Central Park เซ็นทรัลพาร์ค ได้ชื่อว่าเป็นปอดของมหานครนิวยอร์ก เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่มากโดยมีเนื้อที่ประมาณ ๒,๑๓๓ ไร่ สามารถเดินได้ทั้งวัน และในบางพื้นที่ของสวนสาธารณะเป็นป่าที่มีต้นไม้ใหญ่มากมาย ให้ความรู้สึกเหมือนไม่ได้อยู่ใจกลางเมืองที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย พลุกพล่าน ซึ่งในแต่ละเขตที่ไม่ไกลกันมากของมหานครแห่งนี้ก็จะมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นที่ Brooklyn หรือ Queensฯลฯ ที่ผู้คนสามารถหลบหนีความวุ่นวายหามุมสงบส่วนตัวหรือเพื่อออกกำลังกาย พักผ่อนได้เป็นอย่างดี

หลายคนกล่าวว่า มหานครแห่งนี้ไม่เคยหลับ คงหมายถึง แสงสีจากไฟฟ้าที่เปิดอยู่ตลอดทั้งวัน ทั้งคืน โดยเฉพาะที่ไทม์สแควร์ (Times Square) ความพลุกพล่าน จอแจจะมีให้เห็นเกือบทั้งวัน บางครั้งเดินไหลกันไปเหมือนสายน้ำแห่งมวลชน

“โลกไม่รอด เราจะรอดได้อย่างไร”

โดย พระพิทยา ฐานิสสโร

วันนี้ลูกศิษย์ชาวอเมริกันที่นิมนต์มาตั้งใจจะมารับ แต่มีงานฉุกเฉินกะทันหันจึงไม่สามารถมาได้ จึงมีโอกาสได้เดินจากสถานีรถเมล์ใจกลางเมืองที่อยู่ใกล้กับไทม์สแควร์ ถึงบรุกลิน (Brooklyn) ระยะทางประมาณ ๑๓ กิโลเมตร เดินผ่านกลุ่มผู้คนมากมายจอแจเป็นช่วงๆ

"โลกไม่รอด เราจะรอดได้อย่างไร" โดย พระพิทยา ฐานิสสโร
“โลกไม่รอด เราจะรอดได้อย่างไร” โดย พระพิทยา ฐานิสสโร

การห่มจีวร สะพายบาตร เดินใจกลางเมืองแฟชั่นที่เต็มไปด้วยความทันสมัย วุ่นวาย พลุกพล่าน หลายคนอาจนึกภาพ ปรุงแต่ง จินตนาการเสร็จเรียบร้อย ว่าต้องเป็นอย่างนั้น ต้องเป็นอย่างนี้ และอาจพูดไปตามความคิด ความเห็นของตน ซึ่งในความเป็นจริงอาจเป็นอีกอย่างก็ได้

แท้จริงแล้ว ณ สถานที่แห่งนี้ ส่วนใหญ่ไม่มีใครสนใจใคร ต่างคนต่างมีเรื่องวุ่นในความคิดของตัวเอง น้อยคนที่จะเดินอย่างผ่อนคลาย มีสติ นักท่องเที่ยวก็เดินไปถ่ายรูปไป ตื่นตา ตื่นใจกับแสง สี เสียงที่ดูจะดังมาก ดูโน่นนี่นั่น สำหรับคนที่อาศัยอยู่ที่นิวยอร์กก็ไม่สนใจเพราะเคยชินเดินอยู่ทุกวัน รีบเดินไปยังที่หมายที่ต้องการจะไป มีกลิ่นของกัญชาเป็นระยะๆ ถึงแม้อาจเป็นสิ่งผิดกฎหมายที่เสพในพื้นที่สาธารณะและยังไม่ได้รับอนุญาตให้ซื้อขายในรัฐนิวยอร์กก็ตาม

ในขณะนั้นเองก็ได้ยินเสียงผู้หญิงไทย เมื่อหันไปมองก็เห็นผู้หญิงสองคนกำลังวุ่นอยู่กับการโพสต์ท่า จัดท่าเพื่อถ่ายรูปให้ได้ภาพตึกเตารีด (Flatiron Building) สวยดั่งใจ จึงหยุดแหงนมองดูตึกนั้น เห็นความต่างจากตึกทั่วไป และไม่เคยรู้จักได้ยินชื่อตึกนี้มาก่อน เดินได้อีกสักครู่ หญิงต่างชาติยกมือไหว้ด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรไมตรีพร้อมกล่าว “นมัสเต” จึงยิ้มตอบกลับ แล้วเดินต่อไป ถึงที่พักเกือบสองทุ่ม ลูกศิษย์ชาวอเมริกันก็เป็นกังวล และรู้สึกผิดที่ไม่ได้ไปรับ ไม่แน่ใจว่าท่านจะเดินมาถูกหรือไม่ โทรศัพท์ไปก็ติดต่อไม่ได้ เพราะพระไม่มีซิมการ์ดของอเมริกัน

"โลกไม่รอด เราจะรอดได้อย่างไร" โดย พระพิทยา ฐานิสสโร
“โลกไม่รอด เราจะรอดได้อย่างไร” โดย พระพิทยา ฐานิสสโร

ในแต่ละสถานที่ แต่ละเวลา ณ ที่เดียวกันแต่ละคนอาจมีจุดมุ่งหมายเดียวกันหรือต่างกันที่ได้มารวมตัวกัน อาจอาศัยอยู่ ณ ที่แห่งนั้น หรือผ่านเพียงชั่วคราวตามเหตุตามปัจจัย การที่เรานิ่งสงบ ไม่ตัดสิน ไม่ด่วนสรุป ไม่เปรียบเทียบว่าดีหรือไม่ดี ถูกหรือผิด ต้องเป็นอย่างนั้น ต้องเป็นอย่างนี้ เราจะเป็นผู้ที่โชคดีที่สุด เพราะเราจะไม่ตกเป็นเหยื่อของการรับรู้และการปรุงแต่งจิตแต่อย่างใด ไม่นำเรื่องราวที่เคยรับรู้ในอดีตมาทำลายความปรกติของปัจจุบัน และไม่วิตกกังวลถึงอนาคต

"โลกไม่รอด เราจะรอดได้อย่างไร" โดย พระพิทยา ฐานิสสโร
“โลกไม่รอด เราจะรอดได้อย่างไร” โดย พระพิทยา ฐานิสสโร

เพราะจิตที่ปรุงแต่งดีก็ทุกข์ถ้าหลงดี ติดดี ยึดดี พร้อมที่จะรังเกียจ ติเตียน ดูถูก ประชดในสิ่งที่ตรงข้ามที่คิดว่าไม่ดี จิตที่ปรุงแต่งไม่ดีก็ทุกข์ เพราะถูกบีบคั้น อึดอัด ทนอยู่ไม่ได้ ซึ่งแท้จริงแล้ว ทุกสิ่ง ทุกการกระทำของแต่ละชีวิตได้รับผลแห่งการกระทำนั้นๆ โดยตัวเองแล้วทั้งหมดทั้งสิ้นและไม่ได้เป็นหน้าที่ใดๆ เลยของเรา ที่ต้องไปเกี่ยวข้อง แต่ถ้าสิ่งภายนอกมาเกี่ยวข้อง เราเพียงทำหน้าที่นั้น แล้ววางทันทีหลังเสร็จสิ้นแห่งการทำหน้าที่ ผลออกมาดีก็ไม่หลง ไม่ดีใจ ผลออกมาไม่ดีก็ไม่เครียด กลุ้ม เสียใจ ยอมรับอย่างปรกติ สงบเย็น เพราะหลายเงื่อนไขที่ประกอบกันทั้งในส่วนของเราและเหตุปัจจัยภายนอกส่งผลให้ปรากฏเช่นนั้น ไม่มีใครสามารถที่ทำให้ส่งผลดีในทุกเรื่องราว แม้ทำดีที่สุดแล้วก็ตาม

           ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมา แล้วก็ไป ไม่เที่ยงแท้จีรังยั่งยืน ดีก็ไม่คงทน เลวก็ไม่ยั่งยืน ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัย เงื่อนไขในเวลานั้นๆ

ถ้าประชากรโลกส่วนใหญ่มีศีล มีธรรม ความยั่งยืน สงบสุขแห่งการอยู่ร่วมกัน เคารพ เห็นคุณค่าของกันและกันก็จะดำรงอยู่นาน แต่ถ้าขาดซึ่งศีลธรรม ความเห็นแก่ตัวที่เกิดจากความใคร่ ความอยากก็จะช่วยกันทำลาย ทำร้ายทั้งตัวเอง ผู้อื่น ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รวดเร็ว มากขึ้นๆ ยากที่หยุดยั้ง เพราะจะเปลี่ยนสิ่งผิดกลายเป็นสิ่งถูก มอมเมากันและกัน เสพติดในรูปแบบที่ต่างกัน ไม่สามารถมีความสุขได้ด้วยตนเอง ดิ้นรนหาสิ่งเสพเพื่อกล่อมจิตให้หลง เพลิดเพลินจนไม่สามารถควบคุม ยับยั้งตามระดับกำลัง ความสามารถที่จะสนองกิเลสได้ และถ้าให้คนส่วนใหญ่ที่เห็นผิดมาตัดสินความเป็นไปของสังคมด้วยการตกเป็นทาสของความใคร่ ความอยากนั้นจะสามารถช่วยกันทำลาย ทำร้ายกันได้เร็วขึ้น

"โลกไม่รอด เราจะรอดได้อย่างไร" โดย พระพิทยา ฐานิสสโร
“โลกไม่รอด เราจะรอดได้อย่างไร” โดย พระพิทยา ฐานิสสโร

ในประเทศที่ประชาธิปไตยสุดโต่งแห่งนี้ แม้จะมีหลายอย่างที่ไม่เป็นไปในทางที่ถูกที่ควร อย่างน้อยก็มีการรักษาไม่ตัดทำลายต้นไม้ใหญ่ที่เปรียบเสมือนปอดของเมือง เกือบทุกแห่งในเมืองจะมีป่าหรือสวนสาธารณะคั่นกลาง มีการปลูกต้นไม้ทดแทนต้นไม้ที่ถูกตัดไป ไม่มีสถานที่ใดที่ดี และเลวที่สุด เช่นเดียวกับมนุษย์ ถ้าเงื่อนไข เหตุปัจจัยรวมดี ก็จะเป็นไปในทางดี เช่นกัน ถ้าเงื่อนไข เหตุปัจจัยรวมไม่ดีก็ส่งผลตรงกันข้าม

"โลกไม่รอด เราจะรอดได้อย่างไร" โดย พระพิทยา ฐานิสสโร
“โลกไม่รอด เราจะรอดได้อย่างไร” โดย พระพิทยา ฐานิสสโร

ดังนั้นการมาที่มหานครนิวยอร์กแห่งนี้คงมีเป้าหมายต่างจากคนส่วนใหญ่โดยสิ้นเชิงที่ต้องการมากิน เที่ยว ดื่ม จับจ่ายใช้สอย ตื่นตาตื่นใจกับแสงสีเสียง แต่การมาครั้งนี้มีโอกาสได้นำภาวนาให้กับลูกศิษย์ชาวอเมริกันที่เหนื่อยกับชีวิตการทำงานต้องการพลังสงบเพื่อไปต่อและมีโอกาสที่จะไปเดินสวนสาธารณะที่ใหญ่ทั้งในแมนฮัตตันและบรุกลิน เดินเลียบแม่น้ำในยามเช้ามืดที่สงัดจากผู้คน เพราะการเดินที่เต็มไปด้วยคนพลุกพล่านในวันที่มาถึงถือว่าเพียงพอ อีกทั้งมีโอกาสได้ไปเดินแผ่เมตตาให้กับผู้เสียชีวิต ณ ตึกเวิลด์เทรดรวมเป็นเวลา ๑๘ ปีพอดีหลังจากเกิดเหตุวินาศกรรม

            ในขณะที่เดินอยู่ ณ เซ็นทรัลพาร์ค รู้สึกขอบคุณต่อทุกเงื่อนไขเหตุปัจจัยที่มีสวนสาธารณะแห่งนี้ใจกลางเมืองที่วุ่นวายเกือบตลอดเวลา เพราะมีมุมสงบมากมายที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้เล็กใหญ่และเมื่อนั่งลงเหมือนกำลังอยู่ในป่า

ตัดไม้ ทำลายป่า ก็เหมือน ทำลายปอด ทำลายชีวิต

ในที่ๆ วุ่นวาย มีความสงบอยู่ตรงนั้นด้วยเสมอ

โลกไม่รอด แล้วเราจะรอดได้อย่างไร?

“โลกไม่รอด เราจะรอดได้อย่างไร” โดย พระพิทยา ฐานิสสโร

คอลัมน์ บาตรเดียวท่องโลก หน้าธรรมวิจัย นสพ.คมชัดลึก วันอังคารที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๒

"โลกไม่รอด เราจะรอดได้อย่างไร" โดย พระพิทยา ฐานิสสโร

” ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมา แล้วก็ไป ไม่เที่ยงแท้จีรังยั่งยืน ดีก็ไม่คงทน เลวก็ไม่ยั่งยืน ”

พระพิทยา ฐานิสสโร ผู้เขียน

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here