เล่าสู่กันฟังวันที่ “พาพระวิทยากรกลับบ้าน”

(ตอนจบ) ในร่มเงาพระพุทธศาสนา เราทุกคนล้วนเป็นญาติกัน

โดย พระมหาขวัญชัย กิตฺติเมธี ป.ธ.๙, ดร.

สัปดาห์ที่แล้วเล่าถึงตอนที่ว่า เมื่อเราทำหน้าที่เป็นพระวิทยากร แม้จะทำหน้าที่อื่นได้สมบูรณ์ ได้พัฒนา และช่วยเหลือเยียวยาคนอื่นมากมายอย่างไร แต่จะไม่สมบูรณ์เลย ถ้าเราลืมพ่อแม่และครอบครัว…

หลังจากจบโครงการพระวิทยากรกระบวนธรรม ภาคเหนือ รุ่น ๑ ที่จังหวัดน่าน ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๖ มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๑ รวม ๗ วัน ๖ คืน โดยคณะสงฆ์จังหวัดน่าน ร่วมกับสถาบันพัฒนาพระวิทยากร สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ วัดสระเกศ เราเดินทางเกือบๆ ๕ โมงเย็น พอออกมาไม่นานรถทั้งคันก็เงียบเสียงคุยกันลง เนื่องจากความเพลียตลอดระยะเวลาอบรม ๗ วัน ๖ คืน เหลือเพียงเสียงเครื่องยนต์ของรถตู้ที่ทำงานอย่างเต็มที่

รถคันนี้แม้จะไม่ใหม่นัก แต่มีคุณค่าทางจิตใจต่อเราอย่างมาก เพราะเป็นรถที่เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถระ) เคยใช้มา เราในฐานะที่สืบทอดปณิธานการทำงานของท่าน และได้ใช้รถที่ท่านเคยใช้จึงรู้สึกซาบซึ้งถึงคุณค่านี้ในใจลึกๆ เสมอมา

สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถระ) ขอขอบคุณ ภาพจาก สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถระ)
ขอขอบคุณ ภาพจาก สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ

รถวิ่งตามแผนที่ในระบบกูเกิล อันเป็นระบบนำทางเดียวที่เราเชื่อได้ตอนนี้ ตั้งจากน่านไปที่กำแพงเพชร รถวิ่งตามกูเกิลไปที่ไหนสักแห่งบอกไม่ถูก ข้างนอกมืดสนิท น่าจะขึ้นเขามา ด้านนอกมืดสนิท แสงไฟจากรถช่วยนำทาง เห็นทิวเขาไกลๆ ตัดกับฟ้าที่พอให้เห็นเป็นเงาๆ บางช่วยเห็นเป็นเงาต้นไม้ที่ถูกลมพัดเหมือนใครโบกมือทักทายตลอดเวลา

ตอนที่รถวิ่งนั้นสัญญาณมือถือก็หาย เราอาศัยทางนำเราไป ทางแต่ละช่วงขึ้นบ้าง ลงบ้าง มีทางโค้งเป็นระยะ ไม่มีรถวิ่งสวนทางเลยสักคันทั้งที่ยังหัวค่ำ จนให้เกิดสงสัยว่า เราอยู่ที่ไหน ทำไมไม่มีรถ ไม่มีสัญญาณมือถือ  แต่คิดได้ไม่นานก็เห็นแสงไฟจากป้อมยามด้านหน้าจึงเป็นอันให้รู้กันว่าเราหลุดออกจากความเงียบสงบ สักพักสัญญาณมือถือก็กลับมา แผนที่ก็กลับมาอีกครั้ง เราวิ่งตามแผนที่มา ทางนี้ไม่มีใครเคยมาสักครั้ง เราต้องเชื่อกูเกิล แต่ดูเหมือนกูเกิลจะพาเราวิ่งเข้าไปในทางที่เล็กลงทุกที ก่อนที่จะพบว่าทางข้างหน้ามีแต่หญ้าปกคลุม

โชเฟอร์หยุดรถมองรำพึงขึ้น “ข้างหน้าไม่น่าไปได้ต่อ”

“แต่กูเกิลบอกทางนี้นะ ลองไปดูไหม” ใครสักคนพูดจนเรียกคนให้มาช่วยกันตัดสิน  ขณะที่ทุกคนกำลังคิดช่วยกัน ก็มีรถวิ่งตามเรามาข้างหลัง เขาจอดลงมาดูก่อนจะหันหลังกลับขึ้นรถแล้วถอยกลับโดยไม่สนใจถามไถ่คันของเราสักนิด

เขาคงตามเรามา พอเห็นว่าเราไปไม่ได้ และไม่น่าจะไปได้ จึงหันหลังกลับทันที เขาให้แง่คิดเล็กๆ กับเราว่า อย่าตามคนที่หลงทาง ถ้ารู้ตัวให้รีบสละหนีเสีย ก่อนความเสียหายจะตามมา…

เราตัดสินใจว่าจะหันหลังกลับ เพื่อหาทางใหม่ที่ดีกว่า และเหมือนกูเกิลจะรู้ใจเราก็เตรียมทางใหม่ไว้ให้ทันที

เราเดินทางต่อไปจนถึงที่พัก  พอรุ่งเช้าก็ไปต่อ

  “แม่กับยายคงดีใจมากที่ลูกพระหายไป ๒ ปีกลับมาเยี่ยมบ้าน”

ใครสักคนเอ่ยขึ้น ที่สำคัญไม่ได้ไปคนเดียวแต่มาพร้อมพระวิทยากรอีกหลายรูป เราแวะหาของไปเยี่ยมโยมด้วย เจอผลไม้จำนวนหนึ่ง ไม่รู้ว่าโยมจะชอบไหม แต่อย่างน้อยเราก็ชอบ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ถ้าพระวิทยากรกลับบ้านพร้อมเพื่อนพระด้วยกัน โยมแม่มักจะไม่รับประทานอะไร เพราะมีความสุข ปีติกับการมาเยี่ยม และที่สำคัญโยมแม่ของพระวิทยากรบางรูปถึงขนาดไม่หลับนอนกันเลย เพื่อตั้งตารอพระลูกชาย

          เราเดินทางมาถึงเกือบ ๑๑ โมงเช้า เห็นโยม ๓ ท่านกำลังเตรียมอาหารด้วยสีหน้ายิ้มให้เห็นตลอด เวลาช่วงทักทายผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนเหมือนว่าเราเป็นญาติที่รู้จักกันมานานกลับมาเจอกันอีกครั้ง

 บ้านนี้มีทั้งหมด ๔ คน มีพ่อและแม่ มีพระเป็นลูกชายคนเดียวและมีน้องสาว บรรยากาศรอบตัวบ้านร่มรื่น มีลมเย็นตลอดเวลา มีต้นไม้ขึ้นทั่วบ้าน

 “ฝนเพิ่งตกไปเมื่อวาน”

โยมเล่าให้ฟังว่าพระมาพร้อมฝน ตกไม่มาก แต่พอให้เย็นสบาย ปกติแม่จะอยู่คนเดียว จะมียายมาอยู่เป็นเพื่อน

 ยายบอกว่า ตาจากไปนานแล้ว

 “ยายไม่คิดถึงตาหรือ”  พระถาม

“คิดถึงก็ทำบุญให้” ยายตอบ

 ถามไถ่พอสมควรจึงสวดมนต์และให้โยมได้กรวดน้ำ พระที่มาได้กล่าวให้กำลังใจโยม

เราใช้คำพูดไม่มาก ถ้าสังเกตจะพบคำว่า “โยมยาย” “โยมพ่อ” “โยมแม่” ถูกเรียกอยู่ตลอดเวลา เป็นคำที่เราไม่ต้องพยายามมาก เพราะตั้งแต่เดินเข้ามาในบ้านแห่งนี้ก็เหมือนกับเราเดินเข้ามาในร่มเงาพระพุทธศาสนา ที่ทุกคนล้วนเป็นญาติกัน เรามีพ่อ แม่ยาย พี่น้อง ยาย ตา เต็มไปหมด เราเรียกโยมทุกคนที่ดูแลพระเณรไม่ได้ต่างจากลูกจากหลานแบบนั้น จนไม่มีใครแปลกหน้าสำหรับเราอีกแล้ว

ยิ่งมาเจอครอบครัวของพระวิทยากรที่ทำงานเพื่อพระพุทธศาสนาร่วมกัน ก็ไม่ยากเลยที่จะเอ่ยเรียกกันแบบญาติ

          เราออกมาและเดินทางต่อปล่อยให้ความทรงจำได้เก็บเรื่องราวดีๆ อีกครั้ง เมื่อได้นึกถึงการเดินทางมากำแพงเพชรอีกครั้ง

และฝากอีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน “ใครรู้บ้าง เฉาก๊วยชากังลาวอยู่แห่งไหน” มากำแพงเพชรทั้งทีแต่หาไม่เจอเลย ว่าจะเอาไปฝากที่วัดบ้าง ห่างวัดไปนาน มีอะไรติดมือกลับมาบ้าง ก็น่าจะดี…

จบโครงการพระวิทยากรกระบวนธรรม ภาคเหนือ รุ่นที่ ๑ จังหวัดน่านโดยสมบูรณ์

เล่าสู่กันฟังวันที่ “พาพระวิทยากรกลับบ้าน”

(ตอนจบ) ในร่มเงาพระพุทธศาสนา เราทุกคนล้วนเป็นญาติกัน

โดย พระมหาขวัญชัย กิตฺติเมธี ป.ธ.๙, ดร.

จากคอลัมน์ ท่องเที่ยวโลกกะธรรม (หน้าพระไตรสรณคมน์ นสพ.คมชัดลึก วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๒ )

พระมหาขวัญชัย กิตฺติเมธี ป.ธ.๙, ดร. ผู้เขียน ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาพระวิทยากร สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคง แห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ
พระมหาขวัญชัย กิตฺติเมธี ป.ธ.๙, ดร. ผู้เขียน
ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาพระวิทยากร
สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคง
แห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here