เรียนธรรมะเหมือนปลูกต้นไม้ โดย พระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโป

0
1053

โชคดีที่มีพระ

โดย  พระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโป

เรียนธรรมะเหมือนปลูกต้นไม้

การศึกษาธรรมะเพื่อการพัฒนาชีวิตและจิตใจ เราสามารถที่จะประยุกต์หรือปรับได้หลากหลาย ไม่ใช่ว่าจะมุ่งแต่บรรลุนิพพานก้าวสู่ทางพ้นทุกข์เท่านั้น และระดับและขั้นตอนของการปฏิบัติก็มีอยู่ ท่านจึงบอกว่า “ธัมมานุธัมมปฏิบัติ” คือปฏิบัติตามสมควร อย่างถูกต้องเหมาะสม เป็นชาวบ้านก็มีหลักที่เรียกว่า คิหิปฏิบัติ เป็นพระสงฆ์นักบวชก็มีหลักของอนาคาริก

ดังนั้นแล้ว ใครที่คิดว่า ธรรมะเป็นของสูงเข้าถึงยาก ก็อยากให้ลองศึกษาดูก่อน บอกได้เลยว่าหลักการต่างๆ ที่คนเขาพูดกันว่าทำแบบนี้แล้วจะประสบความสำเร็จมีความสุข โดยหลักแล้วล้วนเป็นคำที่อยู่ในพระพุทธศาสนาแทบทั้งหมด ดังนั้น เรามีของดีอยู่กับตัวแล้วถ้าไม่ลองเรียนรู้บ้างก็ดูจะเสียโอกาส ขนาดคนที่อยู่ไกลถึงเมืองตะวันตกก็ยังดั้นด้นฝ่าฟันมาเพื่อที่จะได้เรียนรู้พระพุทธศาสนา

แม้แต่ หลักการเป็นพ่อค้าที่จะประสบความสำเร็จ พระพุทธเจ้าก็ตรัสเอาไว้ ยกตัวอย่างจาก ปาปณิกสูตร

“ดูกรภิกษุทั้งหลาย พ่อค้าผู้ประกอบด้วยองค์ ๓ ประการ ไม่ควรจะได้โภคทรัพย์ที่ยังไม่ได้ หรือเพื่อทำโภคทรัพย์ที่ได้แล้วให้ทวีขึ้น องค์ ๓ ประการเป็นไฉน

ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย พ่อค้าในโลกนี้

เวลาเช้าไม่จัดแจงการงานโดยเอื้อเฟื้อ

เวลาเที่ยงไม่จัดแจงการงานโดยเอื้อเฟื้อ

เวลาเย็นไม่จัดแจงการงานโดยเอื้อเฟื้อ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย พ่อค้าผู้ประกอบด้วย องค์ ๓ ประการนี้แล ไม่ควรจะได้โภคทรัพย์ที่ยังไม่ได้ หรือเพื่อทำโภคทรัพย์ที่ได้แล้วให้ทวีขึ้น ฉันใด

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน เป็นผู้ไม่ควรจะบรรลุกุศลธรรมที่ยังไม่ได้บรรลุ หรือเพื่อทำกุศลธรรมที่ได้บรรลุแล้วให้เจริญมากขึ้น ธรรม  ๓ ประการเป็นไฉน

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้

เวลาเช้าไม่อธิษฐานสมาธินิมิต โดยเคารพ

เวลาเที่ยงไม่อธิษฐานสมาธินิมิตโดยเคารพ

เวลาเย็นไม่อธิษฐานสมาธินิมิตโดยเคารพ

           ดูกรภิกษุทั้งหลาย–ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการนี้ เป็นผู้ไม่ควรจะบรรลุกุศลธรรมที่ยังไม่ได้บรรลุ หรือเพื่อทำกุศลธรรมที่ได้บรรลุแล้วให้เจริญมากขึ้น”

ข้อความแทบไม่ต้องอธิบายเพิ่ม แค่ท่อนเล็กๆ เราก็เห็นแล้วว่า พระพุทธเจ้าสอนทั้งหลักการดำเนินชีวิตของประชาชนทั่วไปด้วย ว่าจะประกอบการค้าทำธุรกิจอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ  ก็คือการบริหารจัดการงานที่เหมาะสมนั่นเอง และต้องใส่ใจพัฒนาอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ในขณะเดียวกันพระองค์ก็สอนเหล่าภิกษุสงฆ์ให้เจริญในสมาธิอย่างต่อเนื่องเพื่อความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรม

           ผู้เขียนวิเคราะห์ว่า เป็นเพราะคนฟังนั้นมีหลายประเภท พระองค์ตรัสสอนด้วยเอื้อเฟื้อแก่พื้นฐานธรรมของแต่ละคน แม้ตอนนี้เราจะไม่มีพระพุทธเจ้ามาเทศน์สอนให้ฟังแล้ว แต่เราก็มีครูบาอาจารย์มากมายพร้อมทั้งหนังสือตำราและสื่อการเรียนรู้เยอะแยะ เราก็ลองพิจารณาหาธรรมะที่เหมาะสมกับพื้นฐานของเรา และวัตถุประสงค์ของเราเอง เช่น เราอาจจะเป็นชาวบ้านธรรมดาที่หวังความสำเร็จในชีวิตมีความมั่นคงเพียงพอที่จะเลี้ยงดูครอบครัวดูแลบิดามารดาให้มีความสุขและเอื้อเฟื้อเพื่อนมนุษย์ตามสมควร เราก็ศึกษาธรรมใน “คิหิปฏิบัติ” หรือธรรมะสำหรับการดำเนินชีวิตครองเรือน

ส่วนพระสงฆ์ที่บวชจำพรรษาก็ศึกษาและปฏิบัติตามแนวทางของสงฆ์อยู่แล้ว หลายๆ แห่งก็มีการอบรมและเรียนหลักพระธรรมวินัยสำหรับพระบวชใหม่

ถ้าสังคมเรามีบรรยากาศของการศึกษาและปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่องตามสมควรแก่ตนเอง เชื่อมั่นว่า ความสุขสงบก็จะเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเราอย่างแน่นอน ที่สำคัญคือ เกิดขึ้นในใจของตัวเราเองก่อนเลยเป็นอันดับแรก

           แนวทางแห่งการสร้างชีวิตให้มีความงอกงาม พระพุทธเจ้าสอนไว้ให้เราได้ศึกษาและนำมาปฏิบัติให้เหมาะสมกับเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของเรา หากหวังความเจริญแก่ชีวิตก็อยากให้ลองนำไปคิดพิจารณา ขอยกมาสรุปตรงนี้ด้วย ปาปณิกสูตร อีกครั้ง

“ดูกรภิกษุทั้งหลายพ่อค้า ผู้ประกอบด้วยองค์ ๓ ประการนี้แล สมควรจะได้โภคทรัพย์ที่ยังไม่ได้ หรือเพื่อทำโภคทรัพย์ ที่ได้แล้วให้ทวีมากขึ้น องค์ ๓ ประการเป็นไฉน

ดูกรภิกษุทั้งหลาย พ่อค้าในโลกนี้

เวลาเช้าจัด แจงการงานโดยเอื้อเฟื้อ

เวลาเที่ยงจัดแจงการงานโดยเอื้อเฟื้อ

เวลาเย็นจัดแจงการงานโดยเอื้อเฟื้อ

           ดูกรภิกษุทั้งหลายพ่อค้าผู้ประกอบด้วยองค์ ๓ ประการนี้แล สมควรจะได้โภคทรัพย์ที่ยังไม่ได้ หรือเพื่อทำโภคทรัพย์ที่ได้แล้วให้ทวีมากขึ้น ฉันใด

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วย ธรรม ๓ ประการ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน สมควรจะได้บรรลุกุศลธรรมที่ยังไม่ได้บรรลุ หรือทำกุศลธรรมที่ได้บรรลุแล้วให้เจริญมากขึ้นธรรม ๓ ประการเป็นไฉน

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุ ในธรรมวินัยนี้

เวลาเช้าอธิษฐานสมาธินิมิตโดยเคารพ

เวลาเที่ยงอธิษฐานสมาธินิมิตโดยเคารพ

เวลาเย็นอธิษฐานสมาธินิมิตโดยเคารพ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ นี้แล สมควรจะบรรลุกุศลธรรมที่ยังไม่บรรลุ หรือเพื่อทำกุศลธรรมที่ได้บรรลุแล้วให้เจริญมากขึ้น ฯ”

เทศกาลเข้าพรรษาปีนี้ ได้หลักธรรมดีๆ สักข้อก็น่าจะทำให้ได้อะไรดีๆ ในชีวิตเพิ่มขึ้น ค่อยทำไปทีละนิดคิดวิเคราะห์ไปทีละเปลาะ และบ่มเพาะจิตใจเหมือนกับปลูกต้นไม้ใหญ่ แล้วเราจะสัมผัสร่มเงาอันชื่นเย็นในสักวัน

โชคดีที่มีพระ (หน้าพระไตรสรณคมน์ นสพ.คมชัดลึก วันพฤหัสบดีที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๒) เรื่อง เรียนธรรมะะเหมือนปลูกต้นไม้ โดย  พระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโป

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here