![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/07/S__98238505.jpg)
“พระวิทยากร คือ ผู้ถ่ายทอดคำสอนของพระพุทธเจ้า ขอให้ทำหน้าที่ด้วยความภาคภูมิใจ และครองตนเพื่อรักษาเกียรติของความเป็นพระวิทยากรของตน”
พระราชกิจจาภรณ์
โครงการอบรมพระวิทยากรกระบวนธรรม
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/07/108910-768x1024.jpg)
จากปกหลังของคู่มือพระวิทยากรกลุ่มคลินิกคุณธรรม ซึ่งพระอาจารย์อรรถพล ธีรปญฺโญ ประธานกลุ่มคลินิกคุณธรรม รักษาการเจ้าอาวาสวัดภูเขาหลง ตำบลทุ่งหวัง อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา เมตตาเล่าว่า เพราะแรงบันดาลใจและอุดมการณ์ในการเผยแผ่งานพระพุทธศาสนาอย่างทุ่มเทถวายชีวิตของท่านอาจารย์เจ้าคุณพระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) นี้เองจึงมีวันนี้
สิ้นสุดการรอคอย…
เพจกลุ่มคลินิกคุณธรรม (moralclinicgroup) ได้โค้ชคำสั้นๆ เมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๓ ว่า ในที่สุด “คู่มือพระวิทยากรกลุ่มคลินิกคุณธรรม” ก็ได้จัดพิมพ์เป็นที่เรียบร้อย
![พระอาจารย์นฤนัย ถิรสทฺโธ (ท่านกวางนคร) และ พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร)](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/07/83847136_3273838295976076_6569569211318796288_o-1024x683.jpg)
ขอโมทนากับ พระอาจารย์นฤนัย ถิรสทฺโธ (ท่านกวางนคร) หรือ พระอาจารย์กวาง นคร ผู้เรียบเรียง คู่มือด้วยความตั้งใจยิ่ง พระมหาภูมิรพี ผู้คอยเติมเต็มภาษาบาลี พระวิทยากรกลุ่มคลินิกคุณธรรมทุกรูป ที่ได้ร่วมสร้างงานกันมา จนเกิดกลุ่มคลินิกคุณธรรม และโมทนากับคณะศรัทธาที่ร่วมจัดพิมพ์คู่มือพระวิทยากรกลุ่มคลินิกคุณธรรม”
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/07/108909-1-768x1024.jpg)
รำลึกวันวาน…มโนปณิธาน
พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร)
ตอนที่ ๗๖
“คู่มือพระวิทยากรกลุ่มคลินิกคุณธรรม
จากหินก้อนแรกบนภูเขาที่อาจารย์วางให้
คือ รากฐานและลมหายใจของพระเจดีย์ที่มีชีวิตในวันนี้”
โดย มนสิกุล โอวาทเภสัชช์
ผู้เขียนเกิดความปีติยินดีกับกลุ่มคลินิกคุณธรรมที่รังสรรค์นวัตกรรมงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างสมสมัย สร้างสรรค์จากประสบการณ์การทำงานเผยแผ่กับกลุ่มเพื่อชีวิตดีงามและกลุ่มใต้ร่มพุทธธรรม ซึ่งประดุจปีกทั้งสองข้างของท่านอาจารย์เจ้าคุณพระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) มาโดยตลอด
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/07/คัมภีร์-พระวิทยากรกระบวนธรรม.jpg)
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/07/S__8192135.jpg)
จาก “คัมภีร์พระวิทยากระบวนธรรม” และ “คัมภีร์พระวิทยากรบรรยายธรรม” ที่จัดพิมพ์ขึ้นมาภายใต้การดูแลของสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมและความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ ซึ่งมีท่านอาจารย์เจ้าคุณเทอด เป็นเลขานุการในขณะนั้น ก่อเกิดแรงบันดาลใจและอุดมการณ์การเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้กับพระสงฆ์มากมาย ประดุจเทียนที่ส่องสว่างไปข้างหน้าไม่มีวันดับ ตามรอยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกย่างก้าวมาจนถึงทุกวันนี้
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/07/S__98238506-1.jpg)
ดังที่พระอาจารย์พระอรรถพล ธีรปญฺโญ ประธานกลุ่มคลินิกคุณธรรมรักษาการเจ้าอาวาสวัดภูเขาหลง ตำบลทุ่งหวัง อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา เล่าว่าการเผยแผ่งานพระพุทธศาสนาที่ท่านทำอยู่นี้ได้แรงบันดาลใจและอุดมการณ์จากท่านอาจารย์เจ้าคุณพระราชกิจจาภรณ์ หรือท่านอาจารย์เจ้าคุณเทอด ซึ่งไม่ใช่จากตัวหนังสือที่ท่านเขียน แต่จากประสบการณ์การทำงานของท่านที่อาตมาได้เรียนรู้กับท่าน ท่านใส่ใจพระสงฆ์และคณะสงฆ์อย่างทุ่มเท ท่านอุทิศตน เสียสละชีวิตเพื่องานเผยแผ่พระพุทธศาสนามาโดยตลอด
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/07/97035437_2678742562409659_5987622020546822144_n-1.jpg)
“อาตมาจึงได้นำอุดมการณ์งานเผยแผ่พระพุทธศาสนาจากท่านอาจารย์เจ้าคุณเทอด มาหลอมรวมเป็นพลังในการขับเคลื่อนงานอบรมหรืองานค่ายคุณธรรมอย่างสร้างสรรค์กับทุกกลุ่มตามรอยธรรมที่ท่านได้สร้างไว้ ดังที่ท่านเคยกล่าวกับอาตมาว่า
“ท่านกวาง อาจารย์ได้วางหินก้อนแรกบนภูเขาไว้แล้ว ต่อไปก็คือหน้าที่ของท่านที่จะสร้างพระเจดีย์ต่อเองให้สำเร็จนะ”
ก็เป็นที่น่ายินดีว่า ทั้งคู่มือพระวิทยากรกลุ่มและพระเจดีย์บนภูเขาสำเร็จในเวลาไล่เลี่ยกันแล้ว”
![พระอาจารย์อรรถพล ธีรปญฺโญ (พระอาจารย์กวาง) ประธานกลุ่มคลินิกคุณธรรม รักษาการเจ้าอาวาสวัดภูเขาหลง ตำบลทุ่งหวัง อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา ขอขอบคุณ ภาพจากเพจ กลุ่มคลินิกคุณธรรม](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/07/75572087_1487015024804047_5770475533451698186_o-1024x683.jpg)
ซึ่งล่าสุดทางกลุ่มคลินิกคุณธรรมก็เพิ่งจัด โครงการ “ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม พัฒนาจิต เพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศของศาลจังหวัดนาทวี” จำนวน ๔๐ ท่าน เมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๓ ผ่านไปด้วยดี โดยมีกิจกรรมอาทิ ธรรมะตื่นรู้, หนึ่งคำบันดาลใจ : แรงบันดาลใจสร้างได้ด้วยตัวเราเอง,ตามหาหัวใจ : กิจกรรมเปิดใจ เพื่อ แลกใจ, ตื่นรู้ เพื่อเรียนรู้ ,ต้นแบบต้นธรรม และ สวดมนต์ทำวัตร เจริญสติ เป็นต้น
![กิจกรรม "ธรรมะตื่นรู้" โดย พระอาจารย์นฤนัย ถิรสทฺโธ (ท่านกวางนคร) ใน โครงการ "ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม พัฒนาจิต เพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศของศาลจังหวัดนาทวี" เมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๓ ณ วัดภูเขาหลง ตำบลทุ่งหวัง อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/07/105492388_1487028258136057_1749688578933885656_o-1024x683.jpg)
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/07/104415398_1481506542021562_728560536831745285_o-768x1024.jpg)
เพื่อทำความรู้จักกลุ่มคลินิกคุณธรรมกันอีกนิด จึงขอนำคำนำจากคู่มือพระวิทยากรกลุ่มคลินิกคุณธรรมมาแบ่งปันตอนหนึ่ง…
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/07/109182-768x1024.jpg)
“กลุ่มคลินิกคุณธรรม เป็นกลุ่มพระวิทยากรที่ทำหน้าที่เผยแผ่และเป็นหน่วยงานบริการทางวิชาการพระพุทธศาสนา ซึ่งผ่านกระบวนการฝึกอบรมให้กับเด็ก เยาวชน สามเณร หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน โดยได้จัดทำหลักสูตรการให้การอบรมสอดคล้องกับกระแสโลก กระแสธรรมในปัจจุบัน
![](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/07/109183-1-768x1024.jpg)
“หลักสูตรการให้การอบรมกลุ่มคลินิกคุณธรรมนี้ เป็นการนำประสบการณ์จากการทำหน้าที่และทฤษฎีที่ได้รับการปลูกฝังจากสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมและความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ แล้วผ่านกระบวนการกลั่นกรอง จนเป็นหนังสือคู่มือการอบรมกลุ่มคลินิกคุณธรรมเล่มนี้
![กิจกรรม "ต้นแบบต้นธรรม" โครงการ "ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม พัฒนาจิต เพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศของศาลจังหวัดนาทวี" เมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๓ ณ วัดภูเขาหลง ตำบลทุ่งหวัง อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/07/106107218_1487289178109965_4049580777036149239_o-1024x683.jpg)
“เพื่อจะได้เป็นแนวทางให้แก่พระภิกษุ สามเณร ประชาชน หรือหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ที่สนใจได้ศึกษาและนำแนวทางกระบวนการอบรมจิตวิทยาการให้คำปรึกษาไปใช้
“กราบขอบพระคุณพระเทพญาณโมลี (ผัน ปสนฺโน) อดีตประธานที่ปรึกษากลุ่มคลินิกคุณธรรม ที่มอบวาทะธรรมเรื่องขันติ คือความอดทน อดทนต่อความลำบาก อดทนต่อความตรากตรำ อดทนต่อความเจ็บใจ ให้แก่พระวิทยากรกลุ่มคลินิกคุณธรรมได้นำมาปฏิบัติ และนำมาเป็นแนวทางในการทำงาน
อีกทั้งขอขอบคุณสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมและความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ สถาบันพัฒนาพระวิทยากร พระมหาขวัญชัย กิตติเมธี,ดร. กลุ่มใต้ร่มพุทธธรรม พระมหาธนเดช ธมมฺปญฺโญ กลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม พระมหาประสิทธิ์ ธมฺมปทีโป และครูบาอาจารย์ทุกท่าน ที่เป็นเสมือนผู้ชี้แนะชี้นำ
![ท่านอาจารย์เจ้าคุณพระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร)](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/07/S__98082823-1024x678.jpg)
“ท้ายสุดนี้ ต้องขอขอบคุณพระวิทยากร และคณะทำงานกลุ่มคลินิกคุณธรรมทุกท่าน ที่ได้ทุ่มเทกำลังทั้งกายใจ กำลังปัญญา เพื่อร่วมกันถ่ายทอดคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และจรรโลงพระศาสนาสืบไป ”
![พระอาจารย์อรรถพล ธีรปญฺโญ และท่านอาจารย์เจ้าคุณพระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร)](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/07/96949152_2615082808753903_7088585355858804736_n.jpg)
แม้ว่าทางกลุ่มคลินิกคุณธรรมจะพบกับอุปสรรคเพียงใดในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างสร้างสรรค์เหนือกาลเวลาก็ไม่เคยท้อ เพราะมโนปณิธานของท่านอาจารย์เจ้าคุณเทอดได้หยั่งลึกลงในจิตใจของศิษย์ผ่านเตาหลอมเหล็กที่ร้อนแรงจนได้เหล็กกล้าพร้อมที่จะเผชิญกับทุกสถานการณ์ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น สัจธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบได้ผ่านประสบการณ์ภาวนาอย่างเข้มข้นอยู่ในกายใจของพระสงฆ์สุปฏิปันโน ผู้เป็นเนื้อนาบุญของโลกสืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้ ๒๖๐๐ กว่าปีก็เป็นที่ยืนยันว่า พระรัตนตรัยยังดำรงอยู่ในจิตใจของผู้ปฏิบัติคือพระเจดีย์ที่มีชีวิตและมีลมหายใจต่อไปไม่สิ้นสุด
![ภาพประกอบ โดย หมอนไม้](https://www.manasikul.com/wp-content/uploads/2020/07/ภาพประกอบโดย-หมอนไม้.jpg)
บันทึกธรรม สัมมาสมาธิ
ตอนที่ ๔๐
มัคคสมังคี (มรรคสามัคคี)
โดย พระราชกิจจาภรณ์
(เทอด ญาณวชิโร)
เมื่อปฏิบัติในมรรคมีองค์ ๘ ก็ชื่อว่าปฏิบัติในไตรสิกขาคือ ศีล สมาธิ และปัญญา เพราะมรรคมีองค์ ๘ ก็รวมลงที่ไตรสิกขา การพูดชอบ การกระทำชอบ การเลี้ยงชีพชอบ เป็นศีล ความพยายามชอบ ความมีสติระลึกรู้ชอบ ความมีสมาธิชอบ เป็นสมาธิ ความเห็นชอบ ความดำริชอบ เป็นปัญญา ซึ่งมรรคมีองค์ ๘ ก็คือไตรสิกขา และไตรสิกขาก็คือมรรคมีองค์ ๘ นั่นเอง
แต่มรรคมีองค์ ๘ ถ้าจะให้มีกำลังสามารถเจาะทะลุชำแรกกิเลสออกมาได้ มรรคทั้ง๘ ข้อ ต้องมารวมกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นมรรคสามัคคี
มรรคต้องสามัคคีกันรวมกันเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เหมือนการฟั่นเชือกจะให้เหนียวแน่นกลมกลึง ต้องใช้เชือกแต่ละเส้นที่มีขนาดเท่ากัน เวลาฟั่นเป็นเกลียวจึงจะลงตัวกลมกลึงแนบสนิทแน่นติดกันดี ไม่มีช่วงไหนเล็กใหญ่เกินกว่ากัน สวยงาม มั่นคง แข็งแรง เหนียว ทน ควรแก่การใช้งาน
ถ้าเส้นหนึ่งใหญ่เส้นหนึ่งเล็ก เอามาฟั่นรวมกัน ฟั่นไปแล้วก็ไม่เท่ากัน ไม่แนบสนิทดี ไม่เหนียว ไม่ทน ไม่ควรแก่การใช้งาน
เชือกแต่ละเส้นก็คือมรรคแต่ละข้อ เมื่อฟั่นรวมกันแล้วก็จะเกิดมีกำลังขึ้นมา จึงต้องเอามาฟั่นรวมกันให้เป็นมรรคสามัคคี ด้วยการปฏิบัติสมาธิ
การเริ่มลงมือปฏิบัติสมาธิ ก็คือขั้นตอนของการเริ่มเอามรรคแต่ละข้อมารวมกัน เหมือนการเริ่มลงมือฟั่นเชือก
และเมื่อเริ่มลงมือฟั่นแล้วก็ดำเนินการฟั่นไปเรื่อยด้วยฉันทะ เชื่อมั่นว่าจะเป็นเชือกที่เหนียวแน่นขึ้นมา ทำการฟั่นด้วยความเพียรที่เป็นไปไม่หยุดหย่อน มีความขวนขวายเอาใจใส่ คอยตรวจสอบแต่ละส่วนแต่ละเส้นอยู่เสมอว่า เข้ากันดีไหม ส่วนไหนหลวมส่วนไหนแน่นก็ปรับปรุงแก้ไขให้กลมกลึงสนิทแน่น เรียกตามภาษาปากว่า มรรคสามัคคีกัน
แต่ถ้าจะเรียกให้ตรง ก็เรียกว่า “มัคคสมังคี”ความพรั่งพร้อมของมรรคแต่ละข้อ มรรคแต่ละข้อมารวมตัวกันอย่างพร้อมเพรียงไม่ก่อนไม่หลัง
มรรคทั้ง ๘ ข้อ มารวมกันที่การปฏิบัติสมาธิ เมื่อยกจิตขึ้นสู่องค์ภาวนาคือลมหายใจ จะเพียรสังวรระวังก็เพียรสังวรระวังอยู่ที่ลมหายใจ จะละก็ละอยู่ที่ลมหายใจ จะภาวนาก็ภาวนาอยู่ที่ลมหายใจ จะตามรักษาก็รักษาอยู่ที่ลมหายใจ และมีฉันทะเชื่อมั่นว่าลมหายใจจะทำให้เกิดความสงบ กำหนดลมหายใจต่อไปด้วยความเพียรชอบที่เป็นไปไม่หยุดหย่อน มีความขวนขวายเอาใจใส่ หมั่นตรวจสอบรอบด้านว่า จิตเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับลมหายใจหรือไม่ หรือว่าลมหายใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับจิตหรือไม่ ทำให้ลมหายใจกับจิตเป็นประหนึ่งเกลียวฟั่นเชือก
เมื่อจิตรวมดวงมีอารมณ์เดียวอยู่กับลมหายใจ แล้วละวางลมหายใจก้าวสู่ความว่างภายใน มีความเบิกบานเป็นเอกภาพสว่างไสวอยู่ด้วยสติสัมปชัญญะ ด้วยปัญญา และอุเบกขาอันบริบูรณ์ ไตรสิกขาและมรรคก็ชื่อว่ารวมองค์กัน เป็นมัคคสมังคี แต่ถ้าจะพูดเพื่อสื่อสารให้เข้าใจกันง่ายตามภาษาชาวบ้าน ก็พูดว่า มรรคสามัคคีกัน
จุดที่องค์แห่งมรรครวมองค์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันก็คือการที่จิตรวมดวงลงรู้ปัจจุบันขณะก้าวสู่ความว่างภายใน จิตรวมดวงลงที่ไหน ก็รวมดวงลงที่อารมณ์พระกรรมฐาน คือลมหายใจ แล้วละวางลมหายใจเข้าสู่ความว่างภายใน
เมื่อใดก็ตามที่มีการลงมือปฏิบัติสมาธิ มีความเพียรพยายามอยู่จนจิตรวมดวง เมื่อนั้นมรรคก็เป็นอันรวมองค์กัน ไม่ว่าจะเป็นมรรคมีองค์ ๘ ไม่ว่าจะเป็นไตรสิกขา เมื่อปฏิบัติสมาธิแล้วก็เป็นอันเดียวกัน คือรวมเป็นหนึ่งในความสงบหรือความว่างภายใน
ในมรรคมีองค์ ๘ ข้อ มี “ความเห็นชอบ” เป็นองค์แห่งมรรคที่เจืออยู่ในมรรคทุกข้อ
เห็นว่า ดำริอย่างนี้เป็นความดำริที่ถูก เห็นว่า พูดอย่างนี้เป็นการพูดที่ถูก เห็นว่า ทำอย่างนี้เป็นการกระทำที่ถูก เห็นว่า ดำเนินชีวิตอย่างนี้ เป็นการดำเนินชีวิตที่ถูก เห็นว่า พยายามอย่างนี้เป็นความพยายามที่ถูก เห็นว่า ระลึกรู้อยู่อย่างนี้เป็นความระลึกรู้ถูก และเห็นว่า มีความตั้งใจมั่นเป็นสมาธิอยู่อย่างนี้ เป็นความตั้งใจมั่นที่ถูก
มีความเห็นอย่างไรจึงจะเป็นสัมมาทิฏฐิที่รวมดวงจนเป็นความเห็นที่เป็นพลัง ก็เห็นอยู่อย่างเดียวคือมีความเห็นอยู่กับลมหายใจ มีความเห็นอยู่กับความเคลื่อนไหวที่เป็นปัจจุบันขณะ
ไม่ว่าจะมีความเห็นเป็นอย่างหนึ่งอย่างใดก็กลับมามีความเห็นตรึกตรองอยู่กับลมหายใจ อยู่กับความเคลื่อนไหวที่เป็นปัจจุบันขณะ ไม่ว่าจะดําริอะไรก็ดำริที่จะดูลมหายใจ ไม่ว่าจะพูดจะทำจะลงมือปฏิบัติอะไรก็ปฏิบัติอยู่กับลมหายใจ ไม่ว่าจะดำเนินชีวิตอย่างไร ก็เป็นไปเพื่อตรึกตรองอยู่กับลมหายใจ พยายามก็พยายามอยู่กับลมหายใจ มีสติก็มีสติอยู่กับลมหายใจ มีสมาธิก็มีสมาธิอยู่กับลมหายใจ มรรคมีองค์ ๘ จึงรวมกันเป็นหนึ่งที่การลงมือปฏิบัติเพื่อดำเนินจิตไปสู่ความสงบ
อธิบายอีกอย่างหนึ่ง จะมีความคิดเห็นตรึกตรองไปอย่างหนึ่งอย่างไรก็ให้มีความคิดเห็นตรึกตรองอยู่กับลมหายใจ จะมีความดำริอะไรก็ให้มีความดำริอยู่กับลมหายใจ จะพูดจะจาอะไรก็เป็นไปเพื่อน้อมมาที่ลมหายใจ จะทำอะไรก็เป็นไปเพื่อรู้ลมหายใจ จะดำเนินชีวิตอย่างไรก็ให้ดำเนินไปเพื่อระลึกรู้ลมหายใจ จะพยายามอะไรก็พยายามเพื่อน้อมเข้ามาระลึกรู้อยู่กับลมหายใจ จะมีความตั้งใจมั่นก็ให้มีความตั้งใจมั่นอยู่กับลมหายใจ
เมื่อทุกอย่างเป็นไปเพื่อน้อมเข้ามาที่ลมหายใจ ก็เป็นปัจจุบันขณะอยู่กับลมหายใจ มรรคมีองค์ ๘ ก็มารวมลงที่ปัจจุบันขณะอยู่กับลมหายใจ เมื่อรู้ลมหายใจก็คือการดำเนินจิตไปตามอริยมรรคนั่นเอง
เมื่อมรรครวมองค์กันในสติปัฏฐานอยู่อย่างนี้ ไตรสิกขาก็เป็นอันรวมองค์กัน
สัมมัปธาน ๔ อิทธิบาท ๔อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ ก็เป็นอันรวมลงที่มรรค จะเพียรสังวรระวังก็เพียรสังวรระวังอยู่ที่ลมหายใจ จะละก็ละอยู่ที่ลมหายใจ จะภาวนาก็ภาวนาอยู่ที่ลมหายใจ จะคอยรักษาก็รักษาอยู่ที่ลมหายใจเป็นปธาน ๔ จะมีฉันทะก็มีฉันทะอยู่กับลมหายใจ จะเพียรก็เพียรอยู่กับลมหายใจ จะเอาใจใส่ก็เอาใจใส่อยู่กับลมหายใจ จะสอดส่องอยู่กับลมหายใจเป็นอิทธิบาท ๔
เมื่อทำอยู่อย่างนี้อินทรีก็แก่กล้า ศรัทธาที่จะทำก็เพิ่มมากขึ้น ความเพียรก็เพิ่มมากขึ้น สติ สมาธิ ปัญญาก็แก่กล้าตามกันมา และเกิดเป็นกำลังเจริญขึ้นพร้อมๆ กัน ไม่ก่อนไม่หลัง เป็นอินทรีย์ ๕ เหมือนกิ่ง ก้าน ใบ สาขา เปลือก กระพี้ และ แก่นแห่งต้นไม้ เมื่อเจริญก็เจริญเติบโตขึ้นพร้อมๆ กัน ไม่ก่อนไม่หลัง
เมื่อมรรคมีองค์ ๘ รวมองค์กัน ก็เป็นอันองค์แห่งการตรัสรู้ คือองค์แห่งโพชฌงค์รวมองค์กัน เมื่อโพชฌงค์รวมองค์กัน ก็เป็นอันโพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการ รวมองค์กันเป็นธรรมสมัคคี ดำเนินจิตไปสู่ความว่างภายใน จิตก็ถึงความเป็นจิตดั้งเดิม มีความเป็นจิตประภัสสร เป็นอุเปกขาสัมโพชฌงค์ เสวยความเป็นใหญ่ในตัวเอง
ไม่ยินดียินร้ายในอารมณ์ทั้งปวง วางอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้
คำว่า ธรรมสามัคคีที่พูดถึงก็คือ ธรรมแต่ละหัวข้อมารวมกันอย่างพรั่งพร้อม ไม่ว่าจะเป็นสติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ และ มรรคมีองค์ ๘ ผนึกกำลังกันแน่นเพื่อชำแรกกิเลส
(โปรดติดตาม สัมมาสมาธิ และ รำลึกวันวาน …มโนปณิธาน พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) ตอนต่อไป)