เรียนรู้ปฏิปทาพระเถระ
ผู้เกิดมาเพื่อกอบกู้ สืบสาน
พระพุทธศาสนาให้มีชีวิตและลมหายใจ
เพื่อช่วยเหลือผู้คนให้พ้นทุกข์
ด้วยการสร้างพระเณร
มากที่สุดในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา
สำหรับสองบทนี้ ย้อนรอยธรรมกลับคืนสู่ในช่วงแรกแห่งการศึกษาปริยัติและปฏิบัติกับเจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อยู่ ญาโณทยมหาเถร) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกพระองค์ที่ ๑๕ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
วิถีแห่งผู้นำ
: สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ)
๓๖.ความพากเพียร
๓๗. เรียนกรรมฐานกับสมเด็จพระสังฆราช (อยู่)
เรียบเรียงโดย พระครูอมรโฆสิต (ปรีชา สาเส็ง)
๓๖.ความพากเพียร
ผลการเรียนพระปริยัติธรรมที่แม้จะพบอุปสรรคมากมาย เป็นเหตุให้ต้องเสียเวลาล่าช้าออกไปนานปีเช่นนั้น แต่เมื่อได้เริ่มเรียนแล้ว เพราะความเอาใจใส่ และความมุ่งมั่นอย่างเป็นเอก ก็สามารถทำให้สามเณรเกี่ยวสอบผ่านเปรียญธรรม ๕ ประโยคตั้งแต่ครั้งเป็นสามเณรในเวลาต่อมา
“บรรดาลูกหลานชาวเกาะสมุยในสมัยนั้นที่เข้ามาศึกษาในกรุงเทพฯ มีจำนวนไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะเรียนวิชาทางโลก เรียนกฎหมาย เรียนนายร้อยนายเรือ ผู้ที่คิดเรียนทางธรรมอย่างสามเณรเกี่ยวไม่ค่อยมี คนทั่วไปชอบเอาดีทางโลก หวังในเกียรติยศหรือเป็นเจ้าคนนายคนมากกว่า”
สามเณรเกี่ยวมอบชีวิตจิตใจให้แก่การเรียนการศึกษาปริยัติธรรมอย่างจริงจัง กระแสหนุนส่งให้ท่านจากถิ่นฐานบ้านเกิดมามุ่งศึกษาทางธรรม ยามว่างจากเรียนท่านก็ปฏิบัติช่วยเหลืองานครูบาอาจารย์ แล้วก็เข้าห้องปิดประตูเรียนหนังสือโดยไม่ยอมให้เสียเวลาไปกับเรื่องไร้สาระ
๓๗.
เรียนกรรมฐานกับสมเด็จพระสังฆราช (อยู่)
เมื่อมาอยู่วัดสระเกศฯ สามเณรเกี่ยวได้มีโอกาสเรียนพระกรรมฐานเพิ่มเติมจากเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช (อยู่) พระองค์ท่านมีความเชี่ยวชาญพระกรรมฐานด้านกสิณ จนเป็นที่เล่าขานกันว่า พระองค์ท่านสามารถกำหนดรู้สิ่งต่างๆ ทั้งปัจจุบัน อดีต และอนาคตได้อย่างแม่นยำ จนนักโหราศาสตร์ยกให้พระองค์ท่านเป็นบูรพาจารย์ทางด้านโหราศาสตร์ แท้ (ที่) จริง พระองค์ท่านกำหนดรู้วาระจิตโดยจิต เพราะผลมาจากการฝึกในกสิณนั้นเอง
“สมเด็จพระสังฆราชนั้น พระองค์ท่านสมถะ อยู่อย่างเรียบง่ายไม่ถือยศถือศักดิ์ แต่ก็ทรงมีระเบียบมากจนมองไม่เห็นว่า จุดไหนที่เรายกขึ้นมาตำหนิพระองค์ท่านได้
“พระองค์ท่านเป็นพระมหาเถระที่พูดน้อย มีลักษณะยิ้มแย้มแจ่มใส และถือว่าพระที่อยู่กับพระองค์ท่านเหมือนกับลูกหลาน จึงทำให้มีความรู้สึกว่า ไม่มีอะไรที่พอจะยกขึ้นมาว่า อันนี้ไม่ดี อันนั้นไม่ดี เพราะสิ่งที่ท่านทำ สะอาดทั้งหมด เมตตา กรุณา ที่พระองค์ท่านแสดงออกมาจากการกระทำ จากการพูด ทำให้ไม่สามารถเห็นจุดบกพร่องแม้แต่นิดเดียว”
วัดสระเกศฯ เป็นวัดที่เกี่ยวกับพระกรรมฐานที่สำคัญของกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น จนได้ชื่อว่า “แดนอสุภกรรมฐาน” แม้การปกครองภายในวัดก็แบ่งออกเป็น ๒ ฝ่าย คือ ฝ่ายปริยัติและฝ่ายปฏิบัติ
ธรรมเนียมการขึ้นเป็นเจ้าอาวาสครองพระอารามก็แตกต่างจากที่อื่น แม้พระประธานในพระอุโบสถที่สร้างแบบปางสมาธิก็ไม่ค่อยมี ส่วนมากนิยมสร้างปางมารวิชัย แต่พระประธานที่พระอุโบสถวัดสระเกศฯ เป็นปางสมาธิ ก็เนื่องจากวัดสระเกศฯ เป็นวัดกรรมฐานของกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น การสร้างพระประธานจึงสร้างให้สอดคล้องกับลักษณะวัด
เจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช (อยู่) ทรงเคร่งครัดในพระกรรมฐานมาก ทรงเรียนพระกรรมฐานจากพระธรรมกิตติ (เม่น) ซึ่งต่อมารัชกาลที่ ๕ โปรดให้ย้ายจากวัดสระเกศฯ ไปครองวัดสังเวช พอถึง ๓ ทุ่ม สมเด็จพระสังฆราชทรงปิดประตู และสั่งไว้ไม่ให้ใครมารบกวน ในช่วงนั้นพระองค์ท่านไม่รับแขก ใครไปหาก็ไม่ได้พบเพราะเป็นเวลากรรมฐานของพระองค์ท่าน แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเรื่องเป็นเรื่องตาย เรื่องที่จำเป็นก็อนุญาตให้เรียกได้
พอปิดประตูเสร็จแล้ว ทรงมีจีวรพาดอยู่ที่ไหล่ผืนหนึ่ง พาดไว้เฉยๆ พาดเหมือนผ้าขาวม้า แล้วเดินจงกรม เดินทุกคืนไม่เคยขาด อย่างน้อยก็ ๓๐ นาที ประตูกุฏิสมัยโบราณเป็นซีกๆ ใครเดินผ่านไปผ่านมามองเข้าไปข้างในก็มองเห็นพระองค์ท่านเลย
“บางทีพระเณรที่ไม่เข้าใจว่าท่านเดินทำไม พากันพูดด้วยความคึกคะนองว่า “ดูสมเด็จฯ ท่านเดินไปเดินมา คล้ายกับเสือติดจั่น”
ที่บรรทมของท่านนั้นเป็นพื้นไม้ธรรมดา ไม่มีเตียงสำหรับบรรทม และไม่มีพรมปูแต่อย่างไร
พระองค์ก็บรรทมบนพื้นไม้ธรรมดา ที่หน้าต่างมีถาดสีขาวใบหนึ่ง แขวนไว้ตลอด เป็นถาดที่พระองค์ท่านนำไปแขวนไว้เอง ทรงชี้ให้สามเณรเกี่ยวดูว่า “นั่นน่ะ ถาดกรรมฐานเอาไว้เพ่ง เวลานั่งหรือนอน ต้องเพ่งไปที่กสิณนั้น”
พร้อมกับทรงแนะนำวิธีการเพ่งกสิณ
ทำให้ทราบว่าทรงเคร่งครัดในกรรมฐานมาก และยังเป็นเหตุได้รู้จักถาดกสิณของพระองค์ท่านด้วย ใครไปใครมาก็เห็นถาดนี้ แต่ไม่มีใครทราบว่าเป็นถาดอะไร ได้แต่สงสัย และพระองค์ก็ไม่เคยบอกใคร
แล้วสามเณรเกี่ยวก็ได้ใช้วิธีเพ่งกสิณเจริญในพระกรรมฐานตามแนวทางพระองค์ท่านสืบมา
สมเด็จพระสังฆราช (อยู่) นั้น ในขณะนั้น แม้พระองค์จะมีพรรษายุกาลมากกว่า ๙๐ ปี แต่สติสัมปชัญญะของพระองค์ยังสมบูรณ์ทุกประการ มีสุขภาพอนามัยดี พระองค์จดจำคนที่มาเฝ้าพระองค์ได้แม่น ส่วนหนึ่งก็คงมาจากการที่พระองค์เจริญพระกรรมฐานอยู่ทุกวัน
และเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ (เทียบ) เป็นพระอาจารย์คอยสั่งสอนในจริยาวัตร ชีวิตสามเณรเกี่ยวจึงเหมือนถูกแวดล้อมด้วยปราชญ์ทางศาสนา ผู้เชี่ยวชาญทั้งปริยัติและปฏิบัติอย่างเป็นเอก คอยเป็นกัลยาณมิตรให้แสงสว่างเดินตามเส้นทางธรรม
เจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช (อยู่) พระอาจารย์ผู้สอนปริยัติและปฏิบัติแก่สามเณรเกี่ยว ทรงเป็นต้นแบบแห่งวัตรปฏิบัติและปฏิปทา อันนำมาซึ่งความเจริญก้าวหน้าตามเส้นทางธรรมของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์
นอกจากเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราชทรงมีความทรงจำเป็นเลิศ มีความเชี่ยวชาญในศาสตร์สาขาต่างๆ แล้ว พระองค์ยังทรงแตกฉานในพระไตรปิฎกอย่างมากด้วย ทั้งนี้เพราะพระองค์ทรงอ่านพระไตรปิฎกทุกวัน วันละหนึ่งหน้าเป็นอย่างน้อย พอตกดึกเสร็จกิจวัตรทุกอย่างทั้งไหว้พระ สวดมนต์ เจริญสมาธิภาวนาแล้ว ก่อนจำวัด พระองค์ก็อ่านพระไตรปิฎกก่อนจึงจำวัดเสมอ
เพราะความที่สามเณรเกี่ยวมีอุปนิสัยพูดน้อย มีท่าทีแห่งความสงบนิ่ง พูดจาเท่าที่จำเป็น เมื่อว่างเว้นจากการปฏิบัติอุปัฏฐากครูบาอาจารย์ ก็มักจะเข้าห้องปิดประตูทบทวนตำรับตำราทุกครั้ง จึงไม่ค่อยได้ไปพูดคุยเล่นหัวกับเพื่อนสามเณรที่อยู่ในวัยเดียวกัน
เวลาส่วนใหญ่ของสามเณรเกี่ยวจึงอยู่กับการศึกษาค้นคว้าคัมภีร์ทางศาสนาและความรู้อย่างอื่นที่กว้างออกไป
เพราะอุปนิสัยใฝ่รู้แตกต่างจากสามเณรในวัยเดียวกัน จึงทำให้สมเด็จพระสังฆราช ให้การแนะนำว่า ควรอ่านพระไตรปิฎก สามเณรเกี่ยวจึงเริ่มอ่านพระไตรปิฎกมาตั้งแต่เป็นสามเณรอายุยังน้อย
สามเณรเกี่ยวดำเนินชีวิตอยู่อย่างพระนักศึกษา พระมุ่งมั่นในการเรียน สู้เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากเกาะกลางอ่าวไทย อีกทั้งหลวงพ่อพริ้งผู้เปรียบเสมือนบิดา ตั้งความหวังให้ศิษย์เจริญก้าวหน้าในด้านพระปริยัติธรรมที่สูงส่ง สามเณรก็มีกำลังใจในการเรียนเพื่อสนองคุณพระอาจารย์ สนองคุณพระพุทธศาสนา