วันนี้มาชวนสงสัยกันหน่อยว่า
“(๑) ทุกอย่างเป็นระเบียบจึงไม่มีเรื่องบังเอิญ หรือ (๒) ทุกอย่างเป็นเรื่องบังเอิญ เพราะคาดเดาไม่ได้”
ไอน์สไตน์ดูจะเห็นด้วยกับความเห็นที่ (๑) ขณะที่ไฮเซนเบิร์กเห็นด้วยกับความเห็นที่ (๒)
ส่วนผู้เขียนขออยู่ตรงกลางด้วยเห็นด้วยกับทั้งสองฝ่าย แต่ถ้าจะให้อธิบายคงต้องยกเรื่อง “กรรม” มาประกอบ เพราะกรรมไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ขณะเดียวกันก็ยากจะคาดเดาได้ว่าจะมาในรูปแบบใดหรือจะส่งผลเมื่อใด

ท่องเที่ยวโลกกะธรรม ตอน …
“เรื่องไม่บังเอิญที่คาดเดาไม่ได้”
เขียนโดย พระมหาขวัญชัย กิตฺติเมธี
โชเฟอร์แท็กซี่คนหนึ่งเล่าชีวิตให้ฟังว่า ผมเพิ่งเข้ามาอยู่กรุงเทพได้ไม่กี่ปี ก่อนหน้านี้ทำงานขายของไปตามจังหวัดต่างๆ เคยส่งเงินให้ทางบ้านวันละ ๑,๕๐๐ บาทโดยแบ่งให้ภริยา ๑,๐๐๐ บาทและลูก ๒ คนอีกคนละ ๒๕๐ บาท ดูเขาจะจำเรื่องตัวเลขได้ดี คงจะเป็นนักขายมืออาชีพและนักเก็บเงินตัวยง

หลังจากขายของอยู่ระยะหนึ่ง ไม่ค่อยได้กลับบ้าน ภริยาที่อยู่กินกันมานานก็มารู้ทีหลังว่าชอบเล่นเฟซบุ๊ก จนก็ไปพบกับผู้ชายคนหนึ่งและสนิทสมกันจนกระทั่งเขาจับได้ว่าทั้งสองนั้นลักลอบไปมาหาสู่กันอยู่เสมอโดยที่เขาไม่รู้
ด้วยความที่เขาไม่อยากให้ครอบครัวแตกแยก จึงบอกภริยาให้ไปเลิกกับเขาเสียแล้วกลับมาอยู่ด้วยกันอย่างเดิม แต่ภริยาปฏิเสธแล้วบอกว่าเธอรักผู้ชายคนใหม่มากกว่า เขาได้แต่เสียใจ จึงบอกภริยาให้ไปนำเขาเข้ามาอยู่ในบ้านจะได้ไม่มีใครว่าได้ ส่วนตัวเองก็ขายรถกระบะที่เคยขายของอยู่ได้เงินมาประมาณสี่แสนกว่าบาท เขาให้ลูกคนละแสน และให้ภริยาอีก ๒๐๐,๐๐๐ กว่าบาทเหลือเงินติดตัวไม่ถึงหมื่น และตัดสินใจออกจากบ้านเดินทางเข้ากรุงเทพ
หนีความเสียใจ
และมาเริ่มต้นชีวิตใหม่
มานับศูนย์อีกครั้ง
เขาไม่รู้จักใคร ไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่รู้จะไปไหนจึงนั่งอยู่กินที่หมอชิต จนหลายวันเข้าเมื่อความเสียใจเริ่มทุเลาลง เขาก็คิดว่าจะทำอะไรต่อไปดี จึงเห็นว่าคนจำนวนมากพอมาถึงหมอชิตจะเรียกแต่แท็กซี่ๆ เขาจึงเดินไปถามแท็กซี่ว่าทำอย่างไรจะขับแท็กซี่ได้ แท็กซี่เลยขอเงิน ๑,๐๐๐ บาทแล้วขับรถพาไปหารถ ตอนนั้นเขามีเงินเหลืออยู่แค่ ๓,๐๐๐ บาท
พอไปที่อู่เขาต้องใช้เงินประกันรถ ๑๐,๐๐๐ บาท เขาจึงขายแหวนได้เงินมาจำนวนหนึ่ง แต่ด้วยเงินจำนวนนั้นเฮียเจ้าของอู่เลยถามว่าทำไมไม่ดาวส์รถไปเลย เขาก็เลยเชื่อและดาวส์ก่อนจะผ่อนไปเรื่อย ปกติต้องผ่อน ๔ ปี เขาผ่อนแค่ ๒ ปีก็หมดโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้เขากำลังผ่อนอีกคัน โดยให้คันเก่านั้นคนอื่นเช่าไป ส่วนคันที่ขับนี้เป็นคันใหม่
เขาเพิ่งรู้ว่าการอยู่คนเดียว
ทำให้เก็บเงินง่ายขึ้น
และยังมีเหลือส่งลูกๆ
ส่วนภริยาคนเดิมก็ส่งข้อความให้ไปเซ็นใบหย่า แต่เขาไม่ได้เซ็น เพราะไม่อย่างนั้นภริยาอาจขายบ้าน หรือถ้าจะฟ้องเขา เขาก็ไม่ผิด เพราะภริยาเป็นฝ่ายนอกใจ อีกทั้งลูกทั้ง ๒ คนเขาก็ส่งเสียให้เรียนทั้งหมด จะมาว่าเขาไม่เลี้ยงดูก็ไม่ได้ ภริยาแม้จะได้อยู่กับผู้ชายใหม่ก็ต้องเครียดกับสมบัติที่ตนเองไม่อาจครอบครอง…
เขาตั้งใจทำงาน ผลก็คือมีเงินมีทอง นั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่สิ่งที่คาดเดาไม่ได้ก็คือภริยาไปมีผู้ชายคนใหม่ ส่วนภริยาที่ผิดต่อเขาก็ต้องทุกข์ทรมานใจ นั่นก็ไม่ใช่สิ่งบังเอิญอีกเช่นกัน แต่สิ่งที่คาดไม่ได้ก็คือ ภริยาจะทำอะไรกับเขาต่อ ตอนนี้เขาบอกว่าไม่กล้ากลับไปบ้านกลัวจะถูกฆ่าทิ้ง นั่นก็คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญอีกเช่นกัน
ตราบที่เธอและเขายังไม่อโหสิกรรมแก่กันและกัน ก็ยังต้องอยู่กันแบบหวาดระแวงกันอย่างนี้ต่อไปไม่จบสิ้น คาดเดาไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก

“กรรม” จึงมีเหตุผลไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพียงแต่มาพร้อมกับอะไรที่คาดเดาไม่ได้ว่าจะที่ไหนและเมื่อไร

ท่องเที่ยวโลกกะธรรม ตอน “เรื่องไม่บังเอิญที่คาดเดาไม่ได้” เขียนโดย พระมหาขวัญชัย กิตฺติเมธี ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาพระวิทยากร สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ