วันนี้วันพระ วันอังคารที่ ๒๘ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๗
เรียนรู้ปฏิปทาพระเถระในยุคกึ่งพุทธกาล ผู้นำพระพุทธศาสนาแผ่ขยายออกสู่โลกกว้าง ด้วยการสร้างพระสงฆ์รุ่นใหม่เพื่อรับใช้สังคมไทยและสังคมโลกในการดับทุกข์ทางใจตามรอยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาตั้งแต่จารึกมาประดิษฐานบนผืนแผ่นดินไทยในยุคสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชมากว่าสองพันปี
โดยตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๐๒ เป็นต้นมา สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ)ได้ออกเดินทางไปสังเกตการณ์พระพุทธศาสนา ในประเทศใกล้เคียง เช่น ลาว เวียดนาม พม่า กัมพูชา อินโดนีเซีย ศรีลังกา และ อินเดีย เป็นต้น
สำหรับสามบทนี้เล่าย้อนไปถึงวัตรปฏิบัติและปฏิปทาของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช(อยู่) ที่ได้รับการถ่ายทอดเป็นแบบอย่าง และกลายเป็นต้นธารแห่งจริยาวัตรอันงดงาม อันนำมาซึ่งความเจริญก้าวหน้าตามเส้นทางธรรมของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์
วิถีแห่งผู้นำ : สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถร)
๔๘.อยากไปเรียนภาษาบาลีที่ลังกา
๔๙.จุดกำเนิดการทำงานต่อพระพุทธศาสนา ๕๐.สร้างตึกผู้มีพระคุณ
เรียบเรียงโดย พระครูอมรโฆสิต (ปรีชา สาเส็ง)
๔๘.
อยากไปเรียนภาษาบาลีที่ลังกา
ความจริง ตอนนั้น หลวงพ่อสมเด็จฯ คิดอยากนั่งเรือไปเรียนภาษาบาลีที่ลังกา เพราะใครไปใครมาเมื่อพูดถึงพระพุทธศาสนาก็พูดถึงลังกากันทั้งนั้น อย่างพระที่ไปมาหาสู่หลวงพ่อพริ้ง อาจารย์ของหลวงพ่อ ก็พูดถึงลังกาอยู่เป็นประจำ จึงคิดตามประสาเด็ก อยากไปเรียนบาลีที่นั่นบ้าง เมื่อก่อนที่เกาะสมุย มักเล่าถึงเรื่องหลวงพ่อเพชรไปลังกา ไปอินเดีย ส่วนอีกรูปก็กางเรือใบไปเรียนบาลีที่กรุงเทพฯ ล้วนแต่เป็นเรื่องผจญภัยตามแต่ใครจะปรุงแต่งเพิ่มสีสัน ได้ยินมาตั้งแต่เด็ก พอเป็นเณรก็ยิ่งได้ยินบ่อยมาก
๔๙.
จุดกำเนิดการทำงานต่อพระพุทธศาสนา
เมื่อเจริญก้าวหน้าในพระศาสนามาโดยลำดับ จนได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาคณะ และมีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศทั่วโลก เพื่อหาหนทางจะให้มีวัดเกิดขึ้นในประเทศนั้นๆ เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ก็นึกเสมอว่า เป็นบุญเหลือเกินที่ได้มาอยู่ใกล้สมเด็จพระสังฆราช
จากวันนั้น เจ้าประคุณสมเด็จฯ ก็ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยในการที่จะพบปะผู้คน ทุ่มเทกำลังกายและกำลังใจเพื่องานพระศาสนาอย่างต่อเนื่อง ออกไปเยี่ยมพระสงฆ์ในทุกวัดที่อยู่ในการปกครอง ศึกษาทั้งประวัติศาสตร์และสภาพการเป็นอยู่เพื่อแนะนำการจัดระบบการศึกษา
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผู้เขียนได้ติดตามไปกิจนิมนต์กับเจ้าประคุณสมเด็จฯ ที่ลูกศิษย์ในตลาดเมืองนครปฐม ตอนจะเดินทางกลับ ท่านบอกให้คนขับรถ ให้วิ่งไปรอบๆโบราณสถาน ๒-๓รอบ ที่ทางราชการกั้นรั้วไว้ จึงได้ถามท่านว่า “หลวงพ่อหาอะไรครับ” ท่านก็บอกว่า “ หาจุดที่ประชุมเพลิงของท่านพระโสณะ พระอุตตระ ประเทศไทยเป็นหนี้ท่านทั้งสอง รวมความแล้ว คือเป็นหนี้พระศาสนา”
ได้ฟังแล้วทำให้นึกถึงพระบาลีข้อว่า คารโว จ (คาระโว จะ) ให้ความเคารพในบุคคลที่ควรแก่การเคารพ ทั้งต่อหน้า และลับหลัง ผู้คนจะสรรเสริญ.
พระมหาเถระ ผู้ได้บำเพ็ญหิตานุหิตประโยชน์ เกื้อกูลประโยชน์น้อยใหญ่ทุกด้านทั้งในระดับชาติ และนานาชาติ เพื่อชาติ พระพุทธศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ มาอย่างต่อเนื่องยาวนานตลอด ๖๔ พรรษาในร่มกาสาวพัสตร์
๕๐.สร้างตึกผู้มีพระคุณ
ภายหลังเมื่อลูกศิษย์รูปหนึ่งออกไปปฏิบัติศาสนกิจในจังหวัดที่ห่างไกล แล้วเกิดอาพาธ ไม่มีโรงพยาบาลรักษา จนถึงแก่มรณภาพลง กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการสร้างตึกสงฆ์อาพาธขึ้นในจังหวัดชายแดนตามมาอย่างเงียบๆ ภายใต้ชื่อ “ตึกผู้มีพระคุณ” โดยไม่มีการเรี่ยไร ไม่มีการบอกบุญ และไม่ได้ประกาศให้ใครรับรู้ ทุนในการสร้างทั้งหมดได้มาจากการรวบรวมปัจจัยจากผู้มีจิตศรัทธาที่ทำบุญในโอกาสต่างๆ เมื่อครบจำนวนก็ลงมือสร้างตามแบบที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
จากวันนั้นเป็นต้นมา ตึกสงฆ์อาพาธภายใต้ชื่อ “ตึกผู้มีพระคุณ” จึงเกิดขึ้นในจังหวัดชายแดน ตึกแล้วตึกเล่าตราบจนปัจจุบัน
เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์เป็นที่รู้จักกันในหมู่ลูกศิษย์ว่า ท่านตั้งอยู่ในความกตัญญู และให้ความเคารพนอบน้อมต่อสมเด็จพระสังฆราชผู้เป็นพระอาจารย์เป็นอย่างมาก
แม้สมเด็จพระสังฆราชผู้เป็นพระอาจารย์ละสังขารจากท่านไปนานแล้ว แต่เจ้าประคุณสมเด็จฯ ก็ยังปฏิบัติเสมือนหนึ่งพระอาจารย์ยังอยู่กับท่านเสมอ แม้กระทั่งของสิ่งใดที่เกี่ยวเนื่องกับสมเด็จพระสังฆราช(อยู่) ท่านเก็บรักษาไว้อย่างดี และจัดวางไว้ในฐานะที่ควรให้ความเคารพบูชา เสมือนหนึ่งสิ่งนั้นเป็นตัวแทนของพระอาจารย์ จริยาวัตรและปฏิปทาข้อนี้เป็นที่ทราบกันดีในหมู่ลูกศิษย์ลูกหา
มีคราวหนึ่ง เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ไม่อยู่ มีกิจต้องไปข้างนอก พระเณรเห็นว่าท่านไม่อยู่ก็ปรารถนาดี จึงช่วยกันทำความสะอาดกุฏิ ปรากฏว่าได้ไปพบแฟ้มประวัติและเรื่องราวของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราชทางหน้าหนังสือพิมพ์และสื่อพิมพ์อื่นๆ ถูกตัดเก็บไว้ในแฟ้ม และเก็บไว้ในหีบห่ออย่างดี ดูตามวันเดือนปีที่ปรากฏก็เป็นเวลานานร่วม ๕๐ ปี
แม้วันเวลาจะผ่านไปยาวนานเช่นนั้น เจ้าประคุณสมเด็จฯ ก็ยังเก็บรักษาสิ่งของที่เกี่ยวเนื่องกับพระอาจารย์ไว้ แสดงให้เห็นถึงความกตัญญูและความเคารพบูชาที่มีต่อพระอาจารย์อย่างมิเสื่อมคลาย จนเกิดเป็นความแปลกใจสำหรับพระเณรที่พบเห็นว่า ท่านเก็บกระดาษชิ้นเล็กชิ้นน้อยนี้ไว้ได้อย่างไรยาวนานเช่นนั้น
วัตรปฏิบัติและปฏิปทาของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช(อยู่) ได้รับการถ่ายทอดเป็นแบบอย่าง และกลายเป็นต้นธารแห่งจริยาวัตรอันงดงาม อันนำมาซึ่งความเจริญก้าวหน้าตามเส้นทางธรรมของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์
ด้วยความกตัญญูเป็นสิ่งที่เจ้าประคุณสมเด็จฯ ยึดถือปฏิบัติมั่นคง ไม่ว่าจะเป็นความกตัญญูต่อบุคคล หรือสถานที่ และจะแสดงออกให้เห็นเป็นรูปธรรมด้วยการตอบแทนตามโอกาสเสมอ มิใช่จะเป็นความกตัญญูต่อผู้ใหญ่กว่าเท่านั้น แม้สามเณรที่อุปัฏฐากดูแล ท่านก็ถือเป็นสิ่งที่ต้องตอบแทนน้ำใจ เจ้าประคุณสมเด็จฯ มักระลึกถึงผู้มีน้ำใจต่อท่าน ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ไม่ว่าเหตุการณ์นั้นจะผ่านไปนานหรือไม่ก็ตาม เช่น เมื่อครั้งที่หลวงพ่อพริ้งได้นำท่านหนีสงครามจากรุงเทพฯ ในระหว่างทางได้แวะพักที่บางสะพาน เจ้าอาวาสที่วัดเขาโบสถ์ให้โยมชีต้มข้าวให้ฉัน ท่านก็พูดถึงและระลึกอยู่เสมอว่า วัดเขาโบสถ์และชาวบางสะพานมีบุญคุณต่อท่าน แล้วท่านก็หาโอกาสตอบแทนบุญคุณอยู่เสมอ