พระเดชพระคุณพระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร และคณะสงฆ์วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร ถวายการต้อนรับพระธรรมาจารย์ยิ่งซุ่น (Yin Shun) หรือ พระธรรมาจารย์จีนวิเทศศาสนานุสิฐ รองประธานสงฆ์จีน และสมาชิกคณะกรรมการแห่งชาติจีน ในโอกาสที่เดินทางมาแสดงมุทิตาจิตกับพระเดชพระคุณพระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) ที่ได้กลับคืนเป็นเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร และได้กลับมาดำรงตำแหน่งกรรมการมหาเถรสมาคม
วันที่ ๕ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ พระธรรมาจารย์ยิ่งซุ่น (Yin Shun) หรือ พระอาจารย์จีนวิเทศศาสนานุสิฐ รองประธานสงฆ์จีน และสมาชิกคณะกรรมการแห่งชาติจีน ชุดที่ ๑๔ เดินทางมาแสดงความยินดีกับพระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) ในโอกาสที่ได้กลับมาดำรงตำแหน่งกรรมการมหาเถรสมาคม และเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร
การพบปะกันครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการแสดงถึงความเคารพนับถือที่ทั้งสองฝ่ายมีต่อกัน แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างพุทธศาสนานิกายเถรวาทและมหายานในบริบทของการทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาพระพุทธศาสนาอีกด้วย
พระพรหมสิทธิและพระอาจารย์ยิ่งซุ่น ถือเป็น “พี่น้อง” สายธรรมระหว่างสองนิกาย เถรวาท – มหายาน ด้วยพระอาจารย์ยิ่งซุ่นเป็นผู้สืบสายธรรมจากพระธรรมาจารย์เปิ่นฮวน (Ben Huan) อดีตประธานสงฆ์จีน ซึ่งเป็นสหธรรมิกของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถระ) อดีตประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร ขณะที่พระมหาเถระทั้งสองท่านยังมีชีวิตอยู่ เคยได้ร่วมแบ่งปันวิสัยทัศน์และอุดมการณ์ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา โดยที่ทั้งสองท่านต่างก็มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าไปสู่ผู้คนทั่วโลก
ในขณะพบปะกัน พระอาจารย์ยิ่งซุ่นได้ชี้ให้พระพรหมสิทธิดูป้ายคำว่า “เจ้าอาวาส” ที่ท่านเขียนด้วยอักษรจีนให้พระพรหมสิทธิ เมื่อ ๘ ปีที่แล้ว พร้อมกับบอกว่า
”ตอนรู้ข่าวว่าพระพี่ชายเกิดปัญหาอยู่เมืองไทย ท่านทุกข์ใจมากความรู้สึกไม่ต่างจากวันที่พระธรรมาจารย์เปิ่นฮวน พระอาจารย์ของท่านละสังขาร“
”ท่านพยายามสอบถามข่าวว่าเกิดอะไรขึ้นที่เมืองไทย แต่ก็ไม่มีใครให้ข้อมูลที่ชัดเจน“
“ได้มาพบวันนี้ เห็นพระพี่ชายกลับมาอยู่ในสภาพเช่นนี้ เป็นวันที่ท่านมีความสุขที่สุด”
การที่พระอาจารย์ยิ่งซุ่น ผู้เป็นเจ้าคณะปกครองคณะสงฆ์จีน ๘ มณฑล มีวัดและวิทยาลัยสงฆ์ในกำกับดูแลหลายแห่งทั่วโลก เดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับพระพรหมสิทธิในฐานะตัวแทนจากประเทศจีนครั้งนี้
นอกจากจะสะท้อนให้เห็นถึงความเคารพและมิตรภาพที่ลึกซึ้งระหว่างคณะสงฆ์ไทยและคณะสงฆ์จีนแล้ว ยังแสดงให้เห็นความเป็นหนึ่งเดียวกันของพระพุทธศาสนา และเป็นตัวอย่างของการเชื่อมโยงระหว่างนิกาย ซึ่งนอกจากจะส่งเสริมความเป็นมิตรและความเข้าใจกันระหว่างพุทธศาสนิกชนแล้ว ยังช่วยสร้างเวทีความร่วมมือระหว่างประเทศในด้านพระพุทธศาสนาและวัฒนธรรมที่มีอิทธิพลในระดับโลกอีกด้วย
อาจกล่าวได้ว่า ความสัมพันธ์อันดีของพี่น้องคู่นี้ จะเป็นกุญแจสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จในการเผยแผ่พุทธศาสนาในยุคปัจจุบัน โดยไม่เพียงแต่เน้นที่การศึกษาและการปฏิบัติธรรมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้างเครือข่ายการทำงานในระดับโลก ที่จะช่วยนำพระพุทธศาสนาเสริมสร้างสันติสุขและความเป็นหนึ่งเดียวของสังคมสู่อนาคต
ย้อนกลับไปในปีพุทธศักราช ๒๕๐๕
เจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถระ) เป็นผู้ริเริ่มศาสนสัมพันธ์กับพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน โดยตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๐๕ เป็นต้นมา ได้เป็นหัวหน้าคณะสงฆ์ไทยคณะแรกเดินทางไปสังเกตการณ์พระศาสนาและเชื่อมศาสนสัมพันธ์ ที่ประเทศเกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฮ่องกง เวียดนาม และ จีน ฯลฯ
ต่อมา ได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนอย่างสำคัญแห่งหน้าประวัติศาสตร์ศาสนา ในการเชื่อมพระพุทธศาสนาเถรวาทกับมหายานเข้าด้วยกันอย่างแนบแน่น
ดังที่ท่านกล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า
“สิ่งที่ท่านทั้งหลายควรจะดีใจอย่างยิ่งร่วมกัน นั้นก็คือทั้งเถรวาทและมหายาน ไม่ได้เคยคิดประโยชน์ส่วนตัวแต่ประการใด มุ่งอย่างเดียวว่า จะให้บรรดาคนทั้งหลาย ได้รับประโยชน์จากคำสอนในทางพระพุทธศาสนา มุ่งที่จะสร้างความอบอุ่นใจให้แก่คนทั้งหลาย คนทั้งหลายที่มีทุกข์มีร้อน ก็ได้คลายทุกข์คลายร้อน ที่มีทุกข์น้อย เร่าร้อนน้อย ก็หายไป จึงเป็นความอบอุ่นที่สำคัญของโลกในปัจจุบัน ความร่วมมือกัน ถือสามัคคีธรรม ก่อให้เกิดความสุข สุขทั้งแก่ตนเอง สุขทั้งแก่ชาวโลก
“เคยมีพระผู้ใหญ่ฝ่ายมหายานได้กล่าวมาเมื่อประมาณ ๓๐ ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นความคิดของท่าน แต่ว่าเป็นความคิดที่น่าจับใจ ท่านว่า “พระพุทธศาสนาเหมือนต้นไม้ใหญ่ และมีสองกิ่งใหญ่ ๆ กิ่งหนึ่งเป็นเถรวาท กิ่งหนึ่งเป็นมหายาน แต่เป็นต้นไม้ต้นเดียวกัน คือ พระพุทธศาสนา” เรามีความรู้สึกร่วมกันเช่นนี้ก็จะทำให้เกิดพลังใหญ่” จากหนังสือ “สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) พระมหาเถระผู้เป็นประวัติศาสตร์ความทรงจำพระพุทธศาสนาโลก”