สถานการณ์ไข้หวัดโควิด-๑๙ มาแรงจนทำให้อิตาลีปิดประเทศเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไปยังประเทศอื่น ไม่เพียงเท่านั้น ในทุกระบบทั่วโลกกำลังอยู่ในภาวะหยุดนิ่งอย่างอึดอัด เพราะเมื่อไม่มีสภาพคล่อง ทุกอย่างก็ถูกกดดันไปโดยปริยาย การศึกษาก็เช่นกัน …

มหาวิทยาลัยปรับตัวก่อนล่มสลาย

กิตติเมธี

กล่าวเป็นข่าวและกระแสอย่างต่อเนื่องเรื่อง เรื่องมหาวิทยาลัยในอเมริกาปิดตัวไปแล้วกว่า ๕๐๐ แห่งจากทั้งหมด ๔,๕๐๐ แห่ง ทำให้เกิดการคาดเดาไปว่าในอีก ๑๐ ปีข้างหน้า อาจจะมีมหาวิทยาลัยทยอยปิดตัวอีกกว่า ๒,๐๐๐ แห่ง

ย้อนกลับมาดูประเทศไทยก็เกิดปัญหานี้ทยอยให้เห็นเรื่องการสอบเข้าระดับ ม. ๖ และระดับอุดมศึกษาที่ลดลง โดยมีการอ้างเหตุผลถึงอัตราการเกิดที่ลดน้อยลง มีทางเลือกในการเรียนที่หลากหลาย  สามารถเรียนออนไลน์ได้ทั่วโลก นักศึกษาที่จบการศึกษาไม่ตอบโจทย์ผู้ประกอบการจึงไม่เกิดการจ้างงาน ทำให้มหาวิทยาลัยบางแห่งมีการเพิ่มงบการตลาดอย่างหนักเพื่อหวังจะสร้างจุดเด่นและเพิ่มจำนวนผู้เรียน

พระมหาขวัญชัย กิตติเมธี ป.ธ.๙,ดร. ขณะสอนนิสิตนักศึกษา
พระมหาขวัญชัย กิตติเมธี ป.ธ.๙,ดร. ขณะสอนนิสิตนักศึกษา

           ที่จริงถ้ามองจากในมุมคนที่ทำงานในมหาวิทยาลัยจะพบว่านอกจากปัญหาในด้านการบริหารจัดการแล้วอีกปัญหาที่ทำให้มหาวิทยาลัยไปต่อได้ยากคือ “หลักสูตรและระบบการเรียนการสอน” เพราะต่อให้มีระบบการบริหารดีแค่ไหนก็ไปไม่รอด

           มองเรื่อง “หลักสูตร” นั้นต้องมองในระดับ universal คือมีความเป็นสากลมากแค่ไหน ว่าตามจริง การเรียนที่จัดขึ้นในมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ รวมถึงทั่วโลก ในหลักสูตรเดียวกันอาจมีความชัดเจนและไปในทางเดียวกัน ทุกหลักสูตรสามารถเชื่อมโยงและต่อยอดองค์ความรู้กันได้

ไม่ใช่พูดเรื่องแต่ที่ตนเองรู้ แต่ไม่สนใจชาวบ้านชาวช่องว่าเขาคุยอะไรกัน อย่างนี้ก็ไปยาก

จึงควรมีหลักสูตรที่ทุกคนมีส่วนร่วม  จับมือกันได้ระหว่างมหาวิทยาลัยกับมหาวิทยาลัยกับชุมชนกับโลกกับศาสนา หรือผู้ที่มีส่วนร่วมแล้ววางเนื้อหาให้สอดคล้อง คุยกันให้สะเด็ดน้ำก่อนแล้วค่อยเดินหน้าต่อ เพราะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสังคมจะอยู่ร่วมกันได้ล้วนมาจากพื้นฐานเดียวกันคือคนคุยกันได้ทุกเรื่องบนความเข้าใจกัน ไม่อย่างนั้นก็คงเป็นว่า “ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องก็อยู่ร่วมโลกเดียวกันไม่ได้”

ขอขอบคุณ ภาพการรับปริญญาในประเทศสกอตแลนด์ จากบทความ "จาริกธรรมในสกอตแลนด์" โดย พระใบฎีกาคทาวุธ คเวสกธมฺโม
ขอขอบคุณ ภาพการรับปริญญาในประเทศสกอตแลนด์ จากบทความ “จาริกธรรมในสกอตแลนด์” โดย พระใบฎีกาคทาวุธ คเวสกธมฺโม

ที่สำคัญไม่แพ้กันคือ “วิธีการถ่ายทอดหรือการเรียนการสอน” ต้องสร้างรูปแบบที่เป็น individual ต้องสร้างอัตลักษณ์ให้กับนักศึกษาที่เข้ามาเรียน คือเมื่อจบออกไปต้องเป็นตัวของตัวเอง ต้องรู้จักตนเองมากขึ้น เพราะปัญหาของการเรียนการสอนสมัยนี้คือ มีข้อมูล (information) จำนวนมาก แต่จะพัฒนาเป็นความรู้ (knowledge) ได้ต้องมีความเป็นสากลหรือ universal อันนี้เป็นขั้นตอนแรกที่กล่าวมา ต่อแต่นั้นต้องเอาไปป้อนแก่นิสิต ซึ่งต้องทำให้เขาเกิดปัญญาหรือความเข้าใจ (understanding) นำไปใช้ในการดำเนินชีวิตได้

การพัฒนาจากความรู้ไปสู่ความเข้าใจนี้ต้องอาศัยการถ่ายทอดหรือการสื่อสารที่ทันสมัย ทำอย่างไรเราจะปลุกความอยากเรียนรู้ หรือ sense of wonder ความตื่นตาตื่นใจต่อโลกแบบเด็กๆ ให้กับนิสิตได้ สิ่งหนึ่งคือต้องมีมุมมองใหม่ๆ ในการเข้าใจโลก และหาเครื่องมือในการสื่อสาร โดยอาจารย์ต้องหาเครื่องมือหรือปรับเปลี่ยนเครื่องมือในการสื่อสารให้สอดคล้องกับนิสิตตลอดเวลา ใช้ประโยชน์จากเครื่องมือที่พัฒนาไปไกลอย่างระบบ e-learning, MOOC เป็นต้น ใช้อุปกรณ์รอบตัวในการสื่อสาร เช่น มือถือ เป็นต้น

แต่สิ่งที่เหนืออื่นใด การจะปลุกความอยากเรียนรู้ หรือ sense of wonder ให้กับใครอื่น อาจารย์ก็ต้องเป็นอย่างนั้น ต้องตื่นตัวและทันกับรูปแบบการสื่อสารที่เปลี่ยนไปตลอดเวลา อันไหนเขาชอบดูชอบสนใจก็เอาสิ่งนั้นหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาช่วยในการสื่อสารมากขึ้น

พระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโป  กลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม สถาบันพัฒนาพระวิทยากร สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ ขณะจัดค่ายการเรียนรู้สำหรับเยาวชน
พระมหาประสิทธิ์ ญาณปฺปทีโป กลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม สถาบันพัฒนาพระวิทยากร สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศ ขณะจัดค่ายการเรียนรู้สำหรับเยาวชน

และสุดท้ายการเรียนการสอนนั้น ต้องสอนให้คนได้หันมาตระหนักรู้ในตนเอง ปลุกความตื่นรู้ Sense of awareness คือเข้าใจตัวเองมากขึ้น เข้าใจความชอบ ความไม่ชอบ ความถนัด เข้าใจในแบบที่ตนเองเป็น เข้าใจวิถีชีวิตที่ตนเองควรเดินก้าวไปในแบบที่เป็นตัวเอง อาจไม่เหมือนใคร แต่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่น

คือเมื่อเรียนจบจะไม่ถามว่า “เรียนแล้วจะเอาไปทำอะไร, เรียนแล้วฉันจะไปทำเหมือนกับใคร” แต่จะเปลี่ยนเป็นว่า “เรียนแล้วฉันจะเป็นตัวของฉันเองมากขึ้นหรือไม่”

เพราะตอนนี้กำลังเกิดคำถามว่า เครื่องจักรจะมาทำงานแทนคน เครื่องจักรคือสิ่งทำอะไรแบบเดียวกันคล้ายๆ กันเดิมๆ ทุกวันตามที่ถูกออกแบบไว้  แต่สิ่งที่เครื่องจักรทำไม่ได้และไม่มีทางทำได้คือ “การเป็นตัวของตัวเอง” กล้าทำอะไรที่ต่างออกไป

และเชื่อว่า วิธีการสอนแบบนี้ตรงกับการสอนให้คนเป็นมนุษย์มากขึ้น และทำให้เรายังเหนือกว่าเครื่องจักรก็ตรงนี้ คือ “อัตลักษณ์เฉพาะตน”

พระมหาขวัญชัย กิตติเมธี ป.ธ.๙ ,ดร. ผู้เขียน
พระมหาขวัญชัย กิตติเมธี ป.ธ.๙ ,ดร. ผู้เขียน

มหาวิทยาลัยปรับตัวก่อนล่มสลาย โดย กิตติเมธี

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here