เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๒ ที่ผ่านมามีข่าวที่น่าสลดใจเกิดขึ้นกับเยาวชนของเรา นั่นคือเด็กชายอายุ ๑๔ ปี นักเรียนชั้น ม.๑ โรงเรียนแห่งหนึ่งใน ต.มาบตาพุด จ.ระยอง ได้ผูกคอตายเพียงเพราะเขาคิดว่าเขาคงไม่ได้เข้าห้องสอบในวันรุ่งขึ้นเนื่องจากผมของเขายาว

พระทำเพื่อเด็ก ๑. อย่าให้อำนาจอยู่เหนือเส้นผม

พระชาย วรธัมโม เรื่องและภาพ

พระธรรมทูต ประจำหน่วยปฏิบัติการอำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี

ในข่าวเพื่อนร่วมชั้นได้แสดงความคิดเห็นว่า “วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้าย ครูได้เตือนให้นักเรียนที่ผิดระเบียบทั้งเรื่องทรงผมและเครื่องแต่งกายให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบของโรงเรียนเพราะเป็นการสอบวันสุดท้ายก่อนปิดเทอมใหญ่”

ก่อนวันเกิดเหตุ เด็กชายได้ขอเงินแม่ไปตัดผมแต่เมื่อไปถึงร้านตัดผมพบว่าร้านปิด เด็กชายกลับมาบ้านพูดว่า “พรุ่งนี้คงไม่ได้ไปสอบ” ในที่สุดเด็กชายก็ฆ่าตัวตายในเช้าวันถัดมา

ผู้เป็นแม่ได้ให้สัมภาษณ์ว่าลูกชายคงรู้สึกเครียดเนื่องจากผมยาวเพราะก่อนตายลูกชายได้รบเร้าให้ตนพาไปตัดผมเพราะเกรงว่าจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าห้องสอบ แต่ตนเองติดธุระจึงไม่ได้พาไปตัดผม ตนไม่คิดว่าลูกชายจะตัดสินใจฆ่าตัวตายเช่นนี้

แม้เนื้อหาของข่าวจะบอกว่าเด็กมีอาการซึมเศร้า แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ากฎระเบียบทรงผมอันเคร่งครัดของโรงเรียนมีส่วนทำให้เด็กมีอาการซึมเศร้า ในทางกลับกันโรงเรียนควรเป็นสถานที่ที่ทำให้เด็กมีความสุข โรงเรียนไม่ควรมีส่วนสร้างเงื่อนไขให้เด็กมีอาการซึมเศร้าที่ย่ำแย่ลงไป โรงเรียนควรเป็นสถานที่ที่ทำให้เด็กมีสุขภาพจิตที่ดีมีความสุข โรงเรียนควรเป็นสถานที่บำบัดความทุกข์ มิใช่เป็นสถานที่ที่คอยซ้ำเติมความทุกข์ใจของเด็กให้อยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายลงไป

ในกรณีนี้หากโรงเรียนมิได้เคร่งครัดเรื่องทรงผม ท่านคิดว่าเด็กจะฆ่าตัวตายหรือไม่ ?

ทำไมเด็ก ๆ ในหลายประเทศทั่วโลกต่างไปโรงเรียนด้วยทรงผมที่แตกต่างหลากหลาย แต่สำหรับประเทศไทยเราต้องไปโรงเรียนด้วยทรงผมที่เกรียนเหมือนกันหมด นักเรียนหญิงต้องไว้ผมทรงเดียวเหมือนกันหมดแม้แต่จะซอยก็ไม่ได้

การที่โรงเรียนมุ่งเน้นลงโทษเรื่องทรงผมและการแต่งกายของเด็กทำให้เด็กเกิดความเครียดและความทุกข์ใจ เมื่อเด็กเครียดและทุกข์ใจเด็กย่อมรู้สึกไม่มีความสุขเมื่อต้องไปโรงเรียน เมื่อเด็กมีภาวะเครียดและทุกข์ใจเด็กจะเอาจิตใจส่วนไหนไปเรียนรู้วิชาการ เพราะในหัวสมองของเด็กมีแต่ความทุกข์ เรื่องนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการน่าจะทราบดีในเรื่องสุขภาวะทางจิต มันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่ายและเป็นเรื่องทางจิตวิทยา เมื่อเรามีความทุกข์ใจเราจะเอาจิตใจส่วนไหนไปเรียนหนังสือ

ในทางตรงกันข้าม หากเรามีความสุขใจ มีความเบิกบานใจ เราก็สามารถเรียนรู้อะไรได้ไว และมีประสิทธิภาพ ข้อนี้เราสามารถเห็นได้ชัดจากกรณีเด็กชายผูกคอตาย เมื่อเขารู้สึกทุกข์ใจเขาจึงไม่มีกำลังใจที่จะไปสอบ ในเมื่อปราศจากกำลังใจที่จะไปสอบในที่สุดเขาจึงฆ่าตัวตาย

ถ้าหากโรงเรียนมิได้เคร่งครัดเรื่องผมยาว เด็กชายคนนี้ก็คงไม่ต้องทุกข์ใจ สามารถไปสอบได้ตามปกติ และไม่ต้องมีข่าวการฆ่าตัวตายให้รู้สึกสะเทือนใจ

มันเป็นข่าวที่น่าสลดใจที่เยาวชนของเราต้องมาเสียชีวิตเพียงเพราะกฎระเบียบเรื่องทรงผมซึ่งสถาบันการศึกษาในบ้านเราไม่เคยยืดหยุ่นให้กับเยาวชนของเราเลย

เด็กมีความคิดความรู้สึกที่ละเอียดอ่อน บางครั้งผู้ใหญ่บังคับให้เขาทำอะไรเด็กก็ปฏิเสธไม่ได้ เด็กต้องทำไปทั้ง ๆ ที่จำใจ หากเด็กไม่พร้อมที่จะทำก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ ผู้ใหญ่มักไม่เข้าใจความรู้สึกของเด็ก ทั้ง ๆ ที่ผู้ใหญ่ก็เคยเป็นเด็กมาก่อน แม้แต่เรื่องทรงผมก็เช่นเดียวกัน

เด็กหลายคนไม่ได้รู้สึกพอใจกับทรงผมที่โรงเรียนบังคับให้ไว้แต่เด็กก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ ถึงพูดออกมาผู้ใหญ่ก็ไม่รับฟัง หรือผู้ใหญ่ก็จะตอบว่าเป็นเด็กเป็นเล็กจะไว้ผมยาวทำไมโดยอ้างว่ามันไม่เรียบร้อย เด็กหลายคนจึงได้แต่เก็บความทุกข์นี้ไว้ในใจนานวันเข้าก็กลายเป็นเด็กซึมเศร้าอยู่ภายในมองภายนอกก็ไม่รู้

ทรงผมที่ผู้ใหญ่ออกแบบมา ผู้ใหญ่ก็ไม่เคยไปถามเด็กว่าพอใจจะไว้ผมทรงนี้ไหม ถ้าลองบังคับให้ผู้ใหญ่ไว้ผมยาวแค่ติ่งหูและไว้เกรียนดูบ้างผู้ใหญ่ก็ไม่เอา ทำไมเด็กจึงไม่มีสิทธิ์ไว้ทรงผมเท่าที่ผู้ใหญ่ไว้ได้ ?

หลายครั้งที่ภาพการถูกไถผม ภาพการกร้อนผมของเด็กให้เสียทรงได้แพร่กระจายไปในสื่อสังคมออนไลน์จนกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดา ทั้ง ๆ ที่การกระทำเช่นนี้เป็นการละเมิดเนื้อตัวร่างกายของเด็ก แต่ไม่มีใครสนใจ แม้แต่ข้าราชการระดับสูงในกระทรวงศึกษาธิการต่างก็นิ่งเฉย รัฐบาลเองก็นิ่งเฉย หากเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นในประเทศที่เจริญแล้วรัฐบาลของเขาข้าราชการในวงการศึกษาบ้านเขาคงไม่นิ่งดูดาย ข้าราชการในประเทศของเขาย่อมหาทางออกของปัญหาคงไม่ปล่อยให้ปัญหาเกิดขึ้นซ้ำ ๆ กับเด็กของเขาและไม่ปล่อยปละละเลยเหมือนบ้านเรา

และแน่นอนเราคงไม่เห็นภาพการกร้อนผมไถผมของเด็กในประเทศที่เจริญแล้ว เพราะประเทศที่เจริญแล้วเขาไม่ยุ่งกับทรงผมหรือการแต่งกายของเด็ก

จดหมายเปิดผนึกฉบับนี้จึงต้องการส่งตรงถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการมี “อำนาจ” ท่านน่าจะทราบข่าวนี้ดีเพราะเป็นข่าวที่สร้างความสลดใจให้กับสังคมและผู้ได้รับข่าวสาร และเป็นข่าวที่เกิดขึ้นในวงการศึกษาบ้านเราอันเกี่ยวเนื่องกับการเคร่งครัดอันเกินเลยขอบเขตกฎระเบียบเรื่องทรงผมของเด็กนักเรียนตามกฎกระทรวงศึกษาธิการที่ได้ระบุไว้

ถึงแม้กระทรวงศึกษาธิการจะออกมาปลดระวางกฎระเบียบเรื่องทรงผมตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๕๖ เป็นต้นมา แต่ก็มีโรงเรียนจำนวนน้อยมากที่ทำตามกฎกระทรวงที่ได้ปลดระวางแล้ว ในขณะที่โรงเรียนส่วนใหญ่ยังคงนิ่งเฉยและยังคงเคร่งครัดกับทรงผมของนักเรียนตามเดิม สร้างความรู้สึกเคร่งเครียดให้กับนักเรียนเช่นเดิม แทนที่เด็กมาโรงเรียนแล้วจะมีความสุขกลับมีความทุกข์ใจ

ประเทศของเราก่อนหน้านี้ก็มิได้เคร่งเครียดเรื่องทรงผม กระทรวงศึกษาธิการเพิ่งมาเคร่งเครียดเรื่องทรงผมเด็กเมื่อ พ.ศ. 2515 นี่เอง แล้วต่อมาก็มีการให้อิสระกับทรงผมในปี พ.ศ. 2518 แต่ไม่มีโรงเรียนไหนปฏิบัติตามจนกระทั่งกระทรวงศึกษาธิการต้องออกมาย้ำเตือนเรื่องอิสระในการไว้ผมของเด็กอีกครั้งในปี พ.ศ. 2556  แต่ก็อย่างที่ปรากฏ มีโรงเรียนน้อยมากที่ปฏิบัติตาม

(ก่อนที่จะไปถึงคำอธิบายจากมุมมองของพระที่เคยเป็นเด็กมาก่อนในตอน ๒ .เราขอพื้นที่เล็กๆ ในใจของท่านให้เปิดกว้าง และช่วยกันหาหาทางออกให้กับเด็กได้มีโอกาสเรียนหนังสืออย่างมีความสุขและได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ตามวัยที่ควรจะเป็น )

พระชาย วรธัมโม

พระชาย วรธัมโม :

พระชาย วรธัมโม

พระธรรมทูต ประจำหน่วยปฏิบัติการอำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี

นอกจากจะเป็นนักเขียนแล้ว ยังเป็นพระที่สนใจสิทธิเด็ก มองว่าเส้นผมของเด็กสัมพันธ์กับพัฒนาการด้านความเป็นตัวตนและความมั่นใจในตัวเองของเด็กวัยรุ่น ข่าวการฆ่าตัวตายเพราะผมยาวของเด็กคนหนึ่งจึงเป็นข่าวที่ไม่สามารถทำให้พระรูปนี้นิ่งเฉยได้

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here