![พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท)](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2021/11/หลวงปู่ชา-.jpg)
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2024/04/S__28082253_0-1024x768.jpg)
วันนี้วันพระ
วันอังคารที่ ๒๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๕
ศึกษาธรรมะภายในกายใจ “ให้ทาน ให้ธรรม กตัญญุตา”สามเณรพุทธศากยบุตร “ฮ่มธรรม ฮ่องคำอิสาน” สร้างบารมีน้อมถวายเป็นพุทธบูชา มอบข้าวสารอาหารแห้งผู้ยากไร้ หน้าพระธาตุเกษแก้ว หลวงปู่ชา สุภัทโท วัดป่าหนองหวาย จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งหลวงปู่เลี่ยม จัดสร้างขึ้น
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2024/04/S__28082257_0-768x1024.jpg)
“ให้ทาน ให้ธรรม กตัญญุตา”
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2024/04/S__28082243_0-768x1024.jpg)
สร้างบารมีน้อมถวายเป็นพุทธบูชา มอบข้าวสารอาหารแห้งผู้ยากไร้
หน้าพระธาตุเกษแก้ว วัดป่าหนองหวาย จังหวัดศรีสะเกษ
สามเณรพุทธศากยบุตร “ฮ่มธรรม ฮ่องคำอิสาน” สร้างบารมีน้อมถวายเป็นพุทธบูชา มอบข้าวสารอาหารแห้งผู้ยากไร้หน้าพระธาตุเกษแก้ว หลวงปู่ชา สุภัทโท วัดป่าหนองหวาย จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันที่ ๑๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ ที่ผ่านมา
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2024/04/S__28082259_0-1024x768.jpg)
ณ วัดป่าหนองหวาย ตำบลโคกจาน อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ เป็นวัดบ้านเกิดหลวงปู่เลี่ยม
![พระราชภาวนาวิกรม (เลี่ยม ฐิตธมฺโม) และ พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) ในขณะนั้น พร้อมทั้งคณะสงฆ์ ศิษยานุศิษย์ พระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา สุภัทโท) อาจาริยบูชา ณ เจดีย์พระโพธิญาณเถร วัดหนองป่าพง อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/03/S__5726296-1024x681.jpg)
ปัจจุบัน พระเทพวชิรญาณ (หลวงปู่เลี่ยม ฐิตธัมโม) เป็นเจ้าอาวาสวัดหนองป่าพง จังหวัดอุบลราชธานี และ เป็นประธานสงฆ์วัดป่าหนองหวาย ตำบลโคกจาน อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ บ้านเกิดท่าน
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2024/04/S__10878984-576x1024.jpg)
โครงการบรรพชาสามเณรพุทธศากยบุตร “ฮ่องธรรม ฮ่องคำอิสาน” เป็นโครงการบรรพชาสามเณรฤดูร้อน มีแนวทางในการ “ฝึกฝนกาย พัฒนาจิตใจ สร้างบุญบารมี” จัดขึ้นเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม – ๑๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ ณ พุทธสถานฮ่องธรรม ตำบลทุ่งไชย อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2024/04/IMG_0641-1-1024x509.jpg)
จัดโดย พระมหาติ่ง มหิสฺสโร,ดร. ประธานสงฆ์ / ประธานมูลนิธิบุญพระศาสนาสงเคราะห์ , พระมหาสิทธิชัย สิทฺธิญาโณ วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร และ พระบุรินทร์ ฐานสมฺปนฺโน สำนักสงฆ์ พุทธสถานฮ่องธรรม อีสาน
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2024/04/S__28065854-768x1024.jpg)
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2024/04/S__28065847-1-1024x768.jpg)
สร้างบารมีน้อมถวายเป็นพุทธบูชา มอบข้าวสารอาหารแห้งผู้ยากไ
หน้าพระธาตุเกษแก้ว วัดป่าหนองหวาย จังหวัดศรีสะเกษ
แต่ละวันสามเณรได้รับการฝึกข้อวัตรปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็นการสวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น การออกบิณฑบาตในยามเช้า การขบฉันอย่างเรียบร้อย การทำความสะอาดเสนาสนะ การเดินธุดงค์บวชป่า และการสงเคราะห์ชาวบ้านที่ยากไร้ ซึ่งเป็นการตอบแทนพระคุณพ่อแม่ครูบาอาจารย์และชาวบ้าน ที่ให้ข้าว ให้น้ำ ให้เสนาสนะที่พักอาศัย ให้ชีวิตเติบโตมาอย่างมีคุณภาพ เป็นคนดีที่โลกต้องการ
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2024/04/S__28065845-1024x768.jpg)
ในธรรมนิพนธ์ เรื่อง ลูกผู้ชายต้องบวช” เขียน/เรียบเรียงโดย ญาณวชิระ (อดีตพระราชกิจจาภรณ์) พระอาจารย์ฺเทอด ญาณวชิโร อธิบายเรื่อง “คุณมารดาบิดามีค่ายิ่ง” ไว้ดังนี้
![ธรรมนิพนธ์เรื่อง "ลูกผู้ชายต้องบวช" เขียนโดย พระอาจารย์ญาณวชิระ : พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) ในขณะนั้น จัดพิมพ์โดย สถาบันพัฒนาพระวิทยากร วัดสระเกศฯ กรุงเทพมหานคร ฉบับธรรมทาน ผู้อุปถัมภ์จัดพิมพ์ บริษัท โตโยต้าบัสส์ จำกัด](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2022/01/A09B4813-BD78-4B6B-AD54-E2AA9B5807C3-1024x683.jpg)
คุณมารดาบิดามีค่ายิ่ง
ในชีวิตของลูกทุกคน พ่อแม่เป็นผู้มีพระคุณสูงสุด จึงควรทำท่านให้ได้รับความสบายใจ อย่าให้ทุกข์ระทมขมขื่นใจ ผู้เป็นลูกควรเลี้ยงพ่อแม่ด้วยอาหารกายคือตอบแทนด้วยวัตถุสิ่งของ ตลอดจนการแบ่งเบาภาระหน้าที่ช่วยกิจการงาน และเลี้ยงอาหารใจคือ ตอบแทนด้วยการตั้งอยู่ในโอวาทเชื่อฟังคำแนะนำสั่งสอนของท่าน ประพฤติตัวให้ท่านเกิดความรู้สึกปลาบปลื้มใจ
พฤติกรรมที่ลูกๆ แสดงออกทั้งการกระทำและคำพูดนั้น ล้วนเป็นอาหารหล่อเลี้ยงใจและเป็นยาพิษทำลายความรู้สึกของพ่อแม่ ถ้าลูกๆ ประพฤติดีงดงามด้วยกิริยามารยาท สังคมยกย่องสรรเสริญ ก็นำความปลาบปลื้มมาสู่จิตใจท่าน เป็นการหล่อเลี้ยงท่านด้วยอาหารใจ ถ้าประพฤติเสียหาย สร้างความเดือดร้อนให้แก่สังคม ก็นำความเจ็บปวดมาสู่ใจพ่อแม่ เรียกว่าหล่อเลี้ยงพ่อแม่ด้วยความเจ็บปวด ไม่ต่างจากเลี้ยงด้วยยาพิษ
ผู้ที่เป็นลูกควรตระหนักว่า จะเลี้ยงพ่อแม่ด้วยอาหารใจ คือความปลาบปลื้ม หรืออาหารใจคือความเจ็บปวด
พ่อแม่เป็นผู้มีพระคุณสูงสุดยิ่ง ดังพระพุทธองค์ตรัสไว้เป็นคำบาลีว่า “พรหมาติ มาตา ปิตโร” พ่อแม่นั้นมีน้ำใจอนุเคราะห์ลูกของท่าน จึงเรียกกันว่าเป็นพรหมของลูกๆ เป็นครูอาจารย์คนแรกของลูก ๆ และเป็นพระอรหันต์ของลูก
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2024/04/S__28065846-1024x768.jpg)
พ่อแม่ คือ พรหมของลูก
พ่อแม่ได้ชื่อว่าเป็นพระพรหมของลูกเนื่องจากท่านมีพรหมวิหารธรรม คือ ความรักความเอื้ออาทรต่อลูกอยู่ในใจไม่มีที่สิ้นสุดก่อนพระพุทธเจ้าตรัสรู้ศาสนาพราหมณ์สอนว่า พระพรหมเป็นผู้สร้างสรรพสิ่ง เป็นผู้ให้ชีวิตและดลบันดาลให้เป็นต่างๆ พรหมเป็นผู้สูงสุดในโลก คนจึงเคารพบูชาพระพรหม
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2024/04/S__28065850-1024x768.jpg)
สร้างบารมีน้อมถวายเป็นพุทธบูชา มอบข้าวสารอาหารแห้งผู้ยากไร้
หน้าพระธาตุเกษแก้ว วัดป่าหนองหวาย จังหวัดศรีสะเกษ
ภายหลังจากพระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้แล้ว พระองค์ตรัสว่า แท้จริงแล้วพ่อแม่นั่นแหละเป็นผู้สูงสุดในชีวิตของคนเรา เพราะท่านประกอบด้วย พรหมวิหารธรรม ๔ ประการอย่างเปี่ยมล้น คือ มีเมตตาธรรม มีกรุณาธรรม มีมุทิตาธรรม และมีอุเบกขาธรรม จึงเรียกว่า พรหมของบุตรธิดา
“เมตตาธรรม” ความรักที่พ่อแม่มีต่อลูกเป็นความรักที่บริสุทธิ์ มิได้หวังสิ่งตอบแทนใดๆ จะมีก็เพียงแต่อยากเห็นลูกเป็นคนดี ปฏิบัติดีอยู่ในโอวาท ไม่สร้างความเดือดร้อนแก่สังคม ความรักของพ่อแม่นั้นไม่เปลี่ยนแปลงแปรผัน ลูกเกิดมาแล้วรักอยู่อย่างไร แม้จะเจริญเติบโตเป็นหนุ่มเป็นสาว จนลูกแก่ชรา หากยังมีชีวิตอยู่ก็ยังคงรักอยู่อย่างนั้นเสมอ จะเป็นลูกผู้หญิงลูกผู้ชายก็รัก รักเสมอต้นเสมอปลาย แม้แต่จะพิกลพิการไม่สมประกอบประการใด บุคคลอื่นอาจรังเกียจ แต่พ่อแม่ก็รัก พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะให้ลูกสมบูรณ์ จนต้องบนบานศาลกล่าว
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2024/04/S__28065851-1024x768.jpg)
สร้างบารมีน้อมถวายเป็นพุทธบูชา มอบข้าวสารอาหารแห้งผู้ยากไร้
หน้าพระธาตุเกษแก้ว วัดป่าหนองหวาย จังหวัดศรีสะเกษ
การที่พ่อแม่มีลูกเกิดมาสมประกอบ ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย เติบโตขึ้นมาอยู่ในโอวาทของพ่อแม่ ปฏิบัติตัวดีไม่เกเรเป็นอันธพาล มีความรักใคร่กลมเกลียว พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันระหว่างพี่น้องร่วมท้อง ไม่ดูหมิ่นดูแคลนผู้อื่น ถือได้ว่าเป็นผลบุญที่ได้กระทำมาของตัวพ่อแม่ หรือแม้ว่าลูกจะประพฤติตัวไม่ดีอย่างไร พ่อแม่ก็ตัดลูกไม่ขาด เพราะท่านมีเมตตาธรรมอันยิ่งใหญ่ คือ ความรักอันบริสุทธิ์ เป็นเยื่อใยฝังอยู่ในจิตใจตลอดเวลา เป็นความรักความเมตตาที่ไร้ขอบเขตไร้พรมแดนขีดขั้น
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2024/04/S__28065852-1024x768.jpg)
สร้างบารมีน้อมถวายเป็นพุทธบูชา มอบข้าวสารอาหารแห้งผู้ยากไร้
หน้าพระธาตุเกษแก้ว วัดป่าหนองหวาย จังหวัดศรีสะเกษ
“กรุณาธรรม” คือ ความห่วงใย เอื้ออาทรในลูกๆ เป็นความห่วงใยที่มีมากกว่าความห่วงใยในตัวเอง นอกจากความรักความเมตตาที่มีต่อบุตรแล้ว ยังมีความกรุณาดูแลเอาใจใส่ลูกอยู่ตลอดเวลา จนบางครั้งดูเหมือนว่าพ่อแม่เป็นคนแก่ขี้บ่นจู้จี้จุกจิก ไม่เห็นลูกโตสักที เวลาที่ลูกป่วยไข้ ถ้าลูกยังนอนไม่หลับพ่อแม่ก็นอนไม่หลับ ในคราวที่ลูกกินไม่ได้ พ่อแม่ก็รับประทานอาหารไม่ลง เพราะความเป็นห่วงเป็นใยเอื้ออาทรด้วยอำนาจกรุณาธรรม
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2024/04/S__28065855-768x1024.jpg)
คนที่รู้ว่าจะมีลูกก็เริ่มเกิดความห่วงใยขึ้นมาทันที แม่ก็ต้องรักษาร่างกายตนเองให้ดี ส่วนพ่อก็จัดหาอาหารสิ่งของมาบำรุงรักษาแม่ของลูกให้ดี เพื่อลูกจะได้เกิดมาอย่างปลอดภัย เมื่อคลอดลูกออกมาแล้วคนที่ต้องไปทำงาน แม้ตัวไปทำงาน แต่ใจก็อยู่กับลูกเป็นห่วงสารพัด อยากจะอยู่ใกล้ๆ คอยดูแลเอาใจใส่ลูกเองตลอดเวลา
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2024/04/S__28082246_0-768x1024.jpg)
เมื่อลูกโตไปอยู่ห่างไกลจากพ่อแม่ๆ ก็เป็นห่วงว่าลูกจะไปอยู่อย่างไร ความเป็นอยู่สะดวกดีหรือเปล่า ขาดเหลือสิ่งใดไหม ช่วงนี้เวลานี้ ลูกเคยทำสิ่งนี้เคยพูดสิ่งนี้ ตอนนี้ลูกจะทำอะไรอยู่ เมื่อก่อนพ่อแม่เคยทำสิ่งนี้ๆ ให้ ตอนนี้ใครจะทำให้ สารพัดที่จะเป็นกังวล นี่ก็เป็นความห่วงของท่านอีก เป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่าพ่อแม่ท่านเป็นห่วงเป็นใยลูกด้วยอำนาจ กรุณาธรรม
“มุทิตาธรรม” คือ ความพลอยยินดีกับความดีของลูก พ่อแม่จะอิ่มอกอิ่มใจในความดีและความเจริญรุ่งเรืองของลูก เวลาเป็นเด็ก ลูกเล่นอะไรก็เพลินตามที่ลูกเล่น แม้ในเวลาที่ตัวเองเจริญรุ่งเรืองประสบความสำเร็จใดๆ ก็ไม่ปลื้มอกปลื้มใจดีใจเป็นที่สุด เหมือนกับเห็นความเจริญก้าวหน้าของลูกๆ แม้แต่ความเจริญกาย เจริญวัยของลูกก็ทำให้ดีใจอิ่มใจ พ่อแม่มักจะพูดอยู่บ่อยๆ ว่า ลูกเดินได้แล้ว ลูกพูดได้แล้ว ลูกพูดอย่างนั้น ลูกพูดอย่างนี้ ลูกเรียนจบแล้ว ลูกมีงานทำแล้ว ลูกทำอย่างนี้ได้ ลูกทำอย่างนั้นได้ ถึงแม้รู้ว่าเด็กๆ ทุกคนก็สามารถทำได้โดยสัญชาตญาณอยู่แล้ว แต่ด้วยความปีติยินดีก็ไม่สามารถอดนำไปพูดกับคนรอบข้างได้
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2024/04/S__28082248_0-768x1024.jpg)
สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นเรื่องที่ยืนยันได้ถึงความยินดีปรีดา ปลื้มเปรมใจของพ่อแม่ ที่เห็นลูกมีความเจริญก้าวหน้าได้เป็นอย่างดี
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2024/04/S__28082249_0-768x1024.jpg)
สร้างบารมีน้อมถวายเป็นพุทธบูชา มอบข้าวสารอาหารแห้งผู้ยากไร้
หน้าพระธาตุเกษแก้ว วัดป่าหนองหวาย จังหวัดศรีสะเกษ
“อุเบกขาธรรม” คือ การวางใจให้เป็นกลาง ไม่โกรธเกลียด แม้บางครั้งลูกทำผิดต่อพ่อแม่มากก็ตาม แม้จะมีความรักความสงสารลูกอย่างไร ก็จำต้องกล้ำกลืนฝืนใจดุด่าว่ากล่าว หรือแม้กระทั่งลงโทษโดยประการต่างๆ เพื่อให้ลูกได้ดี ถึงลูกจะทำให้ท่านไม่สบายอกไม่สบายใจอย่างไร ท่านก็วางอยู่ในอุเบกขาฝืนใจรักดุด่าว่ากล่าวตักเตือนตามความผิด โดยไม่ได้มีใจโกรธ เกลียดหรืออาฆาตพยาบาท
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2024/04/S__28082250_0-768x1024.jpg)
สิ่งสำคัญที่ควรสังเกตเกี่ยวกับอุเบกขาธรรมของพ่อแม่ คือพ่อแม่พยายามไม่แสดงอาการใดๆ ให้ลูกต้องพลอยเดือดเนื้อร้อนใจ แม้จะมีปัญหาในการหาเงินหาอาหารมาเลี้ยงดูลูกๆ เราสังเกตเห็นว่าท่านไม่สบายใจ แต่เมื่อเราเข้าไปถามท่านก็มักจะตอบว่า ไม่มีปัญหา ไม่ต้องเป็นห่วงอะไร ปล่อยเป็นหน้าที่ของพ่อกับแม่
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2024/04/S__28082251_0-768x1024.jpg)
บางครั้งเมื่อพ่อแม่แก่ชรา หากลูกถามว่าพ่อแม่ต้องการอะไร ก็มักจะได้ยินคำปฏิเสธอยู่เสมอว่าไม่ต้องการ จะถามว่าอยากรับประทานอะไรก็ตอบว่าไม่อยาก คราวเจ็บไข้ได้ป่วย ถามว่าเจ็บมากหรือไม่ ท่านก็จะบอกว่าไม่เป็นไร เจ็บเพียงเล็กน้อย การที่พ่อแม่ตอบหรือกระทำอย่างนี้ ก็เพราะท่านไม่ต้องการให้ลูกๆ เป็นห่วง
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2024/04/S__28082252_0-1024x768.jpg)
เพราะพรหมวิหารธรรม ๔ ประการที่พ่อแม่มีต่อลูกอย่างเปี่ยมล้นไม่ลดน้อย พระพุทธเจ้าจึงตรัสเรียกพ่อแม่ว่า “พระพรหมของลูก”
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2024/04/S__28082253_0-1024x768.jpg)
พ่อแม่ คือ ครูอาจารย์คนแรกของลูก
พ่อแม่เป็นครูอาจารย์คนแรกของลูก เพราะจากวันที่ลูกเกิดท่านเป็นคนแรกที่คอยพร่ำสอนลูกอยู่ตลอดเวลา สอนลูกให้เรียกคนนี้ว่า ป้า ให้เรียกคนนั้นว่า ลุง ให้เรียกคนทั้งหลายรอบตัวเหมือนญาติของตนเอง เพื่อต้องการฝากฝังให้ทุกคนรักลูกของท่าน และท่านก็เป็นครูของลูกตลอดไป ตั้งแต่เล็กจนโต เป็นครูอยู่ตลอดไปไม่มีเกษียณอายุ แม้จากโลกนี้ไปแล้วก็ยังเป็นครูของลูกอยู่ เพราะเราคือท่าน ทุกสิ่งที่ท่านสอนอยู่ในตัวเรา พ่อแม่จึงเป็นครูที่วิเศษสุดอย่างยิ่งในชีวิตของลูก
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2024/04/S__28065849-1024x768.jpg)
สร้างบารมีน้อมถวายเป็นพุทธบูชา มอบข้าวสารอาหารแห้งผู้ยากไร้
หน้าพระธาตุเกษแก้ว วัดป่าหนองหวาย จังหวัดศรีสะเกษ
พ่อแม่ คือ พระอรหันต์ของลูก
พระอรหันต์นั้น คือ ผู้บริสุทธิ์ มีกายบริสุทธิ์ มีวาจาบริสุทธิ์ และมีใจบริสุทธิ์ พ่อแม่เป็นผู้มีจิตใจที่บริสุทธิ์ต่อลูกอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยทำให้ลูกเดือดร้อน ไม่เคยคิดให้ลูกประสบสิ่งที่เป็นอันตรายแม้แต่เพียงเล็กน้อย จิตเช่นนี้แหละที่เรียกว่าจิตบริสุทธิ์ของพ่อแม่ ซึ่งเป็นพระอรหันต์สำหรับลูก เพราะพระคุณต่างๆ ของท่านมีมากมายดังที่กล่าวมานี้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงยกย่องพ่อแม่ไว้อย่างสูง ยากที่จะเทียบได้ จึงตรัสสอนให้รู้จักตอบแทนพระคุณของพ่อแม่ แม้จะยกแม่ไว้บนไหล่ข้างหนึ่ง ยกพ่อไว้บนไหล่ข้างหนึ่ง ให้ท่านถ่ายอุจจาระปัสสาวะอุปัฏฐากบำรุงท่านตลอดชีวิต ก็ยังตอบแทนคุณไม่หมด
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2024/04/S__28065848-1024x768.jpg)
สร้างบารมีน้อมถวายเป็นพุทธบูชา มอบข้าวสารอาหารแห้งผู้ยากไร้
หน้าพระธาตุเกษแก้ว วัดป่าหนองหวาย จังหวัดศรีสะเกษ
พ่อแม่ คือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของลูก
แม้ว่าเราจะแสวงบุญด้วยการไปไหว้พระที่ไหนก็อย่าลืมไหว้พระคือพ่อแม่ พระคือพ่อแม่เป็นพระประจำบ้าน แม้จะไปไหว้เทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนก็อย่าลืมไหว้เคารพพ่อแม่ซึ่งเป็นเทวดาศักดิ์สิทธิ์ประจำบ้านของเรา
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2024/04/S__28082254_0-1024x768.jpg)
บางคนออกเที่ยวกราบไหว้พระทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก ทิศตะวันตกโดยรอบ ด้วยคิดว่าพระที่อยู่ ณ นั้นเป็นพระอรหันต์ เป็นพระอริยะเจ้า เป็นพระศักดิ์สิทธิ์ เที่ยวกราบไหว้บูชาภูผา ต้นไม้ และหุบเขา โดยคิดว่ามีเทวดาศักดิ์สิทธิ์สิงอยู่ แต่ไม่เคยกราบไหว้พ่อแม่ตนเองเลย เพราะลืมคิดไปว่าพระอรหันต์อยู่ในบ้านแล้ว ก็แล้วเทวดาที่ไหนจะอำนวยประโยชน์แก่เขา ในเมื่อพ่อแม่ของตนก็ยังไม่เห็นความสำคัญ
การบวช คือ การตอบแทนบุญคุณพ่อแม่
ความกตัญญูเป็นหลักธรรมประจำใจที่สำคัญที่คนไทยยึดถือ หากมีโอกาสในชีวิตของลูกผู้ชายคนหนึ่ง สิ่งที่จะให้ตกหล่นหายไปไม่ได้ คือการแสดงความกตัญญู และความกตัญญูสูงสุดสำหรับลูกผู้ชายที่นับถือพระพุทธศาสนาควรทำ คือ การมีโอกาสบวชในพระพุทธศาสนา
การทำได้เช่นนี้ ชื่อว่าได้ทำหน้าที่ของลูกผู้ชายอย่างสมบูรณ์ จัดได้ว่าเป็นบุตรที่ประเสริฐ เพราะยกบิดามารดาสู่มรรคาแห่งสวรรค์ ในทางพระพุทธศาสนาได้จำแนกบุตรไว้ ๓ ประเภท ดังนี้
(๑) อวชาตบุตร ลูกเลว
ลูกที่ไม่ทำหน้าที่ของลูกต่อพ่อแม่เหมือนลูกคนอื่นๆอวชาตบุตรเกิดมาเพื่อล้างผลาญทรัพย์สมบัติของพ่อแม่ ทำลายชื่อเสียงเกียรติยศของวงศ์ตระกูล แม้พ่อแม่จะเจ็บปวดทุกข์ระทมใจเพราะพฤติกรรมของลูกเช่นนี้ แต่เพราะรักลูกจึงไม่กล้าแม้แต่จะว่ากล่าวตักเตือน หรือทำโทษ แม้ลูกจะทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ก็พยายามปกป้องลูก
(๒) อนุชาตบุตร ลูกที่ทำหน้าที่ของลูก
ลูกที่ไม่ทำให้พ่อแม่ทุกข์ร้อนใจตั้งอยู่ในโอวาทคำสั่งสอน มีความกตัญญูเลี้ยงดูพ่อแม่ตามหน้าที่ของลูกที่พึงกระทำต่อพ่อแม่ผู้มีพระคุณ เมื่อมีความผิดพ่อแม่ว่ากล่าวตักเตือนหรือทำโทษตามความ ผิดก็น้อมรับด้วยความเชื่อฟัง
(๓) อภิชาตบุตร ลูกที่ประเสริฐ
ลูกที่ไม่เพียงแต่ทำหน้าที่ของลูก ด้วยการเชื่อฟังคำสอน เลี้ยงดูพ่อแม่ ด้วยความกตัญญูเท่านั้น แต่ยังนำพ่อแม่เข้าสู่ทางทางแห่งสวรรค์ด้วย
ความกตัญญูที่บ่งบอกถึงความเป็นอภิชาตบุตรนั้น ได้แก่คุณค่าแห่งจิตใจที่งดงามอ่อนโยนงดงาม ไม่แสดงอาการก้าวร้าวรุนแรงต่อผู้มีพระคุณทั้งความคิด คำพูดและการแสดงออกทางกาย รู้จักคุณความดีที่ท่านทำแก่ตนแล้วจดจำใส่ใจไว้ ตระหนักนึกอยู่เสมอถึงคุณความดีนั้น ไม่ลบหลู่ ไม่ดูหมิ่นดูแคลน ไม่เหยียดหยาม ไม่เสแสร้งแกล้งทำ มีความอ่อนน้อมโดยธรรมชาติ เมื่อมีโอกาสก็ตอบแทนด้วยสำนึกในพระคุณนั้น
ความกตัญญูนี้เองเป็นมงคลสูงสุดอย่างหนึ่งในชีวิต คนเรามักมองข้ามมงคลอันหาประมาณมิได้คือความกตัญญูนี้ไปไขว่คว้าหามงคลจากที่อื่น เขาย่อมผิดหวังอยู่ร่ำไป เพราะชีวิตอย่างชาวบ้านไม่มีมงคลใดจะอำนวยประโยชน์แก่ลูกๆ ได้อย่างสมบูรณ์เท่าความกตัญญู
บางคนน่าสงสาร เที่ยวกราบไหว้ต้นไม้ จอมปลวก ภูผา เทวรูป ก้อนหิน ฯลฯ โดยหวังที่จะให้เกิดมงคลสุขสวัสดิ์แก่ชีวิต แต่ไม่เคยกราบไหว้พ่อแม่ของตน เพราะเหตุที่ขาดความรู้ความเข้าใจ ไม่ทราบว่าพ่อแม่ผู้มีพระคุณเป็นมงคลสูงสุดสำหรับตนเอง เมื่อเป็นเช่นนี้ความสุขสวัสดีจะเกิดแก่ตัวเราได้อย่างไร
พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงสิ่งที่จะทำให้เกิดมงคลแก่ชีวิตคนเราไว้ ๓๘ ประการ หนึ่งในมงคล ๓๘ ประการนั้น คือ “ความเป็นผู้กตัญญู” รู้จักเลี้ยงดูบิดามารดา พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ในมงคลสูตรว่า
“มาตาปิตุ อุปัฏฐานัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง”
แปลว่า
“การเลี้ยงดูมารดาบิดาเป็นมงคลสูงสุด”
ถ้าขาดความกตัญญูเสียอย่างแล้ว อย่าได้หวังว่าชีวิตจะมีมงคล
คำว่า “กตเวที” คือ การแสดงออกว่าตนเป็นคนกตัญญู หรือการตอบแทนคุณความดีของผู้มีพระคุณ เมื่อผู้ใดทำอุปการคุณแก่เราแล้วก็พยายามหาทางตอบแทนคุณเมื่อมีโอกาส เช่น ลูกๆได้รับอุปการะเลี้ยงดูจากพ่อแม่จนเติบโต มีสติปัญญาประกอบสัมมาอาชีพมีรายได้เป็นหลักฐานแล้ว ก็เลี้ยงดูพ่อแม่เพื่อสนองพระคุณท่านตอบแทน โดยพื้นฐานจิตใจแล้ว พ่อแม่ไม่ต้องการอะไรจากลูก แต่เป็นภาระโดยหน้าที่ของลูกที่จะต้องทำ ทำเพราะความเป็นลูกซึ่งไม่มีคำอธิบายมากไปกว่าเป็นการแสดงความกตัญญู มิใช่ทำเพราะพ่อแม่อยากให้ทำ หรือทำตามค่านิยมของสังคม
โดยมากคนมักคิดกันว่าเลี้ยงดู คือการให้ข้าวปลาอาหาร ให้สิ่งของเท่านั้นก็ถือว่าเลี้ยงแล้ว จะชื่อว่าเลี้ยงต้องเลี้ยงทั้งกายและใจ เพราะบางคนพ่อแม่แก่แล้วให้กินข้าวปนน้ำตาก็มี ความจริงเขาก็เลี้ยงด้วยข้าวปลาอาหาร แต่ก็มีคำพูดหรือกิริยาทิ่มแทงให้เจ็บใจ คนแก่ก็เลยต้องกินข้าวกับน้ำตา เรียกว่าเลี้ยงกายแต่ไม่ได้เลี้ยงใจ ในทางพระพุทธศาสนาได้แสดงการเลี้ยงพ่อแม่ไว้ ๒ ประการ คือ
· เลี้ยงกาย ได้แก่ การให้ข้าวปลาอาหารเครื่องใช้สอย โดยตระหนักนึกความกตัญญูที่มีต่อท่าน
ด้วยคิดว่าพ่อแม่แก่แล้ว หมดเรี่ยวแรง หากินเองไม่ได้ต้องอาศัยเรา และท่านเป็นพระอรหันต์ของเรา เป็นอรหันต์ในบ้าน เป็นพระในบ้าน ปฏิบัติต่อพระภิกษุอย่างไรจงปฏิบัติต่อพ่อกับแม่อย่างนั้น กราบพระภิกษุด้วยใจอย่างไรจงกราบพ่อแม่ด้วยใจอย่างนั้น อธิษฐานขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธ์อย่างไร จงอธิษฐานขอพรจากพ่อแม่อย่างนั้น อย่าดีแต่ทำกับพระภิกษุ อย่าดีแต่ทำกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ในทางพระพุทธศาสนาได้แสดงไว้อีกว่า ทำบุญกับพระสงฆ์ได้บุญมากที่สุด ส่วนทำบุญกับคนธรรมดา การทำบุญกับพ่อกับแม่ได้บุญมากที่สุด ปฏิบัติบำรุงให้ท่านมีความสุขด้วยอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย เมื่อป่วยไข้ก็หาหยูกยารักษาโรคให้ท่าน พ่อแม่ที่แก่ตัวก็หวังพึ่งลูก ถ้าไม่พึ่งลูกก็ไม่รู้จะไปพึ่งใคร
ลูกๆ จึงควรตระหนักในการเลี้ยงดูพ่อแม่ให้มาก ยิ่งอายุมากยิ่งต้องเอาใจใส่ นึกให้เห็นด้วยใจว่าคนแก่ทำอะไรเองไม่ได้ หาอยู่หากินเองไม่ได้ คนแก่ต้องการกำลังใจอายุยิ่งเหลือน้อย เรี่ยวแรงยิ่งนับวันมีแต่จะหมดตามอายุจะอาศัยใครถ้าไม่อาศัยลูก ลูกให้กิน ก็ได้กิน ลูกไม่ให้ ก็ไม่ได้กิน
· เลี้ยงใจ ได้แก่ การทำให้ท่านเกิดความสบายใจ ไม่สร้างปัญหา ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ทำให้ท่านเกิดความไม่สบายใจเป็นทุกข์ใจ ซึ่งเป็นการเลี้ยงใจแบบสามัญทั่วไป
นอกจากนี้ ยังมีเลี้ยงใจแบบที่พระพุทธองค์ทรงประสงค์ คือ หล่อเลี้ยงจิตใจท่านให้เจริญงอกงามด้วยธรรมพยายามหล่อเลี้ยงจิตใจของพ่อแม่ให้ท่านสมบูรณ์ด้วยคุณธรรม เช่น พ่อแม่ไม่มีศรัทธาในพระศาสนาเราปลูกศรัทธาให้งอกงามไพบูลย์ในใจท่านท่านไม่มีการรักษาศีลก็ชักชวนให้มีโอกาสได้รักษาศีล ท่านไม่มีการสละวัตถุสิ่งของทำบุญให้ทานก็ชักชวนให้มีโอกาสได้ทำบุญให้ทานท่านไม่มีปัญญาก็ชักชวนให้ท่านเกิดปัญญา บางครั้งนำท่านไปทำบุญให้ทานรักษาศีลเจริญภาวนาตามโอกาส ถึงวันเกิดท่านก็ชวนไปตักบาตรหรือทำบุญวันเกิดให้ท่านครั้งหนึ่ง เป็นต้น
การเลี้ยงอาหารใจดังกล่าวนี้พระพุทธองค์ ตรัสเรียกว่า อภิชาตบุตร หมายถึง ลูกที่ดีที่ประเสริฐ เพราะสามารถให้ทรัพย์ที่ประเสริฐแก่พ่อแม่ได้ ลูกที่เลี้ยงดูพ่อแม่ ด้วยข้าวปลาอาหารและเครื่องใช้สอยต่างๆ ซึ่งเป็นสมบัติภายนอกนั้นมีมาก เพราะทำได้ง่ายแม้จะเลี้ยงกายให้มีความสุขไม่ให้ลำบากเดือดร้อน พ่อแม่ยังมีโอกาสไปอบายภูมิ แต่ที่ให้ทรัพย์ที่แท้จริงได้นั้นมีน้อยเพราะลูกที่ปิดประตูอบายภูมิให้พ่อแม่นั้นทำได้ยาก เช่น ชักนำพ่อแม่ที่ไม่มีศรัทธาในพระศาสนาให้เกิดศรัทธา ไม่มีศีลมีธรรมชักชวนให้มีศีลมีธรรม ไม่มีการทำบุญให้ทานเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียว ก็ชักชวนไม่ให้เป็นคนตระหนี่ ให้รู้จักทำบุญให้ทานเป็นการหยิบยื่นสวรรค์ให้ ทำเช่นนี้ทำได้ยาก หากลูกคนใดทำได้ก็เป็นลูกที่ประเสริฐ พระพุทธองค์ตรัสเรียกลูกเช่นนี้ว่า อภิชาตบุตร
ทรัพย์ที่แท้จริงนี้ไม่ว่าจะเป็นในชาติใดภพใด จะตามไปช่วยเหลือเกื้อกูลไม่ให้ลำบากเดือดร้อนตลอด
คนไทยแต่โบราณจึงถือว่าการบวชเป็นการตอบแทนอย่างสูงสุด เพราะถือว่าเป็นการจูงมือพ่อแม่ออกจากมุมมืดคืออบายภูมิเข้าสู่มรรคาแห่งสวรรค์
ความกตัญญูกตเวทีเป็นคุณธรรมที่มีความสำคัญและจำเป็นแก่มนุษย์อย่างยิ่ง เพราะเป็นคุณธรรมที่สร้างสรรค์มนุษย์ให้เป็นคนดี มีความเจริญก้าวหน้าและช่วยพยุงสังคมมนุษย์ให้อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข
พ่อแม่ที่ต้องการให้ลูกๆ ปฏิบัติต่อตนเองด้วยความกตัญญูเช่นไร จงปฏิบัติต่อพ่อแม่ของตนด้วยความกตัญญูเช่นนั้น เพราะเราปฏิบัติกับพ่อแม่ของตนอย่างไร แล้วจะได้รับการปฏิบัติตอบจากลูกๆ ของเราอย่างนั้นเช่นกัน หากเราปฏิบัติต่อพ่อแม่ของเราด้วยความกตัญญู ลูกๆ ของเราก็จะจำเป็นแบบและปฏิบัติต่อเราด้วยความกตัญญูเช่นกัน ตรงกันข้ามหากเราปฏิบัติไม่ดีกับพ่อแม่ ก็จะได้รับการปฏิบัติไม่ดีเช่นนั้นตอบจากลูกของตน นี่เป็นความอัศจรรย์ของความกตัญญูและอกตัญญู บางคนคร่ำครวญว่าทำไมลูกเราไม่ปฏิบัติกับเราเหมือนลูกคนอื่น แต่เขาก็ไม่ได้คิดว่าตัวเราเองเคยปฏิบัติกับพ่อแม่เช่นนั้นบ้างหรือเปล่า
ความกตัญญูเป็นสายใยที่เชื่อมสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูกอย่างแน่นแฟ้น หากขาดความกตัญญูสายใยที่เชื่อมความรักความผูกพันระหว่างพ่อแม่ลูกก็ขาดสะบั้นลง และหากสังคมขาดความกตัญญูกตเวที คนทุกคนไม่มีความสำนึกในบุญคุณและตอบแทนบุญคุณของท่านผู้มีบุญคุณแก่ตน จนถึงขนาดลูกเนรคุณได้ก็เท่ากับว่าเขาได้ฆ่าตนเองให้ตายจากความดี
ลูกไร้ความกตัญญูอย่าได้หวังว่าจะสามารถพอกพูนคุณความดีอย่างอื่นให้เจริญงอกงามไพบูลย์ขึ้นในจิตใจได้ อย่าได้หวังว่าเขาจะทำความดีอย่างอื่นได้ และจะทำให้ชีวิตเขาบกพร่อง กลายเป็นคนมีจิตใจต่ำ หยาบกระด้าง ก้าวร้าว น่าขยะแขยง มีแต่ความเห็นแก่ได้ พระพุทธเจ้าจึงสอนว่า
“สำหรับคนอกตัญญูแล้ว แม้จะให้แผ่นดินทั้งหมด ก็ไม่สามารถทำให้คนอกตัญญูพอใจได้”
ภาษาบาลี ว่า “อะกะตัญญุสสะ โปสัสสะ นิจจัง วิวะระทัสสิโน สัพพัญเจ ปะฐะวิง ทัชชา เนวะ นัง อะภิราธะเยฯ”
นอกจากนั้น ความกตัญญู ยังเป็นคุณธรรมที่ท่านใช้เป็นเครื่องวัดระดับจิตใจของคนด้วย ถ้าอยากรู้ว่าคนๆ นั้น มีจิตใจสูงหรือต่ำท่านให้สังเกตที่ความกตัญญูเป็นข้อสังเกตสิ่งแรก
เมื่อคนขาดความกตัญญูซึ่งเป็นคุณธรรมของมนุษย์แล้ว จะต่างอะไรจากสัตว์ อย่างที่ได้ยินข่าวอยู่เสมอว่า ลูกคนโน้นคนนี้เนรคุณ ฆ่า หรือทำร้ายพ่อแม่ตน ลูกเช่นนี้เป็นมนุษย์เพียงรูปร่าง แต่จิตใจเลวทรามต่ำช้ากว่าสัตว์เดรัจฉาน
พระพุทธองค์แสดงโทษคนอกตัญญูเนรคุณพ่อแม่จนถึงฆ่าว่าเป็น “อนันตริยกรรม” คือ กรรมหนักที่สุด เท่ากับฆ่าพระอรหันต์และทำร้ายพระพุทธเจ้า ประตูสวรรค์ปิดแต่ประตูนรกเปิดรอเขาอย่างเดียว ความกตัญญูกตเวทีนี้จึงเป็นคุณธรรมสำคัญและจำเป็นที่เราทุกคนจะต้องตระหนักให้มากและนำไปปฏิบัติอย่างถูกต้องและเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
นอกจากความกตัญญูกตเวทีจะเป็นเครื่องวัดระดับคุณค่าจิตใจมนุษย์แล้ว ยังเป็นเครื่องหมายบ่งบอกให้รู้ว่าใครเป็นคนดีด้วย แม้คนรอบข้างก็ตาม เราคิดจะคบค้าสมาคมกับใคร เราก็ต้องการที่จะคบคนดี และเราจะรู้ว่าใครเป็นคนดี ก็ต้องสังเกตสิ่งดีที่มีอยู่ในตัวเขา คือสังเกตความประพฤติดีนั่นเอง ความประพฤติที่พอจะบ่งบอกได้ว่าใครเป็นคนดี และเป็นที่สังเกตได้ง่ายนั้น คือ ความกตัญญูกตเวที คนรอบข้างถ้าอยากรู้ว่าเป็นคนดีหรือไม่ ก็ต้องดูว่าเขาแสดงพฤติกรรมต่อพ่อแม่ผู้มีพระคุณอย่างไร
ถ้าคนใดไม่รู้บุญคุณของผู้มีพระคุณแสดงพฤติกรรมที่หยาบกระด้างก้าวร้าวร้ายกาจ มีวาจาที่เหมือนเข็มทิ่มใจพ่อแม่ พูดกับพ่อแม่ไม่นุ่มนวลชวนฟัง ก็พึงให้รู้ว่าเขายังไม่มีเครื่องหมายของคนดี ควรตั้งข้อสังเกตในการคบค้าสมาคม และอาจเป็นคนไม่น่าคบหาสมาคม
คนที่มีความกตัญญูกตเวที คือ รู้คุณและตอบแทนคุณผู้อื่นนั้น เป็นคนดีอย่างแท้จริง เราสามารถคบค้าสมาคมกับคนประเภทนี้ได้ ไม่มีโทษภัยประการใด และเป็นที่มาแห่งความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต ตรงข้ามหากเราไปคบกับคนอกตัญญูไม่รู้คุณคน และขาดความกตเวที ไม่รู้จักตอบแทนคุณผู้อื่นเป็นผลดีแก่ผู้ที่ไปคบด้วยเลย มีแต่จะนำโทษภัยมาให้ และเป็นที่มาแห่งความพินาศล่มจมในที่สุด เพราะคนอกตัญญูมีเสนียดในตัวเอง
คนที่มีความกตัญญูนั้น เป็นผู้มีสิริมงคลในตัวโดยไม่จำเป็นต้องแสวงหาสิริมงคลจากที่ไหนมาเสริม เขาย่อมมีความเจริญก้าวหน้าในชีวิต ในหน้าที่การงานโดยธรรมชาติ เหมือนต้นไม้ที่มีดินน้ำ ปุ๋ย และอากาศดีพร้อม ย่อมมีความเจริญงอกงามออกดอกออกผลโดยธรรมชาติ
ตรงข้ามหากบุคคลใดขาดความกตัญญู มีความประพฤติเนรคุณต่อผู้อื่น ย่อมประสบความวิบัติอย่างน่าประหลาด เพื่อนฝูงมักห่างหาย ไม่มีผู้เคารพนับถือ ในเบื้องแรกพี่น้องร่วมท้องเริ่มทำตัวเหินห่าง ต่อมาญาติใกล้ชิด ตลอดจนคนรู้จักมักคุ้นเริ่มห่างหาย เช่น ลูกเนรคุณพ่อแม่ ศิษย์เนรคุณต่อครูบาอาจารย์ เขาเหล่านี้หาความเจริญไม่ได้ แม้ดูเหมือนว่าเจริญก็เพียงเพราะกรรมยังไม่ได้ช่อง แต่เมื่อใดกรรมได้ช่องก็จะตกต่ำในเบื้องปลายกลายเป็นหนักสองเท่า ที่เบาก็กลายเป็นหนัก ที่หนักก็ยิ่งหนักมากยิ่งขึ้น เขาจะถูกสาปแช่งว่าเป็นคนชั่วช้าเลวทรามไม่รู้คุณคน
สำหรับผู้ที่มีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ ย่อมได้รับการยกย่องสรรเสริญและเป็นผู้มีความก้าวหน้า ที่ดีอยู่แล้วก็จะดียิ่งๆ ขึ้นไป เมื่อถึงคราวเคราะห์ ที่หนักก็จะกลายเป็นเบา เพราะผลของเกราะแก้วคือความกตัญญูของตนนั่นเอง
คุณธรรม คือ ความกตัญญูกตเวทีคุณธรรมสำคัญของมนุษย์ เป็นเครื่องหมายเชิดชูมนุษย์ให้เป็นคนดี ผู้ใดมีความกตัญญูกตเวที ย่อมมีความเจริญก้าวหน้าไม่ตกต่ำ เป็นที่ยกย่องของคนทั่วไป และผลของความกตัญญูกตเวทีนี้ ยังเป็นอานุภาพปกป้องคุ้มครองเขาให้พ้นจากภยันตรายต่างๆ ได้ด้วย เพราะคุณบิดามารดามีค่ายิ่ง จึงควรกตัญญู ๕ สถาน
บุตรธิดาผู้มีความกตัญญู เมื่อหวนระลึกถึงพระคุณของบิดามารดาที่ได้ทำแก่ตนตามที่กล่าวมาข้างต้น จึงต้องบำรุงเลี้ยงมารดาบิดาสถาน ๕ ดังนี้
(๑) ท่านได้เลี้ยงเรามาแล้วเลี้ยงท่านตอบ พ่อแม่ได้เลี้ยงเรามาตั้งแต่เล็กจนเติบโต พึงเลี้ยงพ่อแม่ให้เป็นสุข ถึงคราวท่านเจ็บป่วย ลูกๆ พึงตั้งใจรักษาพยาบาลท่าน
(๒) ทำกิจการงานท่านแสดงความกระตือรือร้นขวนขวายช่วยกิจการงานของพ่อแม่ กิจการงานใดที่พ่อแม่กระทำ หรือที่ท่านใช้ให้ทำ ลูกๆ มีความสามารถจะช่วยเหลือท่านได้ก็พึงกระทำ เป็นการแบ่งเบาภาระหน้าที่ของพ่อแม่
(๓) ดำรงวงศ์สกุล เกิดในตระกูลใดพึงดำรงตระกูลของตนมิให้เสื่อม อย่าให้ใครดูหมิ่นตระกูลของตนได้ ควรพยายามทำตระกูลของตนให้เป็นที่นิยมนับถือของคนทั่วไป ทำให้คนยกย่องเชิดชูตระกูลของตนให้ได้
(๔) ประพฤติตนให้เป็นที่ไว้ใจได้ว่าจะสืบทอดสมบัติของตระกูลได้ ลูกๆ ผู้สมควรรับทรัพย์มรดกของพ่อแม่ต้องเป็นผู้มีความประพฤติดี น่าไว้ใจ ละเว้นจากอบายมุข ละเว้นจากการดื่มเหล้าเมาสุรา คือทำตนให้น่าไว้ใจได้ว่า เมื่อรับสมบัติของตระกูลแล้วจะรักษาไว้ได้ ไม่ล้างผลาญเสียหมด
(๕) เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ทำบุญอุทิศให้ท่าน พ่อแม่ผู้มีความกตัญญูกตเวที ในเมื่อพ่อแม่ล่วงลับไปแล้ว ควรทำบุญให้ท่าน อุทิศส่วนกุศลไปให้ท่านตามกำลังความสามารถของตน สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ลูกๆ ควรนำไปปฏิบัติต่อพ่อแม่ของตนเอง ก็เรียกได้ว่าเป็นผู้รู้คุณและตอบแทนคุณของพ่อแม่
ชีวิตที่ดำเนินไปภายใต้โลกที่งดงาม อบอุ่นด้วยความห่วงใย เอื้ออาทร ท่ามกลางความอ่อนโยนของพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ตลอดจนญาติพี่น้องคนที่รักทั้งหลาย ชีวิตเช่นนี้งดงามควรค่าแก่การจดจำ มีผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น “พ่อแม่” ร่วมกันสร้างเพื่อลูก ชีวิตเป็นของเรา และเราสามารถทำความดีมากมายเพื่อพ่อกับแม่ด้วยตัวเราเอง แต่ถ้าเลือกได้ น่าจะเลือกทำให้พ่อกับแม่ ได้เห็นผ้าเหลืองของลูกชาย ภายใต้ร่มเงาแห่งพระพุทธศาสนา ในขณะที่พ่อกับแม่ยังมีโอกาสได้เห็น
การบวชเพื่อพ่อกับแม่เมื่อท่านจากไปโดยไม่มีโอกาสรับรู้ จะมีประโยชน์อะไร
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2024/04/S__28082256_0-768x1024.jpg)
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2024/04/S__28082258_0-768x1024.jpg)
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2024/04/4B1A3814-1024x682.jpg)
โครงการบรรพชาสามเณรพุทธศากยบุตร “ฮ่องธรรม ฮ่องคำอิสาน” เป็นโครงการบรรพชาสามเณรฤดูร้อน มีแนวทางในการ “ฝึกฝนกาย พัฒนาจิตใจ สร้างบุญบารมี” จัดขึ้นเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม – ๑๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ ณ พุทธสถานฮ่องธรรม ตำบลทุ่งไชย อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ จัดโดย พระมหาติ่ง มหิสฺสโร,ดร. ประธานสงฆ์ / ประธานมูลนิธิบุญพระศาสนาสงเคราะห์ , พระมหาสิทธิชัย สิทฺธิญาโณ วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร และ พระบุรินทร์ ฐานสมฺปนฺโน สำนักสงฆ์ พุทธสถานฮ่องธรรม อีสาน
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2024/04/IMG_0667-1-1024x682.jpg)
ติดต่อสอบถามได้ที่ พระมหาติ่ง มหิสฺสโร,ดร. ๐๘๓-๗๒๙๘๒๙๗ ประธานสงฆ์ และประธานมูลนิธิบุญพระศาสนาสงเคราะห์ จังหวัดศศรีสะเกษ
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2024/04/S__28082245_0-768x1024.jpg)