นับตั้งแต่บวชเข้ามาได้เรียนศึกษาธรรมมาถึงปัจจุบันก็ได้เจอปัญหาอุปสรรคมากมายที่ถูกใจบ้างขัดเคืองใจบ้าง​ ได้ยิ้มได้หัวเราะร้องไห้มาแล้วบ้าง​  ร่วมสุขร่วมทุกข์กับกลุ่มเพื่ิอชีวิตดีงาม​ ที่ช่วยกันทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาขึ้นเหนือล่องใต้ ตะวันออก ตะวันตก ​ไปด้วยกันฉันพี่น้อง​ ทำงานเพื่อสังคมตอบแทนบุญคุณคุณข้าวปลาอาหารของญาติโยมมาโดยตลอด

เราทำงานเพื่องาน​ สร้างคนพัฒนาตนเอง​  บางคนอยากจะถามว่าไปอบรมพุทธบุตรเหนื่อยไหม… เหนื่อยอยู่เป็นธรรมดาของคนที่ทำงาน​ ที่เหนื่อยกายพักผ่อนสักกายก็หายเหนื่อยสู้งานไป​ได้

สิ่งที่ได้จากการอบรมเด็กคือความสุขใจ​ เพียงแค่ได้เห็นรอยยิ้มอันบริสุทธิ์ใจและเสียงหัวเราะของเด็กก็มีความสุขใจหายเหนื่อยแล้ว​ สิ่งที่สำคัญเวลาที่อบรมเด็กระยะเวลาอันสั้นน้อยเดียวนั้น จากการสังเกตได้พูดคุยกัน​ บางคนถึงกลับได้สำนึกถึงบุญของพ่อแม่​ คุณครู​ และเพื่อน​ ได้กล่าวขอบคุณและขอโทษที่เคยพลาดพลั้งไป​  ดังสุภาษิตว่า​ “สี่เท้ายังพลาด​ นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง” 

พระทำงาน งานพระธรรม” จาริกธรรมในสหรัฐอเมริกา

โดย พระครูสมุห์สุพัฒน์ อนาลโย

“พระทำงาน งานพระธรรม” จาริกธรรมในสหรัฐอเมริกา โดย พระครูสมุห์สุพัฒน์ อนาลโย

คนที่เคยผิดพลาดมาแล้วรู้จักที่จะแก้ไขตัวให้ดีขึ้นถือว่า​เป็นบัณฑิต​  แต่คนที่พลาดพลั้งแล้วไม่ยอมรับผิดยังแก้ตัวเอาถูกเข้าตัวเอง… เอาความผิดใส่คนอื่นถือว่า​เป็นคนพาล​  นี่คือเป็นการปลูกฝังศีลธรรมขนาดเดียวกันก็ได้คุณธรรมไปด้วย

อย่างน้อยเราได้เพาะต้นกล้าปลูกฝังเชื่อแห่งคุณงามความดีไว้ที่จิตใจของเขาแล้ว​  ผู้เขียนเชื่อว่า​ ตอนที่เขาโตจะได้เอาหลักธรรมที่ได้เข้าอบรมไปปรับใช้ในชีวิตหน้าที่การงานและครอบครัวไม่มากก็น้อยตามสมควรแก่ช่วงชีวิตของเขาเอง

เมื่อมีโอกาสได้ช่วยงานพระพุทธศาสนาในประเทศแล้วยังมีโอกาสได้มาปฏิบัติศาสนกิจที่ต่างประเทศ ในสหรัฐอเมริกา ​มาช่วยงานครูบาอาจารย์สร้างวัดให้เป็นศาสนสถานของพระพุทธศาสนาไว้ให้เป็นมรกดของลูกหลานชาวพุทธในต่างแดน​

“พระทำงาน งานพระธรรม” จาริกธรรมในสหรัฐอเมริกา โดย พระครูสมุห์สุพัฒน์ อนาลโย

วัดพุทธเมตตามหาบารมี​ เป็นวัดแรกในรัฐมิสซิสซิปปีที่ประเทศสหรัฐอเมริกา​ ในรัฐแห่งนี้มีวัดที่เขาตั้งสร้างขึ้นมาก่อนแล้ว​คือวัดลาวและวัดเวียดนาม​ เป็นโอกาสของผู้เขียนได้มาสร้างบุญกุศลสะสมบารมีให้กับตน​ ดังที่ตั้งใจไว้ว่าจะมาช่วยงาน​สร้างวัดตามกำลังกายใจและสติปัญญาเท่าที่มีอยู่​ นี่แหละคือ​ พระทำงาน​

มาอยู่วัดแห่งนี้ได้ช่วยงานทางวัดเบื้ิองต้น​ ซึ่งเป็นช่วงเข้าพรรษาในต่างแดน​ พระสงฆ์ ​๕​รูปในวัดช่วยกันพัฒนาวัดและเสนาสนะในวัดก่อนเช่น​ สร้างโต๊ะ​ ๑๐​  ตัว และกำลังทำป้ายวัด เริ่มต้นตั้งแต่ไปเลือกซื้อไม้ต้นสนมาตัดเป็นตัวอักษร​แล้วยังไม่พอต้องมาขัดให้มันเรียบสวยงามเอาพวกเสี้ยนไม้ออก เพราะมันอาจจะทำให้เกิดอันตรายได้​

ขั้นตอนต่อไปต้องพ่นสีขาวลงเนื้อไม้เสร็จแล้วลงสีแดงอีกครั้ง ขั้นสุดท้ายลงสีทองเป็นอันว่าเสร็จสมบูรณ์

เวลาที่เราขัดตัวหนังสือต้องใช้สติ สมาธิแน่วแน่อยู่กับการขัด  ถ้าใจลอยออกจากงานแล้ว​ อาจจะเผลอไปขัดมือของตนเองได้​  การทำงานในชีวิตประจำวันของเราทุกอย่าง หากเราเผลอแวบเดียวทำให้เสียงานได้หรือจะสูญเสียชีวิตก็ได้ อย่าประมาทในการดำรงชีพ

ตอนที่ไปสร้างโครงร่างของป้ายชื่อวัด มีเสาสองเสาตั้งอยู่ ก็ต้องทำที่นั่งร้านขึ้นรอบเสาสี่มุมเอาไว้เหยียบ สำหรับประกอบจากข้างล่างขึ้นมาทีละขั้นจนสุดปลายเสา แล้วตีคานใส่จั่วให้เป็นหลังคาตั้งฉากมุมสามเหลี่ยม​เป็นแบบเอกลักษณ์ของความเป็นไทยอย่างแท้จริง

ฝรั่งมาเห็นก็ยังชื่นชมว่าคุณทำได้งามมาก​  พระอาจารย์พิสิษฐ์เล่าว่า​ มีฝรั่งมาขอนามบัตรพระ​และมาขอตัวไปทำงานช่วย​ เพราะเห็นความสวยงามของความเป็นไทยที่โดดเด่น​ 

และอีกเหตุการณ์​ ฝรั่งเห็นพระใส่ชุดทำงานแขนยาว​ถามโยมว่าใครที่ทำงานอยู่นั้นใส่เสื้อสีแบบนั้น​ โยมตอบว่า  นั้นคือพระท่านทำงาน​ ท่านมาจากเมืองไทย และชมว่าทำป้ายชื่อวัดได้สวยงามมาก​

ใครที่นั่งรถผ่านไปก็บีบแตรรถให้​ ซึ่งเป็นการทักทายคนทำงานตามมารยาท​ เมื่อเขาบีบแตรรถให้เราก็ยกมือทักทายเขาตอบ​

ทำงานไปดูจิตดูใจไปเฝ้าสังเกตดูใจเวลาทำงานว่าใจมันเหนื่อยหรือใจมันเบื่อ​ เวลาที่ทาสีค่อยบรรจง ทาสีอย่างนุ่มนวล สังเกตดูที่มือมันหนักหรือเบา เวลาใจเราหนักน้ำหนักการลงสีก็จะหนักไปด้วย​ หากใจเราเบามือลงสีก็จะเบาไปด้วย สีออกมาก็จะสวยงามราบเรียบกว่าใจที่หนักและมือที่หนัก ​

การทาสีใจร้อนสีก็จะกระด้างไม่สวยเหมือนเรารีบร้อนอยากให้มันเสร็จเร็วๆ ก็จะได้งานแบบลวกๆ ​ไม่สวย แต่ถ้าใจเราเย็นรู้สึกตัวที่มือ เวลาลงสีน้ำที่สัมผัสกับพื้นสีก็จะเสมอเรียบร้อยสวยงาม​ เพราะใจเราเย็นนิ่งผลงานก็ออกมาดี

การใช้ชีวิตก็ต้องมีสติรู้สึกตัวเท่าทันความนึกคิดชีวิตก็จะปลอดภัยเย็นสบายกายใจ​ วันไหนที่ไร้ความรู้สึกตัวขาดสติหลงกับความนึกปรุงแต่งความคิดไม่รู้จักจบชีวิตก็วุ่นวายกายและจิตใจทั้งวัน

ดังนั้น​ ทำงาน​ไปสังเกตดูจิตใจที่ทำงานของพระธรรมกำลังสั่งสอนธรรมะแก่ใจเราอยู่ มีสติรู้สึกตัวว่าเรากำลังทำก็รู้สึกตัวว่าเรากำลังทำ​  เรากำลังคิดก็รู้สึกตัวว่าเรากำลังคิด​ เรากำลังพูดให้รู้สึกตัวเรากำลังพูด​ รู้ได้เท่าที่รู้ได้​ ไม่ทันก็เริ่มต้นใหม่ได้เสมอ​ เสียไปคืออดีต​ คิดไปก่อนคืออนาคต​ รู้พูด​ ทำ​ คิด​ อยู่ขนาดนี้เดียวนี้คือ​ปัจจุบัน​

พระทำงาน คือกายทำงาน รับรู้การเคลื่อนไหวของกาย พระธรรมคือจิตใจรับรู้สึกตัวของการเคลื่อนไหวของกายในปัจจุบันขณะ นี้คือ ​งานพระธรรม  

พระครูสมุห์สุพัฒน์  อนาลโย พระธรรมทูต วัดพุทธเมตตามหาบารมี เป็นวัดแรกในรัฐมิสซิสซิปปีที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
พระครูสมุห์สุพัฒน์ อนาลโย ผู้เขียน
พระธรรมทูต วัดพุทธเมตตามหาบารมี
วัดไทยแห่งแรกในรัฐมิสซิสซิปปี ประเทศสหรัฐอเมริกา

ธรรมลิขิต (หน้าธรรมวิจัย นสพ.คมชัดลึก วันอังคารที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๒)

เรื่อง “พระทำงาน งานพระธรรม จาริกธรรมในสหรัฐอเมริกา

โดย พระครูสมุห์สุพัฒน์  อนาลโย

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here