รำลึกวันวาน วันเสาร์ที่ ๒๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๓
เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๓ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เสด็จเป็นองค์ประธาน งานอุปสมบท สามเณรวิโรจน์ สีน้ำเงิน ณ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร (เป็นการส่วนพระองค์)
วันที่ ๒๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
ต่อมา วันที่ ๒๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ เวลา ๑๗.๔๘ น. พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช และทรงสักการะพระบรมสารีริกธาตุ ณ พระบรมบรรพต (ภูเขาทอง) เนื่องในโอกาสที่กระทรวงวัฒนธรรมจัดงาน “ใต้ร่มพระบารมี ๒๔๐ ปี กรุงรัตนโกสินทร์” ณ วัดสระเกศ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร
จากนั้น ประทับรถไฟฟ้าพระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระบรมบรรพต แล้วทรงพระดำเนินขึ้นพระบรมบรรพตทางบันได จำนวน ๓๔๔ ขั้น แล้วเสด็จขึ้นลานองค์พระเจดีย์บรมบรรพต (เจดีย์ภูเขาทอง) ด้านบนสุด ทรงถวายผ้าห่มองค์พระเจดีย์บรมบรรพต ทรงชักสายสูตรห่มผ้าที่องค์พระเจดีย์บรมบรรพต จากนั้น ทรงวางพวงมาลัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสักการะบูชาพระบรมสารีริกธาตุ
สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศฯ
วัดสระเกศ เป็นวัดโบราณสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อวัดสะแก พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ปฏิสังขรณ์ และทรงให้ขุดคลองรอบเมืองขึ้น ตั้งแต่บางลำพูถึงตอนเหนือวัดจักรวรรดิราชาวาส คลองหลอด คลองเหนือวัดสระแก พระราชทานชื่อว่า คลองมหานาค เมื่อขุดคลองแล้วเสร็จ พระราชทานชื่อวัดใหม่ว่า วัดสระเกศ แปลว่า ชำระหรือทำความสะอาดพระเกศา เนื่องจากวัดสระเกศนี้ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เคยประทับและทรงประกอบพิธีสรงมุรธาภิเษก เมื่อวันเสาร์ เดือน ๕ แรม ๙ ค่ำ ปีขาล ตรงกับพุทธศักราช ๒๓๒๕ เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินกรีธาทัพกลับจากกัมพูชา และเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติ เมื่อพุทธศักราช ๒๓๒๕
ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้บูรณะ และสร้างพระบรมบรรพต หรือภูเขาทอง เป็นพระปรางค์มีฐานย่อมุมไม้สิบสอง แต่สร้างไม่สำเร็จในรัชกาล เมื่อถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช จึงทรงให้เปลี่ยนแบบเป็นภูเขาก่อพระเจดีย์ไว้บนยอด การก่อสร้างแล้วเสร็จในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบรมบรรพตมีความสูงจากฐานถึงยอด ๖๓.๖ เมตร ฐานรอบมีเส้นผ่าศูนย์กลาง ๑๕๐ เมตร องค์พระเจดีย์มีความสูง ๕๙ เมตร ฐานรอบมีเส้นผ่าศูนย์กลาง ๓๐ เมตร
เมื่อวันที่ ๒๒ มกราคม พุทธศักราช ๒๔๙๗ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินไปทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุในองค์พระเจดีย์บรมบรรพต
ต่อมา เมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๐๙ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เคยเสด็จพระราชดำเนินไปทรงสักการะพระบรมสารีริกธาตุ ณ พระบรมบรรพต เมื่อวันที่ ๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๐๙ ก่อนเสด็จพระราชดำเนินไปทรงศึกษาต่อที่สหราชอาณาจักร และเมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๐ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมถวายโมเสคสีทองแบบเรียบ เพื่อซ่อมแซมองค์พระเจดีย์บรมบรรพต
จึงถือได้ว่าวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เป็นวัดที่มีความสำคัญกับประวัติศาสตร์ของชาติไทย และเกี่ยวเนื่องกับพระบรมราชจักรีวงศ์มาแต่ต้น พระมหากษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ได้พระราชทานพระราชทรัพย์บูรณปฏิสังขรณ์ก่อสร้างถาวรวัตถุและเสนาสนะสงฆ์สืบมาโดยลำดับ และทุกปีจะมีการจัดงานนมัสการพระบรมบรรพต และประเพณีห่มผ้าแดงองค์พระเจดีย์บรมบรรพต ในวันขึ้น ๑๓ ค่ำ ถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ โดยมีประชาชนจากจังหวัดต่าง ๆ เดินทางมาร่วมงานและสักการะพระบรมสารีริกธาตุเป็นจำนวนมาก ( อ้างอิงจาก royaloffice.th)
วันนี้วันพระ
วันพฤหัสบดีที่ ๒๒ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๑
ขออธิษฐานจิต เจริญพระพุทธมนต์ “โพชฌงคปริต” ถวายพระพร “เจ้าฟ้าภาฯ”พระผู้เป็นมิ่งขวัญและแรงบันดาลใจของปวงประชาทั้งแผ่นดินและชาวโลก ขอพระองค์ทรงหายจากพระประชวรโดยเร็วพลัน
จากแถลงการณ์สำนักพระราชวัง เรื่อง สมเด็จ พระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงพระประชวร ฉบับที่ ๑ และ ฉบับที่ ๒
วันศุกร์ที่ ๑๖ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
สำนักพระราชวัง เปิดให้ประชาชนร่วมลงนามถวายพระพร สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ขอให้ทรงหายจากพระอาการประชวรและมีพระพลานามัยแข็งแรงโดยเร็ววัน ผ่านระบบออนไลน์ ที่เว็บไซต์หน่วยราชการในพระองค์ https://wellwishes.royaloffice.th ตั้งแต่วันที่ ๑๖ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ เป็นต้นไป
พสกนิกรทั่วราชอาณาจักรและทั่วโลก เราสามารถน้อมจิตเหนือเศียรเกล้า เจริญพระพุทธมนต์ “โพชฌังคปริตร” ด้วยจิตที่ตั้งมั่น และเจริญจิตตภาวนาไปด้วยกัน ทุกที่ ทุกเวลา เพื่อส่งพลังอันบริสุทธิ์เป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา และสังฆบูชา ถวายแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ขอพระองค์ทรงหายพระประชวรโดยเร็ววัน
โพชฌงคปริตร : ปริตรแห่งองค์คุณเพื่อการตรัสรู้
จาก ธรรมนิพนธ์เรื่อง “พุทธานุภาพ” อานุภาพของพระพุทธองค์
เรียบเรียงโดย พระครูปลัดสุวัฒนธีรคุณ : พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร)
ฉบับธรรมทาน พิมพ์ครั้งที่ ๑๙ โดยกองทุนพุทธานุภาพ วัดสระเกศฯ
ขอพลังพุทธานุภาพ ถวายพระพร “พระองค์ภาฯ”
มิ่งขวัญปวงประชาทั้งแผ่นดิน ทรงหายจากพระประชวรโดยพลัน
จาก พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวรรค
ตำนานและอานุภาพการป้องกัน
โพชฌงคปริตร
เป็นปริตรที่โบราณจารย์ นำเอาโพชฌงคสูตรทั้ง ๓ สูตร คือ มหากัสสปโพชฌงคสูตร มหาโมคคัลลานโพชฌงคสูตร และ มหาจุนทโพชฌงคสูตร มาประพันธ์เป็นคาถาเรียกว่า โพชฌงคปริตร โดยน้อมเป็นสัจกิริยาเพื่อให้ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ เกิดเป็นความสุขสวัสดี
เนื้อความในโพชฌงคสูตรทั้ง ๓ สูตรนั้น กล่าวถึงองค์คุณแห่งการตรัสรู้ ๗ ประการ คือ
๑. สติ ความระลึกได้
๒. ธัมมวิจยะ การเลือกเฟ้นพิจารณาธรรม
๓. วิริยะ ความเพียร
๔. ปีติ ความอิ่มใจ
๕. ปัสสัทธิ ความสงบ
๖. สมาธิ ความตั้งใจมั่น
๗. อุเบกขา ความวางเฉย
ความเป็นมาของพระสูตรทั้ง ๓ ปรากฏใน พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวรรค
อานุภาพกาารป้องกัน
โพชฌงคสูตรทั้ง ๓ นี้ โบราณาจารย์ได้นำมาประพันธ์เป็นคาถาสำหรับเจริญภาวนา โดยน้อมเป็นสัจกิริยา เพื่อให้พระปริตรเป็นธรรมโอสถ บังเกิดพุทธานุภาพขจัดโรคภัยไข้เจ็บให้อันตรธานไป เกิดเป็นความสุขสวัสดี ภายหลังได้เกิดความนิยมว่า เมื่อเจ็บป่วยไม่สบายก็จะสวดโพชฌงคปริตร ซึ่งเป็นทั้งโอสถ เป็นทั้งพุทธมนต์
นอกจากนี้ เมื่อมีผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเจ็บป่วยเป็นไข้หนักก็จะนิมนต์พระสงฆ์มาสวดโพชฌงคปริตรให้ฟัง หรือไม่ลูกหลานจะสวดให้ฟังก็ได้ แม้ในงานทำบุญอายุ พระสงฆ์ก็จะสวดพระปริตรบทนี้ เพื่อเป็นการคุ้มครองป้องกันไม่ให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บและให้มีอายุยืน ผู้ไม่ต้องการเจ็บป่วย และปรารถนาความเป็นผู้มีอายุ โดยปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ จึงควรเจริญโพชฌงคปริตรตามแบบอย่างพุทธสาวก
โพชฌงคปริตรนี้ ชาวบ้านจะนิมนต์พระสงฆ์สวดให้ฟังหรือจะให้ลูกหลานสวดให้ฟังก็ได้
ในบทขัดตำนานท่านได้ประพันธ์เป็น คาถาแสดงอานุภาพโพชฌงคปริตรไว้ดังนี้