​  อดทนต่อเพื่อนที่ชักชวนไปสู่โลกแห่งความมืดบอด เที่ยวกลางคืน ดื่มของมึนเมา และสิ่งเสพติด​ 

พระครูสมุห์สุพัฒน์  อนาลโย ผู้เขียน
พระครูสมุห์สุพัฒน์ อนาลโย ผู้เขียน

บุคคลที่จะรอดมาได้ต้องมีความอดทนสูง ใจแข็งเด็ดเดี่ยว มีอุดมการณ์เป้าหมายของชีวิตที่ชัดเจน​  มีคำสอนหนึ่งของพ่อแม่ครูอาจารย์ที่จำติดใจคือ​ “ก่อนจะทำอะไร​  ก็ให้นึกถึงหน้าพ่อแม่ไว้” 

ถ้าเราทำอะไรผิดพลาดลงไปใครจะเสียหายล่ะ​  นอกจากเราแล้วก็มีพ่อแม่​  เขาจะนินทาได้ว่าลูกเต้าเหล่าใครไม่รู้ ไม่อบรมสั่งสอนลูกหลานของตนเลย​  ทำให้วงศ์ตระกูลเสียหาย  ถามอีกใครเป็นครูไม่รู้จักสั่งสอนลูกศิษย์เลย​  เรียนอยู่ที่สถาบันไหน​ จะนำความเสื่อมเสียแก่สถานบันได้นะ

เราได้ดิบได้ดีมีวิชาความรู้เอาตัวรอด สามารถมีอาชีพดีๆ เลี้ยงครอบครัวและพ่อแม่ได้อยู่ทุกวันนี้​ เพราะคุณครูหรือพ่อครูแม่ครูที่ประสารประสาทวิชาความรู้ให้​ เขาเรียกว่า “ศิษย์มีครู”​

สิ่งที่เราควรทำ คือ ตอบแทนบุญคุณของพ่อแม่​ ที่ท่านให้ชีวิต เลี้ยงดูส่งให้เรียนจนจบ  สำหรับคุณครูผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ให้ ควรหาโอกาสที่จะตอบแทนบุญครูที่ท่านให้วิชาความรู้​

ใครทำได้สองอย่างนี่เรียกว่า​ เป็นบุคคลที่หาได้ยาก​ เพราะมีคุณธรรมความกตัญญูกตเวที​ คือรู้จักบุญคุณของท่านที่กระทำแล้วตอบแทนบุญคุณท่าน

ส่วนชีวิตการทำงานหรือการใช้ชีวิตแต่ละช่วงก็มีขาขึ้น ทำอะไรกิจการการงานอะไรก็ดีประสบผลสำเร็จได้ แต่สิ่งที่คาดไม่ถึง เมื่อได้โบนัสและเลื่อนตำแหน่งมาพร้อมกัน ทำให้มีรอยยิ้มหน้าบานมีความสุข

และเวลาขาลงมีแต่โชคร้าย​ ทำงานก็ไม่ได้ดั่งใจนึกคิดไว้​  คนเอาแต่กลั่นแกล้งให้เดือดร้อนใจ เป็นเหตุให้เสียใจ​ บางเวลาเห็นว่าจะได้เลื่อนตำแหน่งอยู่แท้ๆ​  แต่มีคนมาชิงชิ่งไปก่อนก็เลย​ ก็ไม่ได้ดั่งใจ​ เสียใจร้องไห้​  เครียดกลุ้มใจ​ ทุกข์ใจ​  นี่หละเขาเรียกว่า​ บุญมีแต่กรรมบัง

ทางโลกนี้มันมีความสุขที่เจือปนกับความทุกข์หรือสุขชั่วคราว บางครั้งนำความเครียดมาให้​  ความเดือดร้อนใจ​  กลุ้มใจ​  มึนหัว​ หาความสุขไม่เจอ​ ยิ่งแสวงหาความสุขยิ่งไม่เจอ​ ไม่รู้ว่าความสุขที่ใจต้องการจริงๆ คืออะไร

มืดมนให้คำตอบของใจไม่ได้ก็กลับกลายเป็นคนหลักลอยไปวันๆ​ เคว้งคว้างไปวันๆ ใช้ชีวิตแบบไม่มีเป้าหมาย

พระครูสมุห์สุพัฒน์  อนาลโย ผู้เขียน
พระครูสมุห์สุพัฒน์ อนาลโย ผู้เขียน

ถามใจเราต้องการอะไรจริงๆ ในชีวิตนี้ ​แล้วลงมือทำในสิ่งที่ใจปรารถนาสิ่งนั้น​  ผลจะออกมาอย่างไรต้องรับให้ได้​  และภูมิใจในสิ่งที่ใจยินดีที่ทำไปแล้ว

พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า​ โลกธรรม ๘​ ของโลก คือ​

ได้ลาภ-เสื่อมลาภ​

ได้ยศ-เสื่อมยศ​

  มีสุข-มีทุกข์​

 มีสรรเสริญก็มีนินทา​

วงจรชีวิตเราหนีไม่พ้นในธรรมของโลก​ ๘​ ข้อนี้ ลองสังเกตคนอยู่รอบตัวเราว่า เราหรือเขาเป็นข้อใดข้อหนึ่งบ้าง​  ท่านมีคำตอบแล้ว​

นี่แหละธรรมของโลก  เราต้องวางใจให้เป็น​   มันมีได้ก็มีเสีย  มันมีเสียก็มีได้​  มันพอใจเสียใจก็มี ไม่พอใจ ไม่เสียใจก็มี​  ผิดหวังก็มีสมหวัง​ คิดว่ามันเป็นธรรมดาของโลกเรา​

ถ้าไม่ปล่อยละวาง มันจะเป็นอดีตที่ฝังใจเรา มันจะหนักใจ ทำให้ทุกข์ใจตามมาในชีวิต​  หากในทางกลับกัน ถ้าเราเข้าใจ ปล่อยวางได้ ใจเราจะปกติ อิสระเบาใจ มีความสุขในการใช้ชีวิต

เมื่อเบื่อหน่ายทางโลกหรืออิ่มตัวและหาคำตอบให้กับใจไม่ได้  เหมือนชีวิตมันมืดมนตันๆแล้ว​  ลองหันมาเรียนรู้ธรรมกันบ้าง​ เผื่อจะได้คำตอบของชีวิต

เรื่องทางโลกมันเป็นเรื่องของภายนอก​ ส่วนโลกของธรรมเรื่องของจิตใจ​  เหมือนร่างกายของเราเป็นโลก​ ส่วนธรรมะเป็นดั่งลมหายใจที่คอยหล่อเลี้ยงชีวิต​

เมื่อเข้าใจธรรมะการใช้ชีวิตภายนอกก็จะง่ายขึ้น​  เพราะใจอิสระเป็นธรรมดา ไม่ยึดมั่นอะไร ก็ไม่เป็นทุกข์กับเรื่องที่เกิดขึ้น  ทุกข์ก็ทุกข์น้อย  กลับมาหาใจที่ปกติได้เร็ว

การเรียนรู้ธรรม คือ​

  • ก่อนนอนไหว้พระสวดมนต์​  เจริญสติภาวนาสัก​ ๓๐​ นาที​ หรือมากกว่านี้
  • เวลานอนก็คลึงมือซ้ายหรือขวาก็ได้ข้างใดข้างหนึ่งจนกว่าจะหลับ ​ มีสติรู้สึกตัวบ้าง​  ไม่รู้สึกตัวบ้าง​  ไม่เป็นไรค่อยๆ สะสมสติไปเรื่อย​ ๆ​ ตื่นเช้ามาก็สบายใจ
  • ตื่นเช้าขึ้นมาแปรงฟันล้างหน้าหรืออาบน้ำให้มีความรู้สึกตัวรู้ว่าตนกำลังอาบน้ำอยู่​มีความคิดเกิดขึ้นก็รู้เฉยๆ แล้วกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง​ ตัวจะเบาสบายใจโล่งๆ อยู่กับปัจจุบัน
  • เดินนั่งทำงานก็ให้มีสติรู้สึกตัวในการเดินนั่งทำการงานไป ใจจดจ่อกับการงานที่ทำแล้วจะมีความสุขกับสิ่งนั้น  เพราะไม่คิดเรื่องอื่นขณะทำงาน
  • ฟังธรรมะชโลมจิตใจให้เบิกบานด้วยธรรม แล้วนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
พระครูปลัดทรัพย์ชู มหาวีโร และ พระครูสมุห์สุพัฒน์ อนาลโย พระวิทยากรกลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศฯ
พระครูปลัดทรัพย์ชู มหาวีโร และ พระครูสมุห์สุพัฒน์ อนาลโย พระวิทยากรกลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศฯ

สรุป​ ไม่ว่าทางโลกและทางธรรมก็อาศัยกันสัมพันธ์กัน​ ทางโลกคือการดำเนินชีวิตไปตามบทบาทหน้าที่​และกาลเวลาเดือนปี​  ส่วนทางธรรมคือ​ การกำหนดชะตาชีวิตที่เป็นไปตามความจริง​ ทำดีได้ดี​ ทำชั่วได้ชั่ว​ มีแต่ใจเราเท่านั้นที่รับรู้ดีกว่าใคร​

เมื่อเบื่อหน่ายทางโลกเรียนรู้มาเยอะแยะแล้ว รู้ความอิจฉาริษยาตาร้อน​ เอารัดเอาเปรียบ​ คงโกงทุจริต​ ความโลภ​อยากได้ของเขามาครอบครอง​  การถูกโกง ถูกกลั่นแกล้ง ถูกใส่ร้ายป้ายสี ความโกรธโมโหขาดสติ ความรู้สึกตัวยับยั้งชั่วดีไม่ได้​ บันดาลโทสะที่เห็นตามข่าว​ทั่วไป และความหลง​ คือความเขลาขาดสติความรู้สึกตัวและปัญญา ทำให้ขาดความฉุกคิดก่อนกระทำ จนก่อนให้เกิดอารมณ์ชั่ววูบตามที่เห็นในสื่อต่างๆ นั้นๆ​

  เพราะทั้งหมด คือการขาดสติยับยั้งชั่งใจก่อน​ เหมือนคำที่ว่า​สติมาปัญญาเกิด​ สติเตลิดจะเกิดปัญหา​  คิดดูดีๆ ก็ใช่จริงๆ นะประโยคนี้

ฉะนั้น​ การใช้ชีวิตควรเรียนรู้จักธรรมะแล้วมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน​  โลกธรรม ​๘​ ทำความเข้าใจว่ามันเป็นธรรมดาของโลก​  ส่วนความกตัญญูกตเวทีควรมีไว้ในจิตในใจ​ เพราะนี้คือ​ ธรรมของคนดี​ 

คนดีทำความดีได้ง่าย​  แต่ทำความชั่วได้ยาก​

ส่วนคนชั่วทำดีได้ยาก​  แต่ทำความชั่วได้ง่าย

ทางโลกให้ความสุขได้ช่วงระยะสั้นๆ

ส่วนทางธรรมให้ความสุขได้ระยะเวลาได้ยาวๆ

ความสุขทางโลกอยากได้ต้องซื้อเอา

ความสุขทางธรรม(สุขทางจิตใจ)​อยากได้ต้องลงมือทำเอง

จาริกธรรมในอเมริกา (ตอนที่ ๑๙) “เรียนรู้ทางโลกมามากแล้ว อย่าลืมมาเรียนรู้ทางธรรมบ้าง” โดย พระครูสมุห์สุพัฒน์ อนาลโย

เรียนรู้ธรรมในชีวิตประจำวัน

พระครูสมุห์สุพัฒน์ อนาลโย ผู้เขียน
  • ก่อนนอนไหว้พระสวดมนต์​  เจริญสติภาวนาสัก​ ๓๐​ นาที​ หรือมากกว่านี้
  • เวลานอนก็คลึงมือซ้ายหรือขวาก็ได้ข้างใดข้างหนึ่งจนกว่าจะหลับ ​ มีสติรู้สึกตัวบ้าง​  ไม่รู้สึกตัวบ้าง​  ไม่เป็นไรค่อยๆ สะสมสติไปเรื่อย​ ๆ​ ตื่นเช้ามาก็สบายใจ
  • ตื่นเช้าขึ้นมาแปรงฟันล้างหน้าหรืออาบน้ำให้มีความรู้สึกตัวรู้ว่าตนกำลังอาบน้ำอยู่​มีความคิดเกิดขึ้นก็รู้เฉยๆ แล้วกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง​ ตัวจะเบาสบายใจโล่งๆ อยู่กับปัจจุบัน
  • เดินนั่งทำงานก็ให้มีสติรู้สึกตัวในการเดินนั่งทำการงานไป ใจจดจ่อกับการงานที่ทำแล้วจะมีความสุขกับสิ่งนั้น  เพราะไม่คิดเรื่องอื่นขณะทำงาน
  • ฟังธรรมะชโลมจิตใจให้เบิกบานด้วยธรรม แล้วนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here