“ศูนย์สันติภาวันของเราที่นี่ เป็นที่ดูแล อุปัฏฐาก พระภิกษุอาพาธในระยะท้าย หรือ อาพาธหนัก ติดเตียง ที่นี่จึงไม่ใช่ที่รักษาโรค เพราะฉะนั้น พระบางรูปที่อยากจะรักษาต่อให้หาย ก็ไม่เหมาะที่จะมาอยู่ที่นี่ เพราะเราไม่มีกำลังพอที่จะขวนขวายพาท่านไปหาวิธีรักษาในที่ๆ ดีที่สุด” พระอาจารย์วิชิต ธมฺมชิโต ผู้อำนวยการศูนย์สันติภาวัน กล่าว
สันติภาวัน สถานพำนักภิกษุอาพาธระยะท้าย
ท่านเล่าต่อมาว่า ปัญหาพระที่อยู่ที่โรงพยาบาล ที่เกิดขึ้นกับพระสงฆ์อาพาธ มีเยอะมาก ที่ถูกทอดทิ้งไว้ในโรงพยาบาลก็เยอะมาก แล้วโรงพยาบาลที่อยากจะส่งท่านกลับ ก็ไม่รู้ว่าจะส่งท่านไปไหน
“เราเองก็จริงๆ แล้ว เราก็บวชมาเพื่อศึกษาเพื่อปฏิบัติ สุดท้ายเราก็ต้องการตายดี ไปสู่ภพภูมิที่ดีกว่า เราน่าจะมีพื้นที่ที่ท่านประสงค์อยากจะมรณภาพอย่างสงบและมีพระดูแลท่านในช่วงท้ายน่าจะเป็นเรื่องดี”
สำหรับ ผู้ดูแล พระระยะท้ายที่สันติภาวันที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน เป็นจิตอาสาทั้งหมด ดังเช่น พระอาจารย์ฌอน โชติโก ท่านให้ข้อธรรมในการอุปัฏฐากพระภิกษุอาพาธไว้ว่า
“เรามาปฏิบัติเพื่อดูแลพระสงฆ์ของพระพุทธเจ้า”
พระอาจารย์ฌอน โชติโก
จิตอาสามีอีกหลายท่าน ทั้งที่เป็นพระและฆราวาส ต่างมาอุปัฏฐากพระสงฆ์ด้วยจิตแห่งความกรุณาเพราะเข้าใจว่า หลักธรรมสุดท้ายคือ ความตายนั้นเป็นสิ่งแน่นอน และการเกื้อกูลภิกษุอาพาธ ก็คือ การอุปัฏฐากพระพุทธเจ้า นั่นเอง ดังพุทธพจน์บทหนึ่งกล่าวไว้ในพระไตรปิฎก
พระอาจารย์ชาตรี ปภสฺสโร เป็นจิตอาสาศูนย์สันติภาวันอีกท่านหนึ่ง ท่านอธิบายว่า การดูแลพระสงฆ์อาพาธทำให้เห็นความเป็นจริงของชีวิต
“ถ้าเราใช้สิ่งที่เราดูแลพระทุกท่าน ปรับเปลี่ยนมาเป็นความรู้ จนเกิดปัญญา พิจารณาให้เห็นความเป็นจริง มีสติกำกับทุกอิริยาบถ ก็เป็นการปฏิบัติธรรมเหมือนกัน”
พระอาจารย์ชาตรี ปภสฺสโร จิตอาสาศูนย์สันติภาวัน
“พื้นที่ที่โยมถวายให้สันติภาวัน มีถึง ๑๕ ไร่ เราก็จะสร้างอาคารขึ้นมา รับได้ ๑๐-๑๒ เตียง แต่ละเตียงมีระยะห่างกันมากขึ้น จิตอาสาที่มาดุแลพระก็จะมีที่พักจะได้ดูแลพระได้สะดวก” พระอาจารย์วิชิต ธมฺมชิโต มองอนาคตของสันติภาวันต่อมาว่า ก้าวต่อไปของสันติภาวัน เราก็อยากจะทำพื้นที่ที่เป็นตัวอย่างให้กับที่อื่น
“ต่อไปวัดต่างๆ ที่จะทำสถานที่ดูแลพระอาพาธระยะท้าย ก็มาดูพื้นที่ของเราก็อาจจะช่วยให้เห็นภาพว่าจะดูแลได้อย่างไร”….
พระอาจารย์วิชิต ธมฺมชิโต
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ผู้ใดจะพึงอุปัฏฐากเรา ผู้นั้นพึงพยาบาลภิกษุอาพาธ”
พุทธพจน์
แนะนำสันติภาวัน
(จาก https://santibhavan.or.th)
“ทุกวันนี้มีภิกษุอาพาธระยะท้ายจำนวนมาก ที่ปรารถนาจะมรณภาพอย่างสงบ โดยไม่ต้องการยื้อชีวิต และไม่ประสงค์จะสิ้นลมที่โรงพยาบาล แต่สถานที่ที่จะรองรับภิกษุเหล่านี้มีน้อยมาก โดยที่วัดจำนวนมากก็ขาดบุคลากร และทักษะในการทำหน้าที่ดังกล่าว ศูนย์สันติภาวัน จึงเกิดขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลภิกษุอาพาธในวาระสุดท้ายของชีวิต”
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
ประธานกิตติมศักดิ์มูลนิธิสันติภาวัน
ปัญหาเมื่ออาพาธ
จาก https://santibhavan.or.thในพุทธศาสนาภาวะใกล้ตายและจิตสุดท้ายเป็นขณะที่สำคัญยิ่งในการกำหนดภพภูมิต่อไป ทั้งยังเป็นจังหวะสำคัญที่นำสู่การหลุดพ้นด้วย
พระภิกษุผู้ที่ตั้งใจบวชอุทิศตนต่อพระศาสนา ล้วนต่างปรารถนาให้บรรยากาศในวาระสุดท้ายแห่งชีวิตตนเกื้อหนุนต่อการพัฒนาจิตทั้งสิ้น
น่าเสียดายที่ระบบดูแลพระอาพาธในบ้านเราเมืองพุทธ นอกจากจะไม่เอื้อต่อการพัฒนาจิตแล้ว ยังทำให้ศีลและวัตรของท่านมัวหมอง ต้องอาบัติมากมาย หากจะรักษาตัวอยู่ที่วัดก็ติดขัดเรื่องผู้ดูแลและยาที่ใช้ ในที่สุดต้องสิ้นลมไปอย่างเดียวดายที่โรงพยาบาล หรือหากญาติรับไปดูแลที่บ้านก็มักต้องลาสิกขาในที่สุด การมีสถานที่ดูแลพระอาพาธระยะท้าย เพื่อเตรียมการให้ท่านจากไปอย่างสงบงดงามตามวิถีแห่งสมณะย่อมเกื้อกูลต่อท่านอย่างยิ่ง
ความเป็นมา
ศูนย์สันติภาวัน เริ่มต้นที่วัดป่าสุคะโต จังหวัดชัยภูมิ เมื่อต้นปีพุทธศักราช ๒๕๖๒ โดยปรับปรุงกุฏิด้านหน้าวัดรองรับการดูแลพระอาพาธได้ ๓ เตียง รับดูแลภิกษุอาพาธโดยไม่จำกัดสำนัก นิกาย และไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อพบว่าโครงการเป็นที่ยอมรับของหมู่สงฆ์และญาติโยม ประกอบกับได้มีผู้ศรัทธาถวายพื้นที่อันสัปปายะให้ ๑๕ ไร่ ที่ อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี ให้จึงได้ย้ายมายังที่ใหม่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๓
ศูนย์สันติภาวันได้ปรับปรุงพื้นที่และพัฒนากิจกรรมขึ้นตามกำลัง โดยมีมูลนิธิสันติภาวันเป็นองค์กรสนับสนุนหลักทำงานควบคู่กันไป เพื่อให้พื้นที่นี้เป็นต้นแบบของการดูแลพระอาพาธให้ท่านดำรงชีวิตอยู่อย่างสงบงดงามตามพระธรรมวินัยได้แม้ในระยะท้ายของชีวิต รวมทั้งจะร่วมสนับสนุนให้วัดที่มีศักยภาพจัดระบบดูแลพระภิกษุอาพาธขึ้นในพื้นที่ของตนเอง และเป็นพื้นที่เผยแผ่ธรรมะเกี่ยวกับชีวิตและความตายสู่สังคมด้วย
กราบขอบพระคุณ พระอาจารย์วิชิต ธมฺมชิโต ผู้อำนวยการศูนย์สันติภาวัน
ขอขอบพระคุณ https://santibhavan.or.th และ คลิปวิดีโอ จาก มูลนิธิสันติภาวัน