ถ้าเรากลัวอะไร ให้เอากายเอาใจของเราไปอยู่ใกล้ๆ สิ่งนั้น

แล้วให้สังเกตใจตัวเอง อะไรเกิดขึ้นให้มาอยู่กับลมหายใจตัวเอง”

เรียนรู้จิต และฝึกใจให้กล้าแกร่ง กับบททดสอบมากมายในเวลาเดือนหนึ่ง

บนหนทางแห่งการฝึกหัดขัดเกลาตนของสามเณรน้อย…

กว่าจะผ่านพ้น จนได้ดี …

ให้ธรรมคำสอนขัดเกลา สู่เป้าหมายแห่งชีวิต

เบื้องหลัง “สามเณรปลูกปัญญาธรรมปี ๗”

พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท  วัดทองนพคุณ คลองสาน กรุงเทพฯ

      สัปดาห์นี้ขอเล่าส่งท้ายเบื้องหลังสามเณรปลูกปัญญาธรรมปี ๗ ซึ่งได้สัญจรไปที่ภาคอีสาน วัดป่าไทรงาม อำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีพระครูนิโครธธรรรมาภรณ์ หรือหลวงตาเอนก ยสทินฺโท เป็นพระอาจารย์ใหญ่โครงการ มีบททดสอบหลายๆ อย่างให้สามเณรได้เรียนรู้เป็นเรื่องราวความทรงจำในชีวิต

ถามเล่นๆ ถ้าผู้อ่านเองได้บวชเป็นสามเณรคิดว่า อะไรคือบททดสอบที่ยากที่สุดสำหรับการบวชในครั้งนี้ (ลองตอบคำถามตัวเองในใจ) สำหรับสามเณรปลูกปัญญาธรรมปี ๗ ทุกรูป มีความยากแตกต่างกันไป หลายรูปอาจจะมีเรื่องการตื่นเช้า ความง่วง การคิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อแม่ คิดถึงความสบายที่อยู่ที่บ้านที่ทิ้งมา ทุกรูปมีปัญหาของตัวเองที่จะต้องต่อสู้ พัฒนาตนเองให้ดีขึ้น รู้ว่าตัวเองอ่อนเรื่องไหนก็พัฒนาเรื่องนั้น บางรูปกลัวความมืด กลัวใจตัวเอง คิดว่ามืดแล้วจะมีผี มีอะไรต่างๆ นานา

บททดสอบหนึ่งสำหรับการขจัดความกลัวความมืด ความกลัว มีสามเณรหลายรูปกลัวความมืด กลัวผี พระอาจารย์ท่านแก้อารมณ์เหล่านี้อย่างไร ง่ายนิดเดียว ที่วัดป่าไทรงาม มีเมรุสำหรับเผาศพอยู่ ท่านก็ให้ไปพิสูจน์ทีละรูป ให้ไปนั่งสมาธิหน้าเตาเผาศพ ช่วงเวลา ๓ – ๔ ทุ่ม มีลมพัดเย็นๆ บรรยากาศก็ได้อยู่นะ สามเณรเดินไปทีละรูปแล้วก็นั่งสมาธิอยู่หน้าเตาเผาศพประมาณคนละ ๒ นาที หัวใจสามเณรทุกรูปถือว่าสอบผ่าน ไม่มีใครแสดงอาการหวาดกลัวอะไรเลย

นึกถึงตัวเองวันแรกที่ไปถึงวัดป่าไทรงาม พระเจ้าหน้าที่จัดให้ไปจำวัดที่ศาลาเมรุ ไปถึงก็มืดแล้ว ก็เดินเอาสัมภาระไปเก็บในศาลาเมรุ ดึกๆ ก็ออกมาเดินสัมผัสธรรมชาติ ก็มองเข้าไปที่ตัวเมรุเผาศพ เห็นประกายไฟสีแดง ตกลงทางช่องเตาเผาด้านหลังของตัวเมรุ เป็นอันเข้าใจได้ว่า ช่วงใกล้ค่ำที่ผ่านมามีการเผาศพ ก็นึกถึงคำสอนของครูบาอาจารย์ว่า ถ้าเรากลัวอะไร ให้เอากายเอาใจของเราไปอยู่ใกล้ๆ สิ่งนั้น ไปแล้วให้สังเกตใจตัวเอง อะไรเกิดขึ้นให้มาอยู่กับลมหายใจตัวเอง ก็เลยทดสอบดูใจของตัวเอง เดินไปเดินมาใกล้ๆ เห็นการปรุงแต่งของจิตมากมาย ความกลัวก็มี ความคิดก็มี อาการขนลุกขนพองก็เกิดขึ้นมาเอง ไม่อยากให้เกิดก็เกิด ก่อนที่จะไปจำวัด ก็พอทำให้ได้เห็นอะไรที่เกิดขึ้นกับใจตัวเองหลายอย่าง

เมื่อกล่าวถึงศาลาเมรุของวัดป่าไทรงาม ท่านจัดเป็นห้องพักสำหรับพระภิกษุสามเณรอาพาธ มีความสะดวกสบาย มีห้องน้ำในตัว เหมือนกุฏิพระสงฆ์สามเณรทั่วไป ต่างแต่ความรู้สึก เพราะอยู่ติดกับเมรุเผาศพ ท่านคงให้มองให้เป็นธรรมะ ให้พิจารณามรณานุสสติว่า เรามาอยู่ใกล้ความตาย ความจริงท่านคงเห็นประโยชน์ในการให้พระเณรพิจารณามรณานุสสติ เพราะสถานที่เหมาะแก่การพิจารณาธรรมมาก ยิ่งมีความป่วยไข้เป็นอารมณ์ด้วย คิดตามดูนะพักศาลาเมรุ ถ้าเกิดมรณภาพขึ้นมา ก็พร้อมที่จะสวดในศาลาได้เลย เพราะโลงศพก็มี อะไรก็มีครบ สวดเสร็จก็ยกขึ้นเมรุเผาศพได้เลย   

เล่าเรื่องบททดสอบสามเณรต่อ เป็นบททดสอบเรื่องการท่องจำบทสวดมนต์ การเดินจงกรม การนั่งสมาธิ หายห่วงได้ ทุกรูปผ่านบททดสอบได้ไม่ยาก นั่งสมาธิ เดินจงกรมได้เกิน ๖๐ นาทีสบายๆ พิจารณาดูคำสอนในทางพระพุทธศาสนา ซึ่งพระองค์สอนให้พระภิกษุสามเณรบวชใหม่ได้ตระหนัก ไม่ใช่เรื่องความกลัว ไม่ใช่เรื่องการสวดมนต์ไม่คล่อง แต่พระพุทธองค์ท่านให้พิจารณาใน ๔ เรื่อง

ในเรื่องอันตรายของพระภิกษุสามเณรผู้บวชใหม่ คือ

 ๑. อดทนต่อคำสอนไม่ได้ คือเบื่อต่อคำสั่งสอน ขี้เกียจทำตาม ๒.เป็นคนเห็นแก่ปากแก่ท้อง ทนความอดอยากไม่ได้ ๓.เพลิดเพลินในกามคุณ ทะยานอยากได้สุขยิ่งๆ ขึ้นไป ๔.รักผู้หญิง พระภิกษุสามเณรผู้หวังความเจริญแก่ตน ควรระวังอย่าให้อันตราย ๔ อย่างนี้ย่ำยีได้

 บททดสอบเหล่านี้ เรื่องการอดทนต่อคำสอนก็ดี สามเณรสามารถจะทำได้ และทำได้ดีด้วยเรื่องทนต่อความหิว อันนี้สบายๆ ไม่มีใครบ่นเรื่องหิวข้าวตอนเย็นเลย เรื่องเพลิดเพลินในกามคุณ รักผู้หญิง สำหรับสามเณรยังเด็กเกินไปที่จะพูดถึง ประเด็นเรื่องอดทนต่อคำสอนไม่ได้ คือเบื่อต่อคำสั่งสอนขี้เกียจทำตาม ทำไมพระพุทธเจ้า พระองค์ถึงยกมาเป็นเรื่องอันตรายของพระภิกษุสามเณรผู้บวชใหม่ ถ้ามองดูดีๆ เป็นเรื่องของอัตตาตัวตนนะ

บางคนเคยเป็นใหญ่เป็นโตมา ทำอะไรก็มีคนคอยบริการตลอด เมื่อบวชแล้ว ไม่ใช่เรื่องง่ายที่คนเราจะทิ้งอัตตาตัวตนแล้วปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ครูบาจารย์ พึ่งตัวเองให้ได้ เรียกง่ายๆ ว่าไม่บกพร่องต่อกิจวัตรประจำวันของตัวเอง ถึงเวลาตื่นต้องตื่น ถึงเวลาทำวัตรต้องทำวัตร ถึงเวลาปัดกวาดเช็ดถูก็ทำได้ ถึงเวลาฉันก็ฉัน เรียกได้ว่า วัดมีกิจวัตรอะไร เราสามารถจะทำได้อย่างไม่บกพร่อง ควบคุมกายวาจาจิตของตนเองได้ ประคับประคองชีวิตให้อยู่ในกรอบของพระธรรมวินัย ไม่ตามใจตนเอง ถ้าเราทำได้ อยู่ได้ ธรรมะคำสอนก็จะค่อยๆ ขัดเกลาชีวิตให้ดีงามขึ้นเรื่อยๆ

           สำหรับสามเณรในเวลา ๑ เดือนต่อบททดสอบที่กล่าวมา ถือว่าทุกรูปทำได้ดี แต่มีบททดสอบหนึ่ง ที่เป็นบททดสอบว่าการบวชตลอด ๑ เดือน สามเณรมีความรู้ ความเข้าใจธรรมะมากน้อยขนาดไหน เมื่อเข้าใจแล้วสามารถถ่ายทอดแบ่งปันบรรยายให้คนอื่นเข้าใจได้ไหม นั่นก็คือบททดสอบเรื่องการแสดงธรรม บรรยายธรรมโปรดโยมพ่อโยมแม่ โปรดญาติโยมที่ถวายข้าวปลาอาหารในวันลาสิกขา

ขอเล่าถึงบรรรยากาศในวันนั้น ใจหายมาก วันที่สามเณรน้อยทั้ง ๑๒ รูปบรรยายธรรมเสร็จแล้วลาสิกขา ภาพยังติดตาอยู่เลยสามเณรรูปสุดท้ายบรรยายธรรมเสร็จ ลงมานั่งหันหน้ากราบหลวงตาแล้วทุกรูปก็กล่าวคำลาสิกขา กำลังซึ้งกับการบรรยายธรรม ไม่อยากให้ลาสิกขาเลย

ระหว่างที่ฟังสามเณรรูปที่เล็กที่สุดบรรยายธรรม ยอมรับเลยว่า น้ำตาไหล นั่งหลับตาฟังสามเณรแล้ว ซึ้งมากน้ำตาไหลเลย สามเณรพูดถึงเรื่องราวการมาบวชของตนเองที่ต้องมีความเพียร ความอดทน อดทนเพื่อเอาชนะใจตัวเองให้ได้ เพียรเพื่อให้ธรรมะเกิดขึ้นในใจ สามเณรเล่าว่าสาเหตุที่อยากบวชเพราะต้องการฉลาดธรรมะ ตอนที่ยังไม่ได้บวชชอบเล่นเทควันโด

ขอยกตัวอย่างบางช่วงบางตอนของการบรรยายธรรมของสามเณรมาให้ฟัง อาจจะไม่ทั้งหมดเท่าที่จำได้บางช่วงบางตอน สามเณรบรรยายว่า

เจริญพรท่านสาธุชนทั้งหลาย วันนี้สามเณรมาบรรยายธรรมเรื่อง เพียรทำดี ปฏิบัติดี ก่อนที่จะบวช ลูกเณรเคยพูดไว้ว่า ที่อยากบวชเพราะอยากจะฉลาดธรรมะ จนวันนี้ก็ไม่รู้ว่า ลูกเณรฉลาดธรรมะไหม

ลูกเณรรู้แค่ว่า การบวชในครั้งนี้ ได้ใช้ความเพียรเยอะมาก ความเพียรสำหรับลูกเณรคือ พยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างให้ประสบความสำเร็จ เช่น การห่มจีวร แรกๆ มันห่มยากมาก แต่ก็ฝึกไปเรื่อยๆ ไม่เคยท้อ จริงๆ แล้วก็เคยท้ออยู่ครั้งหนึ่ง ท้อคือคิดอยากจะหยุด คิดแบบว่า ทำไมมันเหนื่อยจัง ทำไมมันยากจัง แต่ก็คิดแค่ครั้งเดียว เพราะถ้าเราท้อ การประสบความสำเร็จ มันจะไม่อยู่ข้างหน้า จนในที่สุดลูกเณรก็ห่มจีวรได้ นี้เป็นสิ่งที่ลูกเณรภูมิใจมาก

เรื่องที่สองคือการเดินจงกรม เราต้องเดินไปเรื่อยๆ บางวันก็ต้องเดินเป็นชั่วโมง ถ้าไม่ใช้ความเพียรก็ไม่รู้จะเป็นอย่างไร ลูกเณรรู้คือต้องอดทน จึงจะประสบความสำเร็จ เรื่องที่สามคือการบำเพ็ญประโยชน์ หรือกวาดลานวัด ต้องใช้ความเพียรอีก เพราะทำไปนานๆ มันก็เหนื่อย บางวันก็หิวด้วย ลูกเณรก็อดทนอย่างเดียว ที่ทนได้ส่วนหนึ่ง เพราะอดทนมาแล้วจากการเล่นเทควันโด

การเล่น เทควันโดเป็นการอดทน ซ้อมและแข่งขันเพื่อเอาชนะคนอื่น แต่การบวชเป็นสามเณรต้องอนทนเพื่อธรรมะ การอดทนเดินจงกรม นั่งสมาธิ เป็นการอดทนเพื่อชนะใจตนเอง

พระอาจารย์เลยบอกว่า สามเณรรู้ไหม สามเณรฉลาดธรรมะแล้ว เพราะได้ทำตามธรรมแล้ว ดังที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ว่า เกิดเป็นคนควรพยายามร่ำไป จนกว่าจะประสบความสำเร็จ

พูดถึงสามเณรรูปเล็กสุดมีความประทับใจหลายเรื่อง แต่เรื่องหนึ่งที่อยากเล่าให้ฟังคือ วันหนึ่งมีเพื่อนสามเณรบอกว่า สามเณรฉันช้าเลยไม่ได้ล้างบาตรพระอาจารย์

วันนั้นมีสามเณรล้างบาตรให้ผู้เขียนแล้วมีกลิ่นคาวอาหารมาก ก็เลยใช้สามเณรบอกว่า สามเณรช่วยล้างบาตรให้พระอาจารย์หน่อย สามเณรบอกว่า ไม่ได้ครับผมมีภารกิจอยู่ ๒ เรื่อง

ผู้เขียนก็มองดูว่า สามเณรมีภารกิจอะไร แล้วสามเณรก็อุ้มบาตรของตัวเองไปล้าง ล้างเสร็จแล้วก็นำมาเช็ด นำบาตรตัวเองไปตากแดด แล้วก็เก็บกระโถนของเพื่อนๆ ประมาณ ๖-๗ ใบ นำไปล้าง เสร็จแล้วผ่านไปประมาณ ๑๐ นาที สามเณรเดินมาหาบอกว่า พระอาจารย์ครับผมเสร็จภารกิจแล้วครับ ขอล้างบาตรครับ

พูดถึงแล้วก็ประทับใจ สามเณรไม่ลืมในสิ่งที่พระอาจารย์บอก  

เรื่องราวการฝึกฝนตนเองของสามเณรแต่ละรูป มีความยากง่ายต่างกัน มีอุปสรรคปัญหาที่แตกต่างกันไป เฉกเช่นเดียวกับการใช้ชีวิตของเราท่านทั้งหลาย มีความยากง่ายต่างกัน สำคัญอยู่ที่เป้าหมายที่เราจะเดินไป สามเณรบวชก็มีเป้าหมายในการบวช เราใช้ชีวิตก็ควรจะมีเป้าหมายในชีวิตเช่นเดียวกัน

การใช้ชีวิตไม่ว่าทางโลก หรือทางธรรม เราก็สามารถที่จะประสบความสำเร็จได้ ถ้าหากเรามีเป้าหมาย เรื่องราวของสามเณรคงเป็นบทเรียนให้ชีวิตแล้วว่า ชีวิตไม่มีอะไรยาก ถ้าหากเราตั้งใจทำ

คอลัมน์ จาริกบ้าน จารึกธรรม (หน้าพระไตรสรณคมน์ นสพ.คมชัดลึก วันพฤหัสบดีที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๒) โดย พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท  วัดทองนพคุณ คลองสาน กรุงเทพฯ

พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท ผู้เขียน กรรมการและเลขานุการ สถาบันพัฒนาพระวิทยากร สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท ผู้เขียน
กรรมการและเลขานุการ สถาบันพัฒนาพระวิทยากร
สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here