เรามีความพลัดพรากเป็นธรรมดา เราจะต้องพลัดพรากจากคนรักของรักทั้งสิ้น”

พระพุทธองค์ตรัสไว้จริงแท้และแน่นอน

วิธีคิดใหม่ให้จิตตื่น…

โดย พระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโป

เราจึงต้องให้หมั่นฝึกคิดและพิจารณาเป็นประจำ เป็นการฝึกใจให้พร้อมเจอทุกสภาพการพลัดพราก ไม่ว่าจะเป็นการจากแบบชั่วคราวหรือตลอดไป

ไม่ใช่ว่าจะหายเศร้าในทันที แต่ใจจะแกร่งพอที่จะก้าวไปไม่ให้ต้องทนทุกข์จนเกินไป และจะใช้เวลาไม่นานที่จะปล่อยวาง เราจึงจำเป็นมากที่จะต้องฝึกใจไว้เจอทุกข์

ผู้เขียนเป็นคนมีประสบการณ์พลัดพรากจากคนที่รักแบบกะทันหัน แม้จะฝึกมาพอสมควร แต่เมื่อเจอกับตัวเองยอมรับว่าสะเทือนจนเกินจะรับไหว แค่เก็บอาการเก่งคนเลยไม่ค่อยสังเกต แต่เพราะเราได้เรียนและฝึกมาบ้างทำให้กระบวนการทางใจเรา มีแนวทางที่จะเยียวยาตนเอง ไม่ปล่อยให้ความเศร้าครอบงำ จนทำให้ชีวิตติดจมอยู่กับความทุกข์นั้น และชีวิตก็สามารถก้าวต่อไป

คนบนโลกนี้มีความทุกข์เพราะความพลัดพรากเหมือนกันทุกชาติศาสนาและภาษา เป็นความทุกข์สากล เพราะเป็นธรรมชาติและธรรมดาของชีวิต

แม้เราจะตายไปแล้ว ความทุกข์นี้ก็จะยังคงอยู่คู่กับโลก และแน่นอนก่อนที่เราจะเกิดความทุกข์นี้ก็มีอยู่รอเราแล้ว ผู้เขียนพบว่า มันเหมือนแดดร้อน ฝนลมแรง ฯลฯ มันมีของมันบนโลกอยู่แล้ว สิ่งที่เราทำได้ก็คือเตรียมตัวให้พร้อม ซ้อมให้ดี

ยกตัวอย่าง ประเทศญี่ปุ่น เจอแผ่นดินไหวมากที่สุดในโลก แต่เขาก็ไม่ได้ย้ายไปไหน แถมยังดำรงชาติสร้างประเทศจนมั่นคงและก้าวหน้าอย่างที่เรารู้กัน เขามีตึกที่สร้างมาเพื่อรับมือกับแผ่นไหว มีวิธีการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่ดี ขนาดว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดรุนแรง แต่ทั้งผู้ประสบภัยและรัฐบาลกลับมีวิธีรับมืออย่างรวดเร็วและดีเยี่ยม จนนานาชาติยกย่อง เป็นอุทาหรณ์สอนใจได้เป็นอย่างดี กรณีนี้น่าจะเรียกว่า เอาความทุกข์มาเรียนรู้แล้วพัฒนาตนเองเพื่อจะอยู่กับมันให้ได้

จะคิดอย่างไรดี เมื่อใครสักคนในชีวิตนั้นจากไป?

ขอขอบคุณ ภาพจาก สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา และพระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ
ขอขอบคุณ ภาพจาก สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม
จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา
และพระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ

ประการแรก

เราต้องหมั่นระลึกอยู่เสมอว่า “เรามีความพลัดพรากเป็นธรรมดา” ยิ่งถ้าอายุมากแค่ไหนก็จะต้องพบเจอความพลัดพรากมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าพลัดพรากไปเมื่อตอนที่เรายังเด็ก บางทีอาจจะไม่รู้สึกเจ็บเท่านี้ก็ได้ นั้นเป็นเพราะยิ่งเราอายุมาก ความยึดมั่นถือมั่นของบางคนก็จะมากตามไปด้วย “เขาเป็นคนรักของเรา เขาเป็นญาติ ผู้มีพระคุณ คนคุ้นเคย ฯลฯ” และอะไรอีกมากมายที่เราจะคิดหาเหตุผลเพื่อให้ตนเองรู้สึกเสียดาย และเสียใจเมื่อเขาจากไป แต่ถ้าเราหมั่นระลึกอยู่อย่างต่อเนื่องว่า เราอาจจะจากกันไปในสักวัน เมื่อวันนั้นมาถึงจริงๆ บางทีเรากลับรับความจริงนั้นได้อย่างอัศจรรย์

ขอขอบคุณ ภาพจาก สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม  และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา และพระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ
ขอขอบคุณ ภาพจาก สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม
และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา และพระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ

ประการที่สอง

เมื่อเรารู้ตัวว่า สักวันอาจจะจากกัน ก็ให้เรานั้นหมั่นทำดีต่อกัน เพราะกรรมดีจะเป็นสิ่งที่ชี้นำชีวิตให้ไปสู่ทิศทางที่ดี บางคนอาจจะใช้คำว่า สุคติ ซึ่งแปลว่า ไปดี ส่วนใหญ่ก็จะเข้าใจว่าใช้เมื่อตอนตายจากกันเท่านั้น แต่จริงๆ แล้ว การไปดีในชาตินี้ ก็คือ จากกันด้วยดี มีความรักเมตตาต่อกันทั้งตอนอยู่ด้วยและเมื่อต้องจากไกล  เราจะเป็นผู้รับผลกรรมนั้น ไม่ใช่แต่ผลภายนอก แต่เป็นผลทางความรู้สึกภายในใจ เมื่อเราทำดีต่อกันแล้ว ความรู้สึกของใจจะจารึกไว้แต่สิ่งดีๆ ที่เราเคยมีต่อกัน บางทีมันก็กลายเป็นสิ่งเยียวยาจิตใจเมื่อไปจากกัน ความทรงจำดีๆ ที่ผ่านมาจะช่วยให้สิ่งดีดีตามมาในอนาคต  

ขอขอบคุณ ภาพจาก สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม  และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา และพระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ
ขอขอบคุณ ภาพจาก สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม
และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา
และพระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ

ประการที่สาม

สักวันคนที่จะจากไปอาจเป็นเรา  เป็นสิ่งที่เคยถามหลายๆคน ไม่ค่อยมีใครคิดถึงประเด็นนี้อย่างจริงจัง ทำให้บางครั้งพอถึงเวลาจะไป เรากลายเป็นคนที่อยากจะรั้งทุกสิ่งไว้ในวันที่สายไป นอกจากจะไม่มีผลดีอะไร ยังจะทำให้ความรู้สึกเจ็บมันปวดมากขึ้นกว่าเดิม เพราะเราไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว

ดังนั้น ช่วงเวลาที่เราได้อยู่ร่วมกัน เราคิดอยากจะทำอะไรเพื่อคนที่เรารัก ก็อย่าให้มันมีเงื่อนไขที่จะไม่ทำมากจนเกินไป แต่จงเป็นเหตุผลที่เราจะทำเพื่อคนที่รักให้ดีที่สุด แม้บางทีมันอาจจะไม่ได้มีความหมายอะไรมากมาย แต่ก็เพื่อให้วันสุดท้ายของเรามันไม่รู้ไร้ค่าจนเกินไปเท่านั้นเอง

การเดินทางของชีวิต มีพบพราก เจอจาก เป็นเรื่องธรรมดา แต่ไม่ว่าจะจากไปสักกี่คนหรือจะสักกี่คนที่มีคนต้องห่างไกล ชีวิตของเราก็จะต้องดำเนินต่อไปและสร้างสรรค์ให้เกิดคุณค่าสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข

“วิธีคิดเมื่อจิตเศร้า…เพราะเขาจากไป” โดย พระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโป

จากคอลัมน์ โชคดีที่มีพระ หน้าพระไตรรสรณคมน์ นสพ.คมชัดลึก วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๒

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here